เหตุการณ์เขย่าขวัญที่โคราชนั่นสิ้นสุดแล้ว
อาการหวาดผวาค่อยๆ จางไป แม้นความเศร้าสลดยังต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะเลือน ความรู้สึกผู้คนทั่วไปกลับสู่ปกติ
หนึ่งคือในกรุงเทพฯ เจอ “ฝุ่นพิษพุ่งเกินมาตรฐาน ๙ พื้นที่”
ขณะที่รัฐมนตรีสาธารณสุขยังติดใจกับ ‘เรื่องส่วนตัว’ ของตน (แบบที่นายกฯ
บอกว่าเรื่องร้ายจ่าทหารคลั่งเพราะแค้นที่ถูกผู้บังคับบัญชาโกงเงินค่าผ่อนบ้านประมาณ
๔ แสน พอไปทวงกลับโดนแกล้งสั่งขังและหักเบี้ยเลี้ยง ก็ส่วนตัวไม่เกี่ยวกองทัพ)
ทว่า อนุทิน ชาญวีรกูล
เก็บเอาเรื่องที่ตนพูดด่าฝรั่งคนหนึ่งซึ่งไม่ยอมรับหน้ากากอนามัยที่ตนยื่นแจกให้
ถึงขนาดไล่ให้ออกไปจากประเทศไทย แล้วถูกประชาชนอินเตอร์เน็ตสวดยับว่าไม่เหมาะสม
ไร้วุฒิภาวะ มาเขียนเฟชบุ๊ค ‘double down’ อัดซ้ำ
อ้างว่าฝรั่งคนนั้น “ไม่เพียงไม่ให้ความร่วมมือ
แต่ยังเห็นสิ่งที่เราทำเป็นเรื่องน่ารังเกียจ ปัดมือผมที่ยื่นหน้ากากอนามัย...และแสดงท่าทีดูถูกเหยียดหยามความปรารถนาดีของคนไทย
ผมไม่รู้สึกผิดที่ตอบโต้ผ่านสื่อมวลชน ไปยังคนต่างชาติคนนั้นและคนอื่นๆ ที่ดูอยู่”
(https://www.facebook.com/photo.php?fbid=3036373479757173&set=a.175348975859652&type=3
และ https://news1005.mcot.net/view/5e40bf04e3f8e40af1416448…)
แต่ว่า ฝรั่งคนนั้นวัฒนธรรมของเขาถ้าไม่ต้องการก็ไม่รับ
อันอาจต่างกับวัฒนธรรมเลิศล้ำของที่นี้ หากรัฐมนตรีแจกให้จะต้องรับไว้อย่างนอบน้อม
เขาเป็นแค่นักท่องเที่ยวมาชมทัศนียภาพและความเป็นอยู่ในประเทศนี้
จะต้องให้เขาเปลี่ยนความประพฤติเป็นแบบไทยๆ
เสียก่อนด้วยหรือ ดูแต่นายกฯ ออสเตรเลียไปตรวจเยี่ยมความเสียหายไฟป่าทำลายที่อยู่กินประชาชน
ยื่นมือขอจับแสดงมิตรภาพกับชาวบ้าน สตรีคนหนึ่งโกรธเคืองมากก็ยังปฏิเสธไม่ยอมจับมือด้วย
แล้วจะเหมาเอาว่าความรู้สึกส่วนตัวของตนเอง
เป็นความรู้สึกที่ถูกต้องหรือเหมาะสมต่ออาคันตุกะซึ่งมาใช้จ่ายเป็นรายได้ให้แก่ประเทศไทยหรือเปล่า
อาจเป็นเพราะอนุทินมีอัตตาอันยิ่งใหญ่เสียจน มองเห็นคนที่ไม่นบนอบว่าประสงค์ร้ายไปหมด
อันเหตุเข่าขวัญระดับชาติที่โคราชนั่น
ในเมื่อคนร้ายเป็นทหารแม่นปืน สามารถเอาอาวุธสงครามจากคลังแสงสรรพาวุธ ซ้ำนำรถศึกฮัมวีออกมาใช้เป็นพาหนะ
แม้จะได้ด้วยการหักหาญช่วงชิง แต่ทำให้คนบริสุทธิ์เสียชีวิตจำนวนมากขนาดนี้
มันไม่ได้เป็น ‘เรื่องส่วนตัว’ ของเขาคนเดียวแล้วละ
ครั้นเมื่อตำรวจ (ที่มีคนบอกว่าเป็นหน่วย “ฉก.ทม.รอ.๙๐๔
นะครับ” เสียด้วย) สามารถ ‘วิสามัญ’ ดับชีพคนร้ายได้แล้ว* หลังจากที่คุมเชิงอยู่นับสิบชั่วโมง
ตัวหัวหน้าสุดยอดของรัฐบาลก็เดินทางไปแถลงข่าวอย่างเริงร่า ประดุจ ‘victory
dance’
จนเป็นที่วิจารณ์อย่างหนักทางสื่อสังคมว่าไม่เหมาะสม
ทั้งยักคิ้วหลิ่วตา มือไม้ป่ายชู ทำมีนิฮ้าร์ทบ้าง สะบัดไล่บ้าง
นักรบไซเบอร์บางรายเห็นว่าการพูดจาไม่ได้มีแม้กระผีกพี้ของการไว้อาลัย มีแต่ถ้อยคำอวดอ้างดั่งการออกเดินสายหาเสียง
แก้ตัว แก้ต่าง “บางครั้งการแสดงออกอาจทำให้หลายคนเข้าใจผิด
หรือรู้สึกไม่สบายใจ” นี่มาสไตล์ หรืออีหรอบเดียวกันเด๊ะ
กับทั่นรองฯ อนุทิน
ที่ว่า “ไม่โกรธ แต่ (ก็) รู้สึกเสียใจที่มีการแปลเจตนาของผมผิดพลาด
จากที่ผมต้องการจะสื่อสาร” อันนี้ไม่น่าจะเป็นความผิดของคนที่เห็น
แต่ส่วนใหญ่ในสากลโลกมักเป็นที่ กิริยาที่แสดงออกไป
จะด้วยความหลงลืมหรือไร้เดียงสาก็ตามแต่