ไม่ให้ชักธงดำแล้วจะให้ชักธงแดงกันหรืออยางไร ?
BY KANOKWAN KANKAW
March 4, 2020
ประกายไฟ
กรณีนิสิตจุฬาพยายามชักธงสีดำขึ้นสู่ยอดเสาในช่วงเวลาหลังจากนำธงไตรรงค์ลงสู่พื้นล่างแล้ว ไม่ใช่เรื่องเสียหายแต่ประการใด เป็นความริเริ่มสร้างสรรค์และความกล้าหาญที่แสดงออกอย่างสันติวิธี เป็นการสื่อความหมายเชิงสัญลักษณ์ถึงความไม่พอใจที่มีต่อต่อสังคมไทยที่กำลังเน่าเฟะจากแบบแผนจารีตที่เป็นอุปสรรคขัดขวางความเจริญก้าวหน้าของสังคมไทยมาช้านาน
ธงไตรรงค์ ถูกนำเสนอให้มีคุณค่าเพียงการคลั่งชาติ ลุ่มหลงไปกับลัทธิชาตินิยมที่คับแคบและงมงาย เพื่อการปกปิด การกดขี่ การเอารัดเอาเปรียบของชนชั้นนำอภิสิทธิ์ชนคนส่วนน้อย กระทำต่อชนชั้นล่าง คนส่วนใหญ่
ในขณะที่เราสอนสั่งความรักชาติแบบงมงายอย่างบ้าคลั่งอยู่นั้น เราปล่อยให้นายทุนต่างชาติเข้ามาทำลายทรัพยากรและกดขี่แรงงานไทยตามสะดวก เชิดชูบูชา สรรเสริญนายทุน ขุนศึก ศักดินา ประหนึ่งเป็นเทวดาที่ห้ามวิจารณ์ ปล่อยให้คนพวกนี้โกงกินจนร่ำรวยกันถ้วนหน้า ความรักชาติที่ยัดเยียดมาให้ก็คือ เพื่อรักษาการกดขี่ของคนปล้นบ้านกินเมืองนั่นเอง ขณะเดียวกันในยามเศรษฐกิจฝืดเคือง มีคนไทยตกงานกันมาก แต่นายทุนไทยอย่างเช่นซีพี และอีกหลายกลุ่มทุนกลับหอบเงินไปลงทุนต่างประเทศ อย่างนี้จะเรียกว่ารักชาติได้กระนั้นหรือ ?พวกนายพลในกองทัพยืนตรงเคารพธงชาติ กินเงินเดือนสอง-สามตำแหน่ง ไม่ได้ทำหน้าที่ออกรบ แต่กลับเอาเวลาทำงานไปหาแดกกับธุรกิจการพาณิชย์ทั้งในกองทัพและนอกกองทัพกันมากมายอย่างนี้เขาเรียกว่า รักชาติจนน้ำลายไหลย้อยนั่นเอง ยังมีพวกคณบดี อธิการบดี อาจารย์ อีกหลายคนที่รักชาติเหลือเกินขนาดที่ยอมไปเป็นลูกหาบให้กับเผด็จการทหาร จนอาจารย์บางท่านถึงกับเอาปีบคลุมหัวมาทำงานเป็นการประจานความรักชาติของอาจารย์ลูกหาบเผด็จการมาแล้ว
การแสดงออกของนิสิตสาวจุฬา ที่จะชักธงดำสู่ยอดเสาในเวลายามเย็นค่ำ เป็นเพียงการสื่อความหมายเชิงสัญลักษณ์ถึงความไม่พอใจต่อความเน่าเฟะของสังคมที่เต็มไปด้วยอำนาจฉ้อฉล และความสกปรกโสมมของการกดขี่ในสังคมไทยเท่านั้น เป็นการแสดงออกอย่างสันติวิธี ที่มีความหมายและคุณค่าในการสะท้อนความอัปลักษณ์ของสังคมไทยในทุกวันนี้ ไม่รู้ว่าพวกนักวิชาการค่ายสันติวิธีทั้งหลาย ไปมุดรูอยู่ตรงไหนไม่มาออกมาปกป้องนิสิตจุฬาในครั้งนี้ ไม่ออกมาปกป้องสันติวิธีเช่นนี้
ไม่ให้ชักธงดำแล้วจะให้ชักธงแดงกันหรืออย่างไร ? บอกมาเลย จะให้ทำสงครามกันเลยหรืออย่างไร ? ถ้าไม่อยากให้เรียกว่าสลิ่มก็อย่าทำตัวให้มันเสล่อกันไปไกลกว่านี้อีกเลย
สมยศ พฤกษาเกษมสุข
3.3.63
...
"ธงดำ" เป็นสัญลักษณ์ของการกระทำความเศร้า
นับแต่ทหารทำรัฐประหาร 2549 ผ่านเหตุการณ์ทหารโหดเหี้ยม 2553 เรื่อยมาจนถึงทหารทำรัฐประหาร 2557 และ "ทหารเผด็จการ" ก็ยังได้สืบทอดอำนาจต่อมา ผ่านจากออกแบบ "เพื่อพวกเรา" ( เช่น "กวีเป่าขลุ่ย" ) มาเรื่อยจนถึงเวลาในปัจจุบัน
การชัก "ธงดำ" ขึ้นสู่ยอดเสา เป็นการแสดงความโศกเศร้าอาลัยในความสูญเสียที่เกิดขึ้นในประเทศของคนหนุ่มสาวรุ่น Twitter Generation ที่พวกเขาเองต่างก็ล้วนมีส่วนเป็นเจ้าของ
พวกเขาไม่ได้ "เช่าแผ่นดิน" ใครอยู่
พวกเขาเกิดมาเพื่อเป็นส่วนหนึ่งบน "แผ่นดินเกิด" ของพวกเขาเอง
พวกเขามีสิทธิที่จะแสดงออกซึ่งความเศร้า เหงา เบื่อ และแปลกแยกกับ "ความจอมปลอม" และ "ความว่างเปล่า" ของพวกท่านที่มักหาเหตุสร้างจินตนาการกล่าวหา โดยเติมคำว่า "ชัง" ไว้หน้าคำ 3 คำ - ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
ทั้งๆที่พวกเขาก็เพียงแค่แสดงออกในเสรีภาพของตน และหาได้คิดชิงชังเช่นที่ถูกใส่ร้ายป้ายสีแต่ประการใด
กรณีนิสิตจุฬาพยายามชักธงสีดำขึ้นสู่ยอดเสาในช่วงเวลาหลังจากนำธงไตรรงค์ลงสู่พื้นล่างแล้ว ไม่ใช่เรื่องเสียหายแต่ประการใด เป็นความริเริ่มสร้างสรรค์และความกล้าหาญที่แสดงออกอย่างสันติวิธี เป็นการสื่อความหมายเชิงสัญลักษณ์ถึงความไม่พอใจที่มีต่อต่อสังคมไทยที่กำลังเน่าเฟะจากแบบแผนจารีตที่เป็นอุปสรรคขัดขวางความเจริญก้าวหน้าของสังคมไทยมาช้านาน
ธงไตรรงค์ ถูกนำเสนอให้มีคุณค่าเพียงการคลั่งชาติ ลุ่มหลงไปกับลัทธิชาตินิยมที่คับแคบและงมงาย เพื่อการปกปิด การกดขี่ การเอารัดเอาเปรียบของชนชั้นนำอภิสิทธิ์ชนคนส่วนน้อย กระทำต่อชนชั้นล่าง คนส่วนใหญ่
ในขณะที่เราสอนสั่งความรักชาติแบบงมงายอย่างบ้าคลั่งอยู่นั้น เราปล่อยให้นายทุนต่างชาติเข้ามาทำลายทรัพยากรและกดขี่แรงงานไทยตามสะดวก เชิดชูบูชา สรรเสริญนายทุน ขุนศึก ศักดินา ประหนึ่งเป็นเทวดาที่ห้ามวิจารณ์ ปล่อยให้คนพวกนี้โกงกินจนร่ำรวยกันถ้วนหน้า ความรักชาติที่ยัดเยียดมาให้ก็คือ เพื่อรักษาการกดขี่ของคนปล้นบ้านกินเมืองนั่นเอง ขณะเดียวกันในยามเศรษฐกิจฝืดเคือง มีคนไทยตกงานกันมาก แต่นายทุนไทยอย่างเช่นซีพี และอีกหลายกลุ่มทุนกลับหอบเงินไปลงทุนต่างประเทศ อย่างนี้จะเรียกว่ารักชาติได้กระนั้นหรือ ?พวกนายพลในกองทัพยืนตรงเคารพธงชาติ กินเงินเดือนสอง-สามตำแหน่ง ไม่ได้ทำหน้าที่ออกรบ แต่กลับเอาเวลาทำงานไปหาแดกกับธุรกิจการพาณิชย์ทั้งในกองทัพและนอกกองทัพกันมากมายอย่างนี้เขาเรียกว่า รักชาติจนน้ำลายไหลย้อยนั่นเอง ยังมีพวกคณบดี อธิการบดี อาจารย์ อีกหลายคนที่รักชาติเหลือเกินขนาดที่ยอมไปเป็นลูกหาบให้กับเผด็จการทหาร จนอาจารย์บางท่านถึงกับเอาปีบคลุมหัวมาทำงานเป็นการประจานความรักชาติของอาจารย์ลูกหาบเผด็จการมาแล้ว
การแสดงออกของนิสิตสาวจุฬา ที่จะชักธงดำสู่ยอดเสาในเวลายามเย็นค่ำ เป็นเพียงการสื่อความหมายเชิงสัญลักษณ์ถึงความไม่พอใจต่อความเน่าเฟะของสังคมที่เต็มไปด้วยอำนาจฉ้อฉล และความสกปรกโสมมของการกดขี่ในสังคมไทยเท่านั้น เป็นการแสดงออกอย่างสันติวิธี ที่มีความหมายและคุณค่าในการสะท้อนความอัปลักษณ์ของสังคมไทยในทุกวันนี้ ไม่รู้ว่าพวกนักวิชาการค่ายสันติวิธีทั้งหลาย ไปมุดรูอยู่ตรงไหนไม่มาออกมาปกป้องนิสิตจุฬาในครั้งนี้ ไม่ออกมาปกป้องสันติวิธีเช่นนี้
ไม่ให้ชักธงดำแล้วจะให้ชักธงแดงกันหรืออย่างไร ? บอกมาเลย จะให้ทำสงครามกันเลยหรืออย่างไร ? ถ้าไม่อยากให้เรียกว่าสลิ่มก็อย่าทำตัวให้มันเสล่อกันไปไกลกว่านี้อีกเลย
สมยศ พฤกษาเกษมสุข
3.3.63
...
"ธงดำ" เป็นสัญลักษณ์ของการกระทำความเศร้า
นับแต่ทหารทำรัฐประหาร 2549 ผ่านเหตุการณ์ทหารโหดเหี้ยม 2553 เรื่อยมาจนถึงทหารทำรัฐประหาร 2557 และ "ทหารเผด็จการ" ก็ยังได้สืบทอดอำนาจต่อมา ผ่านจากออกแบบ "เพื่อพวกเรา" ( เช่น "กวีเป่าขลุ่ย" ) มาเรื่อยจนถึงเวลาในปัจจุบัน
การชัก "ธงดำ" ขึ้นสู่ยอดเสา เป็นการแสดงความโศกเศร้าอาลัยในความสูญเสียที่เกิดขึ้นในประเทศของคนหนุ่มสาวรุ่น Twitter Generation ที่พวกเขาเองต่างก็ล้วนมีส่วนเป็นเจ้าของ
พวกเขาไม่ได้ "เช่าแผ่นดิน" ใครอยู่
พวกเขาเกิดมาเพื่อเป็นส่วนหนึ่งบน "แผ่นดินเกิด" ของพวกเขาเอง
พวกเขามีสิทธิที่จะแสดงออกซึ่งความเศร้า เหงา เบื่อ และแปลกแยกกับ "ความจอมปลอม" และ "ความว่างเปล่า" ของพวกท่านที่มักหาเหตุสร้างจินตนาการกล่าวหา โดยเติมคำว่า "ชัง" ไว้หน้าคำ 3 คำ - ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
ทั้งๆที่พวกเขาก็เพียงแค่แสดงออกในเสรีภาพของตน และหาได้คิดชิงชังเช่นที่ถูกใส่ร้ายป้ายสีแต่ประการใด
...