มันอะไรกันนี่ บ้านเราวันนี้พูดถึง ‘ผีน้อยเกาหลี’ เหมือนไม่ใช่ ‘คน’ (ไทย) เมื่อ ๓ มีนา ตม. “กำหนดมาตรการรองรับ...คนไทยที่จะอยู่ในสถานะถูกส่งกลับจากเกาหลี...พบว่ามีทั้งหมด ๘ ราย ต้องสงสัยจะติดเชื้อโควิด-๑๙
และได้นำตัวส่งโรงพยาบาลเพื่อเฝ้าดูอาการจำนวน
๒ ราย และอีก ๖ ราย ได้กักตัวเอาไว้ที่บ้านพักเป็นเวลา ๑๔ วัน...ซึ่งในสถานการณ์ปกติจะมีการส่งกลับทางสุวรรณภูมิราว ๕๐ คนต่อวัน
และดอนเมืองราว ๒๐ คนต่อวัน”
มันมาจากข่าวที่ว่า “แรงงานไทยผิดกฎหมายในประเทศเกาหลีใต้
ขอเดินทางกลับประเทศไทยกว่า ๕ พันคน” รมว.สาธารณสุข อนุทิน ชาญวีรกูล บอก “ส่วนตัวยอมรับว่ารู้สึกช็อค
เพราะไม่ทราบว่ามีปัญหานี้มาก่อน
โดยมาตรการที่นำมาใช้กับ ‘ผีน้อย’ จะเข้มข้นกว่าการเคลื่อนย้ายบุคคลมาจากอู่ฮั่น”
ทั้งนี้หลังจากประกาศแล้วว่ามี ๑๑ ประเทศที่ไทยกำหนดว่าเป็นเขตติดโรคอันตราย “ประกอบด้วย
ญี่ปุ่น เยอรมนี เกาหลีใต้ จีน รวมถึงมาเก๊าและฮ่องกง ไต้หวัน ฝรั่งเศส สิงค์โปร
อิตาลี และอิหร่าน”
(https://www.innnews.co.th/politics/news_612540/ และ https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/868883)
คนเหล่านั้นถึงจะเป็นแรงงานนอกกฎหมายในต่างประเทศ
ก็ล้วนเป็นผู้บุกเบิกออกไปหากินนอกบ้านเพื่อนำความสมบูรณ์พูนสุข และวิวัฒนาการก้าวหน้ากลับมาเมืองนอน
เฉกเช่นรุ่นก่อนๆ ที่ดั้นด้นไปถึงยุโรปและอเมริกา
ปัญหาเวลานี้ไม่ได้อยู่ที่มาตรการกักตัวป้องกันแพร่เชื้อ
แต่อยู่ที่เรียกคนเหล่านี้ว่า ‘ผีน้อย’
นี่แหระ เราเรียกตัวเองว่า “ไทยเป็นชาติมีน้ำใจ” (สำหรับมหามิตร –ใหม่
เท่านั้นหรือ) แล้วเรื่อง ‘ปิดข่าว’ ที่ภูเก็ตล่ะ
จังหวัดที่ @peilin0109 เรียก “เมืองแห่งนักท่องเที่ยว เมืองแห่งเรือสำราญ”
อันเต็มไปด้วยชนต่างชาติเดินทางเข้ามาจากนอก มีการหมกเม็ดกรณี “มีคนที่ต้องสงสัยติดเชื้อ
Covid19 เป็นจำนวนมาก แต่ไม่มีการวินิจฉัยให้แน่ชัด”
ความแดงขึ้นมาเนื่องจากรายงานของ The
Reporters “หมอภูเก็ตแจ้งความ ผอ.และรอง ผอ.โรงพยาบาลวชิระภูเก็ตปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
เหตุไม่มีมาตรการที่ดีรับมือ ‘โควิด-๑๙’...รับผู้ป่วยผู้ป่วยเข้าข่ายสงสัยโรคโควิด-๑๙ จำนวนมาก”
แต่ “ไม่ได้เตรียมสถานที่ บุคคลากร
หรืออุปกรณ์ป้องกันอันตรายที่เพียงพอใดๆ ต่อเจ้าหน้าที่ หรือ ต่อผู้ป่วยที่นอนในโรงพยาบาล
และผู้ป่วยที่มารับบริการในแต่ละวัน” ซึ่งตามมาตรฐานวิชาชีพควรต้องแยกผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้ออกจากผู้ป่วยปกติ
เหตุที่หมอคนนี้ต้องไปยื่นฟ้องร้องเพราะได้ทำการท้วงติงแล้ว
ทั้ง ผอ.และรองฯ กลับปฏิเสธ ทั้งที่ “ไม่มีอุปกรณ์ป้องกันอันตรายเพียงพอให้เจ้าหน้าที่ที่ต้องติดต่อกับผู้ป่วยทุกจุด...ไม่มีหน้ากากอนามัยเพียงพอ
ไม่มีแว่นหรือที่ปกปิดป้องกันหน้าจากไวรัส”
ข้อสำคัญ “แพทย์คนนี้ระบุว่า เคยทำหนังสือไปที่ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ร้องเรียนว่าขอให้แยกโรงพยาบาลสำหรับ โควิด-๑๙ แต่ไม่มีการตอบรับ” @Neelachewitgu ผู้ที่เอามาปูดต่อแซะว่า “ก็ไม่ได้ตรวจไง เลยไม่เจอคนติดเชื้อเพิ่ม
ไม่ได้ปิดข่าวซะหน่อย”
ขณะที่รัฐบาลมีไอเดียเจ๋งรับมือการระบาดของไวรัสโคโรน่า
ครม.อนุมัติหลักการตั้งกองทุนขึ้นมาต่อสู้ โควิด-๑๙ โดยระบุว่ารัฐมนตรีแต่ละคนควรสละเงินเดือน
๑ เดือนเข้าสมทบ วุ้ย คณะครองอำนาจกำลังจะเป็นฮีโร่กันถ้วนหน้า
ห้าหกปีที่ผ่านมารัฐบาลใช้เงินไปแล้วมหาศาล
อ้างเมกกะโปรเจ็คต่างๆ รถไฟเร็วสูง (แถมเรือดำน้ำและรถถัง) จากจีนเอย เขตเศรษฐกิจพิเศษ
‘อีอีซี’ เอย ยังไม่ปรากฏมรรคผลอะไรสักอย่าง
พอคราวนี้บ้านเมืองเจอะวิกฤตจริง ครม.ขอเป็นพระเอก
อันที่จริงไม่ต้องถึงขนาดนั้นก็ได้ แค่บริหารจัดการให้มันได้เรื่องก็น่าจะพอเอาอยู่แล้ว
อย่างกรณีภูเก็ตที่ยกมาเป็นตัวอย่าง หากการทำงานของรัฐบาลมีประสิทธิภาพ
สามารถกำกับฝ่ายสาธารณสุขและโรงพยาบาลให้ปฏิบัติหน้าที่อย่างถูกต้อง
ก็คงไม่ได้เห็นบุคคลากรแพทย์ผู้น้อยกลายเป็น
‘ฮีโร่’ ตัวจริง