วันเสาร์, กุมภาพันธ์ 08, 2563

สงสัย 'ทวี' พ่อปารีณา ไกรคุปต์ จะหลุดได้ก็ตรง ถึงผิดแต่ก็ 'ไม่มีบทลงโทษ' อีกมั้ย


ต้องจ้องรอดูนะว่าป่าไม้คนนี้จะโดนย้ายไหม ขนาดว่ารายงานไปก็ขออภัยไว้ด้วย “ไม่ได้มีเจตนาที่จะไปกลั่นแกล้งใคร” และ “เจ้าหน้าที่ได้ทำไปตามหน้าที่ ตามข้อกฎหมาย” จากที่ผู้อำนวยการศูนย์ป่าไม้ราชบุรีแจ้งผลการลงพื้นที่ตรวจข้อร้องทุกข์

“เพราะเชื่อว่ามีการบุกรุกครอบครองที่ดินของรัฐโดยมิชอบด้วยกฎหมาย” โดยนายทวี ไกรคุปต์ อดีตรัฐมนตรี บิดาของ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรีพรรคพลังประชารัฐ บริเวณหมู่ ๙ ต.ท่าเคย อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี ซึ่งนายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน ได้แจ้งความเป็นคดีอาญาไว้

ข้อสรุปก็คือ พบว่าผู้ถูกฟ้องถือครองทำประโยชน์บนที่ดินของรัฐ ๗ แปลง ๓ ประเภท คือที่ป่าสงวนแห่งชาติ ๑๗ ไร่กว่าๆ ที่ป่าไม้ถาวรกว่า ๓๗๕ ไร่ และที่เขตปฏิรูปที่ดิน (สปก.) สองแปลง ๖๔๖ ไร่ รวมทั้งหมดเกิน ๑,๐๓๙ ไร่

“ในส่วนพื้นที่เขตป่าสงวนแห่งชาติและเขตป่าไม้ถาวร อยู่ในความรับผิดชอบของกรมป่าไม้โดยตรง จะเก็บข้อมูลเพื่อเตรียมร้องทุกข์กล่าวโทษกับผู้ครอบครอง เป็นลักษณะคดีเดียวกันกับนายวีระ สมความคิด ที่ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษไว้แล้ว” 
นายพัฒนะ ศิริมัย ผอ.ป่าไม้ราชบุรีบอกว่าข้อหาก็คือ “บุกรุกครอบครองทำประโยชน์ในที่ป่า” อาทิ ทำประโยชน์ทางสัญจร มีถังเหล็กเก็บน้ำ มีบ้านพัก ฟาร์มจระเข้ และทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ เป็นต้น

ทั้งนี้จะแจ้งความข้อกฎหมายมาตรา ๕๔ ของ พรบ.ป่าไม้ พ.ศ. ๒๔๘๔ พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๐๗ มาตรา ๑๔ ประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา ๙ และพ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๓๕ มาตรา ๙๗

แต่ในส่วนเป็นที่ สปก.นั้น “ก็จะช่วยสนับสนุนในการปฏิบัติงานของ ส.ป.ก. และ บก.ปทส.ด้วย” ทว่าเรื่องที่ สปก.นั้น “กรมป่าไม้ได้ทำหนังสือสอบถามความเห็นไปยังคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้วใน ๒ เรื่อง

คือ พื้นที่ดังกล่าวยังเป็นป่าสงวนแห่งชาติอยู่หรือไม่ และพื้นที่ดังกล่าวพ้นสภาพจากป่าสงวนฯ ไปเป็นพื้นที่เกษตรกรรมแล้วหรือไม่” นายธวัชชัย ลัดกลูด ในฐานะประธานคณะตรวจสอบเรื่องนี้ (แม้จะถูกย้ายลงไปอยู่พื้นที่อุดรธานีแทน) เผย

ว่าตนได้เป็นตัวแทนกรมป่าไม้ไปหารือกับคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้ว “พบว่าน่าจะต้องดำเนินคดีกับ น.ส.ปารีณา เพิ่มเติม แต่จะดำเนินคดีเฉพาะพื้นที่ที่ น.ส.ปารีณาได้ทำประโยชน์ในที่ดิน เช่น ทำเล้าไก่ ทำรั้ว

ส่วนพื้นที่ที่เหลือเป็นของ ส.ป.ก.อยู่แล้ว ขึ้นอยู่กับว่าจะนำไปจัดสรรให้เกษตรกร หรือจัดสรรที่ดินให้ผู้ยากไร้” ก็ต้องรอวินิจฉัยของกฤษฎีกา หากแต่กรณีนี้ สปก.ได้เคยชี้แจงเช่นกันว่า น.ส.ปารีณาได้ส่งคืนที่ สปก.แล้ว “ไม่มีบทลงโทษตามกฎหมาย”


ทั้งหมดที่ระดับ ผอ.ป่าไม้สองคนพูดออกมา อาจอ่านแล้วสับสนเล็กน้อย แต่จับความได้ว่าการครอบครองที่ป่าโดยนายทวีพ่อของปารีณานั้นเป็นความผิดแน่ๆ แต่กรณีฟาร์มเลี้ยงไก่ขายขี้บนที่ สปก.ในนาม น.ส.ปารีณานั้นคืนให้แล้ว ถึงจะผิดก็ไม่มีบทลงโทษ
 
ดังนั้นจึงมีข้อคิดนิดนึง ในเมื่อป่าไม้เข้าไปตรวจสอบที่ทั้งของปารีณาและพ่อ ผู้ถูกกล่าวหาไม่ได้อยู่ดูการตรวจของเจ้าหน้าที่ ตอนฟาร์มไก่ป่าไม้นัดตรวจก็ไม่อยู่รับรู้ การรื้อเล้าไก่ บก.ปสท.จัดการให้ ส่วนการตรวจที่พันกว่าไร่ครั้งหลังผู้ต้องหาไม่ไปนำชี้แนวเขต

ป่าไม้ต้องอาศัยเจ้าหน้าที่ ปกครองในท้องที่ (ผู้ใหญ่บ้าน) เป็นคนชี้แนวเขตให้แทน ซึ่งก็ “มีความชัดเจนพอสมควร” อย่างนี้จะเรียกว่าผู้ถูกกล่าวหาไม่รู้ไม่ชี้ ถังเก็บน้ำ ฟาร์มจรเข้ก็ไม่รู้ใครทำ ให้ป่าไม้รื้อถอนซะ และถือว่าคืนแล้ว ไม่มีบทลงโทษ อีกได้ไหม

จะได้หมดเรื่องหมดราวไป อย่าว่าอย่างโน้นอย่างนี้เลยฮะ สงสารลุงตูบเค้า เดี๋ยวโดนหนูเอ๋กระโดดกอดเข้าให้อีก กลับบ้านโดนหยิกเนื้อเขียว