วันจันทร์, กุมภาพันธ์ 10, 2563

"ผมไม่โกรธที่โดนด่า" แต่ว่าระดับนี้ คิดก่อนทำน่าจะดี

เหตุการณ์เขย่าขวัญที่โคราชนั่นสิ้นสุดแล้ว อาการหวาดผวาค่อยๆ จางไป แม้นความเศร้าสลดยังต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะเลือน ความรู้สึกผู้คนทั่วไปกลับสู่ปกติ หนึ่งคือในกรุงเทพฯ เจอ “ฝุ่นพิษพุ่งเกินมาตรฐาน ๙ พื้นที่”

ขณะที่รัฐมนตรีสาธารณสุขยังติดใจกับ เรื่องส่วนตัวของตน (แบบที่นายกฯ บอกว่าเรื่องร้ายจ่าทหารคลั่งเพราะแค้นที่ถูกผู้บังคับบัญชาโกงเงินค่าผ่อนบ้านประมาณ ๔ แสน พอไปทวงกลับโดนแกล้งสั่งขังและหักเบี้ยเลี้ยง ก็ส่วนตัวไม่เกี่ยวกองทัพ)

ทว่า อนุทิน ชาญวีรกูล เก็บเอาเรื่องที่ตนพูดด่าฝรั่งคนหนึ่งซึ่งไม่ยอมรับหน้ากากอนามัยที่ตนยื่นแจกให้ ถึงขนาดไล่ให้ออกไปจากประเทศไทย แล้วถูกประชาชนอินเตอร์เน็ตสวดยับว่าไม่เหมาะสม ไร้วุฒิภาวะ มาเขียนเฟชบุ๊ค ‘double down’ อัดซ้ำ

อ้างว่าฝรั่งคนนั้น “ไม่เพียงไม่ให้ความร่วมมือ แต่ยังเห็นสิ่งที่เราทำเป็นเรื่องน่ารังเกียจ ปัดมือผมที่ยื่นหน้ากากอนามัย...และแสดงท่าทีดูถูกเหยียดหยามความปรารถนาดีของคนไทย ผมไม่รู้สึกผิดที่ตอบโต้ผ่านสื่อมวลชน ไปยังคนต่างชาติคนนั้นและคนอื่นๆ ที่ดูอยู่”


แต่ว่า ฝรั่งคนนั้นวัฒนธรรมของเขาถ้าไม่ต้องการก็ไม่รับ อันอาจต่างกับวัฒนธรรมเลิศล้ำของที่นี้ หากรัฐมนตรีแจกให้จะต้องรับไว้อย่างนอบน้อม เขาเป็นแค่นักท่องเที่ยวมาชมทัศนียภาพและความเป็นอยู่ในประเทศนี้

จะต้องให้เขาเปลี่ยนความประพฤติเป็นแบบไทยๆ เสียก่อนด้วยหรือ ดูแต่นายกฯ ออสเตรเลียไปตรวจเยี่ยมความเสียหายไฟป่าทำลายที่อยู่กินประชาชน ยื่นมือขอจับแสดงมิตรภาพกับชาวบ้าน สตรีคนหนึ่งโกรธเคืองมากก็ยังปฏิเสธไม่ยอมจับมือด้วย

แล้วจะเหมาเอาว่าความรู้สึกส่วนตัวของตนเอง เป็นความรู้สึกที่ถูกต้องหรือเหมาะสมต่ออาคันตุกะซึ่งมาใช้จ่ายเป็นรายได้ให้แก่ประเทศไทยหรือเปล่า อาจเป็นเพราะอนุทินมีอัตตาอันยิ่งใหญ่เสียจน มองเห็นคนที่ไม่นบนอบว่าประสงค์ร้ายไปหมด

อันเหตุเข่าขวัญระดับชาติที่โคราชนั่น ในเมื่อคนร้ายเป็นทหารแม่นปืน สามารถเอาอาวุธสงครามจากคลังแสงสรรพาวุธ ซ้ำนำรถศึกฮัมวีออกมาใช้เป็นพาหนะ แม้จะได้ด้วยการหักหาญช่วงชิง แต่ทำให้คนบริสุทธิ์เสียชีวิตจำนวนมากขนาดนี้ มันไม่ได้เป็น เรื่องส่วนตัวของเขาคนเดียวแล้วละ

ครั้นเมื่อตำรวจ (ที่มีคนบอกว่าเป็นหน่วย “ฉก.ทม.รอ.๙๐๔ นะครับ” เสียด้วย) สามารถ วิสามัญ ดับชีพคนร้ายได้แล้ว* หลังจากที่คุมเชิงอยู่นับสิบชั่วโมง ตัวหัวหน้าสุดยอดของรัฐบาลก็เดินทางไปแถลงข่าวอย่างเริงร่า ประดุจ ‘victory dance’
 
จนเป็นที่วิจารณ์อย่างหนักทางสื่อสังคมว่าไม่เหมาะสม ทั้งยักคิ้วหลิ่วตา มือไม้ป่ายชู ทำมีนิฮ้าร์ทบ้าง สะบัดไล่บ้าง นักรบไซเบอร์บางรายเห็นว่าการพูดจาไม่ได้มีแม้กระผีกพี้ของการไว้อาลัย มีแต่ถ้อยคำอวดอ้างดั่งการออกเดินสายหาเสียง

เสร็จแล้วเป็นอย่างไรวันรุ่งขึ้นก็ไปโพสต์เฟชบุ๊คชื่อบัญชี ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha
 แก้ตัว แก้ต่าง “บางครั้งการแสดงออกอาจทำให้หลายคนเข้าใจผิด หรือรู้สึกไม่สบายใจ” นี่มาสไตล์ หรืออีหรอบเดียวกันเด๊ะ

กับทั่นรองฯ อนุทิน ที่ว่า “ไม่โกรธ แต่ (ก็) รู้สึกเสียใจที่มีการแปลเจตนาของผมผิดพลาด จากที่ผมต้องการจะสื่อสาร” อันนี้ไม่น่าจะเป็นความผิดของคนที่เห็น แต่ส่วนใหญ่ในสากลโลกมักเป็นที่ กิริยาที่แสดงออกไป จะด้วยความหลงลืมหรือไร้เดียงสาก็ตามแต่

* (ขณะที่ยังมีหมายเหตุ หลายคนสงสัยอย่างยิ่งว่าตัวประกันสองคน ชายหนึ่งหญิงหนึ่งที่เสียชีวิตอยู่ภายในห้องเย็นเดียวกันไม่ไกลจากร่างคนร้าย นั้นตายโดยน้ำมือของจ่าคลั่ง หรือว่าเป็นผลของลูกกระสุนหลงในปฏิบัติการวิสามัญ)