วันพุธ, เมษายน 22, 2563

จากยึดโจ๊กถึงซื้อยานเกราะ อย่าสงสัยใคร 'ยะโส' และ 'ใครจ่ายใคร'

ดราม่าของฝ่ายปกครองไทยที่ไปห้ามผู้มีจิตกุศลแจกโจ๊กแก่ชาวบ้านทุกเช้าคราวละหลายร้อยห่อ อ้างว่าเสี่ยงต่อการระบาดของไวรัสโควิด-๑๙ แล้วยึดถุงโจ๊กเหล่านั้นไปจากเขา ไม่มีอะไรมากกว่าความยะโส ‘elegance’ ของเจ้าหน้าที่

เช่นนี้ทำให้หวนไปนึกถึงสมัยที่รัฐบาลชุดที่ถูกทหารยึดอำนาจชุดหนึ่งใช้นโยบายการปกครองท้องที่สไตล์บรรษัท ‘corporation’ ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดจัดการรัฐกิจแบบ ซีอีโอและข้าราชการปกครองต้องสุภาพ โอบอ้อมเอาใจประชาชนประดุจตนเป็น พนักงานขาย

ก่อนหน้านั้นเป็นที่รู้เช่นเห็นชาติว่าข้าราชการไทยชอบทำตัว เป็นนายประชาชนซึ่งเว้นวรรคไปเพียงระยะสั้นๆ แล้วกลับมาใหม่พร้อมกับความรังเกียจอำนาจจากการเลือกตั้ง ซึ่ง สนธิญาน หนูแก้ว ผู้ทำให้ เนชัวร์ อันตรธานหายไป เรียกว่า “พวกบ้าประชาธิปไตย”

สุดท้ายของดราม่านครปฐมเทศบาลกลับเอาโจ๊กที่ยึดไปมาแจกเองตอนเย็น เนื่องเพราะสตรีใจบุญคนนั้นโพสต์เฟชบุ๊คไล้ฟ์เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มีคนแห่ให้กำลังใจกันเป็นไวรัล ลงเอยเทศบาลยอมให้เธอแจกโจ๊กต่อไปทุกวัน โดยมีเจ้าหน้าที่เทศบาลไปช่วยจัดระเบียบ

ถึงอย่างนั้นฝ่ายปกครองก็เสียหะมาไปแล้วเบิ่งบาน ทางปลัดเทศบาลอ้างว่าแม้ผู้แจกจะทำตามระเบียบให้ยืนห่างกันช่วงแขน แถมมีเจลล้างมือแจกด้วย “แต่ของคุณมีไม่พอ เขาพูดอย่างนั้น ใช่ของไม่พอ มี ๒๕๐ (ห่อ) เราก็แจก ๒๕๐ อะ”

ผู้ใช้นาม เฟิร์น ปันน้ำใจ เล่าให้ไทยรัฐเอาไปแพร่ “เขาบอกว่าไม่ได้ มันจะโกลาหล อันนี้ไม่จริง เราแจกมา ๗ วันแล้วค่ะ มันไม่มีโกลาหล พอเค้ารู้ของหมดเค้าก็ไปเลยค่ะ พรุ่งนี้เค้ามาใหม่แล้วพยายามมาให้ทัน ทุกคนเค้าพูดรู้เรื่อง คุณอย่าดูถูกคนจน

คนจนมีหัวใจและมีสมองเหมือนกัน เค้ารู้ เค้ามาเนี่ยคิดเหรอว่าเค้าไม่กลัวความเสี่ยงของโรค เค้ากลัวค่ะ แล้วถามว่าเรากลัวมั้ย เราก็กลัวค่ะ ในเมื่อเค้าเสี่ยงที่จะมาเราก็เสี่ยงที่จะให้อะ” ถ้อยคำให้สัมภาษณ์อย่างนั้นไม่มีอะไรดีกับข้าราชการที่อ้างทำตามหน้าที่

แบบเดียวกับด็อกเต้อโฆษก ศบค.ที่เมื่อวานดันพูดในแถลงข่าวสถานการณ์ไวรัสว่า “ช่วงโควิด-๑๙ นี้มีผลดี ทำให้ดรงพยาบาลโล่ง เพราะคนไม่อยากมา...ปกติแล้วประชาชนมาโรงพยาบาลกันเยอะ เพราะมีบัตรทองและมีประกันสังคม”
 
พูดอย่างนี้ได้ไง เป็นหมอโรคจิตแต่ไม่มีจิตวิทยา “การมีสิทธิ์บัตรทอง หรือสิทธิ์ประกันสังคมแล้วไม่ใช่จะทำให้คนอยากเจ็บป่วย หรืออยากใช้สิทธิ์” Thuethan Prasobchoke สับให้สิ “คนที่ชอบอำนาจนิยมมักจะมีทัศนคติแบบนี้ มองว่าสวัสดิการประชาชนเป็นภาระ”

ช่วยไม่ได้ให้เขาพาดไปถึงตัวนาย “เมื่อก่อนมีประยุทธ์ที่คอยมาสั่งสอนประชาชนทุกเย็นวันศุกร์ แต่ทุกวันนี้มีโฆษก ศบค.มาแทน” แต่ว่าช้าก่อน ตัวแสบไม่ได้หายไปไหน เพิ่งพูดถึงเรื่องที่ชาวบ้านบ่นค่าไฟแพงว่า “ไม่อยากจ่ายค่าไฟแพงก็แค่จุดเทียนใช้”

ต้องไปบอกพลเอกหม่อมเจ้า จุลเจิม ยุคล เขาสิ เพิ่งโพสต์เรื่องนี้เหมือนกันว่า “จากชาวบ้านที่เดือดร้อน เพราะค่าไฟฟ้าขึ้น โดยส่วนตัวพบค่าไฟขึ้นผิดปกติเท่าตัว...อยู่กันสองคนตายาย เดือนนี้เห็นบิลค่าไฟฟ้าโดดขึ้นเป็น ๒๑,๐๐๐ อะไรกันวะ”

จะให้ดีประยุทธ์และเดอะแก๊ง ลองตอบคำถามของ นคร มาฉิม รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยเสียก่อน เรื่องเงินๆ ทองๆ ของรัฐ ของประชาชน “รัฐบาลได้กู้เงินสำนักงานประกันสังคมไปจำนวน ๒ แสนล้านบาท และค้างส่ง ๖๖,๐๐๐ ล้านบาทจริงหรือไม่”

นอกจากนั้นได้มีการนำเงินกองทุนฯ ๒.๒ ล้านล้านบาท “ไปลงทุนแบบสมยอมกับขบวนการทุจริตจนเกิดความเสียหายต่อกองทุนจริงหรือไม่ จำนวนเท่าไหร่ ใครเป็นผู้รับผิดชอบ” แล้วทั้งหมดนี้ดำเนินการด้วยอำนาจแห่งกฎหมายใด

 
ส่วนอันนี้ไม่ต้องตอบ แค่ฟังให้ได้ศัพท์ว่าประชากรผู้เดือดร้อนจากภัยโควิดเขาด่ากันอย่างไร อย่าได้จับเอาไปกระเดียดเชียวละ เรื่องทำเป็นหน้าด้านหน้าตายให้กรมสรรพาวุธทหารบกออกหนังสือตราครุฑแถลงว่า กำลังจัดซื้อรถยานเกราะล้อยางอีก ๕๐ คัน

ชาวบ้านไม่ถามด้วยซ้ำว่าจะเอามารบกับไอ้โคขวิด ๑๙ หรือเปล่า แต่เขาบอกว่าเตรียมกู้ ๑.๙ ล้านล้าน ไว้ให้ลูกหลานใช้หนี้อีก ๕๐ ปีนั่น แล้วขมิบเอาไปจ่าย ๔,๕๐๐ ล้านนี่ ไว้ให้แม่ทัพบกใช้ขี่พ่นสเปรย์หรือพ่องคุณ เรื่องนี้ข่าวหลุดมาก่อนวันที่ ๒๐ เมษาแล้ว

เว็บข่าวเกี่ยวกับกลาโหม DEFNET แจ้งเรื่องไว้ มีคนเข้าไปคอมเม้นต์แสดงความเห็นกันพรึ่บ ส่วนใหญ่วิจารณ์กองทัพดึงดันซื้ออาวุธทั้งที่ประชาชนกำลังจะอดตาย ก็มีไอโอของกองทัพไปโต้ ว่านี่เป็นสัญญาซื้อต่อเนื่องจากภาคแรกไม่สามารถหยุดได้

และถึงจะอย่างไรการมีสรรพาวุธไว้รบทัพจับศึกก็ยังต้องทำ ไม่ว่าประชาชนจะอดตาย หรือประเทศถังแตกอย่างไร สัจจะตะหานนี่สำคัญ สั่งซื้อเขาแล้วหยุดไม่ได้ อย่าสงสัยนะว่าใครจ่ายใคร แล้วอย่าได้ไปค้นข่าวนั้นด้วย หายต๋อมไปแล้วจากเว็บ