วันศุกร์, สิงหาคม 09, 2562

ฝ่ายค้านได้คืบ ๒๕๑-๒๔๙ โหวตเอานายกฯ ออกได้ (ถ้าไม่มี สว.เอากลับ)

ได้คืบเข้ามาแล้ว นอกจากฝ่ายค้านชนะโหวตข้อบังคับสภา ๒๐๕ ต่อ ๒๐๔ เสียง ยังมีกลุ่มพรรคเอื้ออาทร ๕-๗ เสียงประกาศหย่า แยกตัวเป็นฝ่ายค้านอิสระ ทำให้ คสช.๒ กลายเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยอย่างปริ่มๆ แทน

ผลงาน เต้ พระราม ๗ มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ที่ผันตัวจากหัวหน้าพรรคสอบตกไปได้เข้าสภาฯ จากการเล่นแร่แปรธาตุคณิตศาสตร์ของ กกต. เป็นหนึ่งใน ๑๑ ส.ส. ที่ คสช.ดูดไว้กันเหนียวตอนโหวตให้ประยุทธ์เป็นนายกฯ สืบทอดอำนาจ

มาบัดนี้ถูกประยุทธ์เปิดบริสุทธิ์แล้วทิ้งขว้าง “ท้ายที่สุดนโยบายของ ๑๐ พรรค แม้จะถูกเขียนไว้ แต่ก็เป็นเสมือนการเขียนเพียงเพื่อหลอกให้พวกตนดีใจ เหมือนว่ามีให้แล้ว แต่กลับไม่ได้รับโอกาสเข้าไปผลักดันนโยบายในฝ่ายบริหารเลย”

เขาเปิดแถลงข่าวหน้าสภาฯ วิพากษ์ข้อเสนอของ รมว.คลัง อุตตม สาวนายน ที่เปรยจะขึ้นภาษีน้ำมัน ชนิด ด่า แบบ “หมอไม่รับเย็บแล้ว...ฝาก ‘ประยุทธ์’ อย่าคิดแค่ใช้เงิน คิดวิธีหาเงินด้วย” (@miomoney) แถมเล่นแรง “พลเอกประยุทธ์ไม่ใช่พ่อผม และผมไม่ใช่ขี้ข้ารัฐบาล ไม่ได้อยู่บริษัทรัฐบาล”

หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์อ้างเหตุหย่าร้าง “จำนวน ส.ส. ถึง ๑๐ คน ควรจะได้เก้าอี้รัฐมนตรี ๒ ที่นั่ง หากคำนวณตามสัดส่วนที่บางพรรคมี ส.ส. แค่ ๓ คน ยังได้เป็นรัฐมนตรีว่าการถึง ๑ กระทรวง” เลยพูดแทน ๕ พรรคกับอีก ๒ พรรคที่อยู่ระหว่างตัดสินใจ แต่คาดว่ามาแน่

ว่าขอถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล คสช.๒ และ “ขอสนับสนุนให้พรรคฝ่ายค้านยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ ครม. ทั้งคณะ และพวกเราก็พร้อมที่จะยกมือโหวตให้ฝ่ายค้านด้วย ถ้าเรื่องที่อภิปรายชัดเจนว่าไม่ถูกต้องตามกฎหมาย”


มิใยหลายฝักฝ่ายไม่เชื่อน้ำยา เช่น บก.ลายจุดสมบัติ บุญงามอนงค์ มองว่าเป็นการ โก่งราคา“แต่เอาเข้าจริงๆ เพียงรัฐบาลแบะท่าว่าจะให้ประโยชน์ในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง ก็พร้อมพลิกกลับไปหนุนรัฐบาลได้ ไอ้นี่มันกะล่อน ผมไม่หลงกลหรอก”

ด้าน ไอติมพริษฐ์ วัชรสินธุ ประชาธิปัตย์อกหัก บอก “ดีใจที่ #ฝ่ายค้านอิสระ มีอยู่จริง แต่ก็รู้สึกแคลงใจที่มงคลกิตติ์เป็นคนชูธงเรื่องนี้” เขาเอ่ยประเด็นที่ทำให้บทบาทของเต้ไม่มีน้ำหนัก “๑. ถ้ายึดมั่นในอุดมการณ์ ก็ไม่ควรร่วม รบ. ตั้งแต่ต้น

๒. ถ้าจะอ้างว่า พปชร. ไม่รักษาคำพูดที่ให้ไว้กับพรรคเล็ก แล้วทำไมคุณไม่รักษาคำพูดที่ให้ไว้กับ ปชช. ก่อนเลือกตั้งว่าจะไม่หนุน พล.อ.ประยุทธ์” ล่ะ ข้อหลังนี่เป็นประเด็นที่ฝ่ายไม่เอาสืบทอดอำนาจรัฐประหารพูดกันมาก่อนบ่อยๆ

เจอรายการหน่ายประยุทธ์หลากหลายก็ทำให้ คสช.๒ กระสับกระส่ายไปเหมือนกัน ถึงขั้นลือกันว่าท่าทางประยุทธ์จะโยนผ้าขอบาย ขนาดวาสนา นาน่วม โพสต์ถึงปฏิกิริยาของประยุทธ์ต่อการที่ถูกวิจารณ์ว่าจงใจไม่กล่าวคำถวายสัตย์ให้ครบตามรัฐธรรมนูญว่า

“ผมขอเป็นผู้รับผิดชอบ แต่เพียงผู้เดียว” พูดซ้ำประโยคนี้ถึง ๓ ครั้งในการกล่าวเปิดประชุมชี้แจงนโยบายรัฐบาลต่อผู้บริหารระดับสูง ที่อิมแพ้คฟอรั่ม เมืองทองธานี ข่าวลือจึงปรากฏว่าเป็นการ “พูดอะไรให้คนคิดว่าส่งสัญญาณลาออกได้จริงๆ” (@sirotek)


ร้อนถึงโฆษกรัฐบาลผู้ปกป้องคุ้มครอง ปารีณา รีบบิดพริ้วแก้ไข ว่าที่ประยุทธ์พูดเรื่องรับผิดชอบนั่นไม่ใช่เกี่ยวกับการถวายสัตย์ขาดตกนะ “พูดเพียงว่าประเด็นใดที่เกี่ยวข้องกับรัฐธรรมนูญจะรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น”
 
หาว่าสื่อ “ตีความกันไปเลยเถิด” เอง แหมด็อกเต้อนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ นี่เป็นโฆษกได้ไม่กี่วันเรียนระบบ คสช.ได้คล่องแคล่วเร็วจัง เรื่องตอแหลหน้าตาย อ้างว่าการถวายสัตย์ของประยุทธ์ไม่เกี่ยวกับรัฐธรรมนูญเสียนี่

แล้วที่สุดยอดกว่าโฆษกคนไหนๆ ของรัฐบาล คสช.ที่ผ่านๆ มาตรงที่แม่เจ้าประคุณ โปรเฟ็สเซ่อ อ้างฉอดๆ ว่าที่ลือกันนายกฯ จะลาออกนั่น “ที่เข้าใจคลาดเคลื่อนอาจเพราะช่วงนี้ท่านเหนื่อย” และ “ขอให้ประชาชนไม่ต้องกังวล นายกฯ ยังอยู่ วันนี้อาจจะเพลียเพราะทานทุเรียนเยอะ”


ฝาก โปรเฟ็สเซ่อ ด็อกเต้อ บอกนายกฯ ด้วยว่าต้องลดทุเรียนแล้วละ เพราะต่อนี้ไปจะเหนื่อยมากขึ้นไปอีก เป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย ๒๔๙ หรือ ๒๔๗ นี่โดน ส.ส.ฝ่ายค้านทั้งหมด (๗ พรรคสัตยาบัน บวก ๕-๗ พรรคอิสระ) โหวตไม่ไว้วางใจ

ไล่ออกจากตำแหน่งนายกฯ ได้นะ ถึงแม้ว่าเมื่อถูกโหวตออกแล้ว สว. จะนำกลับมาโหวตใหม่ให้เป็นนายกฯ อีกได้ เพราะรัฐธรรมนูญ ๖๐ ตามสเป็ค คสช. ระบุว่า ๕ ปีแรกของรัฐสภา ๒๕๐ สว.ตู่ตั้งยังมีอำนาจเลือกนายกฯ อยู่

 
แต่ถ้าไปถึงจุดนั้นเสียงในสภาผู้แทนฯ อาจไม่ปริ่ม ๒๕๑ ต่อ ๒๔๙ แล้ว ฝ่ายค้านอาจกลับเอ่อล้นขึ้นมาแทนก็ได้เช่นกัน