วันจันทร์, มีนาคม 02, 2563

'โควิด๑๙' ของไทยซ่อนอะไรหรือเปล่า ไฉนอาการ 'ปอดบวมจากเชื้อไวรัส' พุ่งปรี๊ด


เมื่อวันก่อน อนุทิน คุยโอ้ รัฐบาลจะแจกฟรีหน้ากากอนามัยให้ประชาชนวันละเป็นแสน หวังว่าเรื่องที่อุบไว้เอามาเปิดวันนี้ (ที่ ๒ มีนา) คงน่าฟังกว่านะ เพราะมีคนบ่นกันมามากแล้วว่าไม่ต้องแจกก็ได้ ขอได้มีจำหน่ายในราคาปกติตามสถานที่เคยขายก็พอ

พอขึ้นเดือนมีนาก็เริ่มระงมว่าหน้ากากอนามัยขาดตลาด หาซื้อที่ไหนไม่ได้เลย ไล่หลังแบบหายใจรดต้นคอกับประกาศทางการ มีผู้เสียชีวิตจากอาการเกี่ยวเนื่องกับการระบาดของไวรัสโคโรน่า แล้ว ๑ ราย เป็นชายวัย ๓๕ ปี

ชายผู้นี้ทำงานเกี่ยวเนื่องกับความเสี่ยงติดเชื้อไวรัส แต่เขาล้มป่วยด้วยโรคไข้เลือดออก และต่อมาตรวจพบว่ามีเชื้อ ‘COVID19’ แต่ก็มีอาการกระเตื้องและไม่พบเชื้อในร่างตั้งแต่วันที่ ๑๖ กุมภาเป็นต้นมา แพทย์แจ้งว่าเขาเสียชีวิตเพราะปอดและอวัยวะภายในหลายอย่างหยุดทำงาน

นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรคเปิดเผยด้วยว่า ยังมีผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรน่าซึ่งทำงานเกี่ยวข้องนักท่องเที่ยวอีกหนึ่งราย ที่ป่วยหนักมากด้วยอาการแทรกของวัณโรค และผู้ป่วยรายล่าสุดเป็นไกด์ทัวร์ชายวัย ๒๑ ปี ท่ามกลางจำนวนคนติดเชื้อทั้งหมดขณะนี้ ๔๙ ราย

 
ท่ามกลางความวิตกและตระหนกของประชาชนว่ารัฐบาลจะสามารถควบคุมการระบาดของ โควิด ๑๙ได้อย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่ แม้นว่านายอนุทิน ชาญวีรกูล จะแถลงว่ายารักษาไวรัสสายพันธุ์ใหม่จากจีนมาถึงแล้วก็ตาม

(ในสหรัฐหลังจากผู้ป่วยรายแรกเสียชีวิตที่เคิร์กแลนด์ รัฐวอชิงตัน มีข่าวลือเล็ดลอดออกมาว่า ยารักษาไวรัสโคโรน่าที่แพทย์อเมริกันค้นพบและเตรียมเก็บสะสมไว้หากเกิดการระบาดขนาดร้ายแรงถึงขั้น ‘pandemic’ ก็คือยารักษาโรคมาเลเรีย นั่นเอง)

อย่างไรก็ดีในประเทศไทยกำลังเผชิญการขาดแคลนอย่างหนัก ของหน้ากากอนามัยที่จะใช้ป้องกันการแพร่เชื้อขั้นปฐมภูมิ สมาคมโรงพยาบาลเอกชนทำหนังสือร้องต่อ รมว.สาธารณสุขว่าปัญหาขาดแคลนหน้ากากอนามัยนี้ “เข้าขั้นวิกฤต” แล้ว

เว็บไซ้ท์ HFocus.org ระบุว่าการขาดแคลนนี้เกิดจาก “เหตุผู้ผลิตต้องส่งให้กรมการค้าภายในเท่านั้น” ทำให้มีการวิพากษ์กันอย่างหนักหน่วง เช่น @TeehenPenU ทวี้ตอ้างว่า “หน้ากากอนามัยที่ควรส่งให้โรงพยาบาลก่อน ถูกกรมการค้าภายใน สต็อกไป ๓๐ ล้านชิ้น”

โดยมี @ppondsvc อ้างเป็นผู้ผลิตเสริมว่า “ครึ่งหนึ่งต้องแบ่งให้กรมการค้าภายใน...ราคาที่เราขายให้รัฐคือชิ้นละ ๒ บาท...สำหรับราคาตลาดตอนนี้ ไทยชิ้นละ ๑๔ บาทอย่างต่ำ...ธงฟ้าประชารัฐเอาไปขายชิ้นละ ๒.๕๐ บาท”

ผู้ผลิตรายนี้อ้างด้วยว่า “วัตถุดิบในการผลิตส่วนใหญ่มาจากจีน  ตอนนี้หมดแล้ว การนำเข้าหน้ากากคือจ่ายส่วยในท่าเรือตลอดทาง...โรงงานผลิตหน้ากากทำได้แค่ผลิตไปจนกว่าจะหมดแล้วพอ เพราะยิ่งผลิตยิ่งขาดทุน”

ด้าน NICOLAS F. ANGELO “ยืนยันอีกเสียง ใครผลิต ใครครอบครอง ต้องแบ่งครึ่งนึงมาขายให้กรมฯ ในราคาไม่เกิน ๒ บาท แต่สงสัยมากว่ารับซื้อเยอะขนาดนี้แล้วเอาไปไหน” คำตอบก็คือ “เพื่อส่งไปให้คนกลางรายใหญ่ อันได้แก่ 7-11 และ ศูนย์การค้าของกลุ่มทุนผูกขาด”

กบนอกกะลาบัญชีเฟชบุ๊คที่ให้ความรู้และข่าวสารเกี่ยวกับเชื้อไวรัส ‘COVID19’ มาอย่างต่อเนื่อง ให้ข้อมูลว่า “ตอนนี้กรมการค้าภายในเตรียมส่งขายหน้ากากอนามัย ๔ ชิ้นต่อ ๑๐ บาท และขายที่ร้านสะดวกซื้อ...อย่าง เซเว่น บิ๊กซี โลตัส และร้านธงฟ้า 
...และมั่นใจได้ว่าหน้ากากอนามัยจะเพียงพอต่อความต้องการ...โดยกระจายให้ประชาชนได้สัปดาห์ละ ๓ ล้านชิ้น หรือวันละ ๕ แสนชิ้นนั่นเอง”

ดูแล้วรัฐบาลและ อนุทินจัดการแก้ปัญหาได้ไม่เลวในระดับเฉพาะหน้า ตราบเท่าที่จำนวนผู้ติดเชื้อและป่วยไม่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วอย่าง เกาหลี ญี่ปุ่น และอิตาลี ข้อสำคัญถ้าไม่มีการหมกเม็ดใดๆ เหมือนกรณี แป้งมัน ไปขายออสเตรเลีย หรือ 1MDB

แต่กระนั้นไม่วายมีเลศลมคมนัยอย่างไรอยู่ เช่นวันนี้ ราชกิจจาฯ ออกประกาศศาลปกครอง “ห้ามเดินทางไป ๑๑ ประเทศที่เสี่ยง โควิด-๑๙ (ได้แก่) ๑.เกาหลีใต้ ๒.ไต้หวัน ๓.จีน ๔.มาเก๊า ๕.ฮ่องกง ๖.ญี่ปุ่น ๗.มาเลเซีย ๘.เวียดนาม ๙.สิงคโปร์ ๑๐.อิตาลี ๑๑.อิหร่าน”

แต่ยังไม่มีการห้ามนักท่องเที่ยวจาก ๑๑ ประเทศนั้นเข้าไทย เปรียบเปรยอย่างเบาะๆ ก็เหมือน ตบมือข้างเดียวมันจะได้เรื่องอันใด มิหนำซ้ำ “Something is not right in #Thailand.” บัญชีทวิตเตอร์ @disclosetv สงสัย

“ไม่เห็นค่อยมีข่าวการติดเชื้อ โควิด ๑๙ รายใหม่ๆ (เขาให้ตัวเลขเมื่อ ๒๙ กุมภา ว่ามีแค่ ๔๑ ราย) แต่ว่าเวลานี้จำนวนผู้ป่วย ‘viral pneumonia’ กลับพุ่งปรี๊ด ๒,๕๐๐ และบวก” เขาเปรียบเปรย (บังเอิญคล้ายการเมืองไทย) ด้วยว่า

“แต่งหน้า งูเห่าได้ก็เอาละ แต่มันก็ยังเป็นงูเห่าอยู่นั่นเอง” นี่สิ ไม่บอกเป็นโควิดหรือโคโรน่า แต่มันคือโรคปอดบวมที่เกิดจากเชื้อไวรัสน่ะ งูเห่าภูมิใจไทยแอบไปแต่งหน้าเป็นอนาคตใหม่หรือเปล่า