https://www.facebook.com/thai.udd.news/videos/691025321325731/
มอง ‘ประยุทธ์’ ขาดวุฒิภาวะ ไร้สาระ ตัดรุ่นพี่รุ่นน้อง ‘เสรีพิศุทธิ์’ แนะหยุดเอาความเป็นพวกพ้องมาอ้าง - ชี้ระบบอุปถัมภ์ทำบ้านเมืองมีปัญหา เอื้อผิดเป็นถูก สร้างความเหลื่อมล้ำ ตัดโอกาสคนจน - หมดอำนาจมาตรา 44 ยังมาชี้หน้าคนโน้นคนนี้ สะท้อนไม่รู้จักบทบาทตัวเอง
ร่ายยาวปมนายกฯ ถวายสัตย์ไม่ครบ ‘หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย’ เดินหน้ายื่นศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยความชอบด้วยกฎหมาย ชี้ทางออก ‘บิ๊กตู่’ ขอพระราชทานอภัยโทษ หรือ ลาออก หยุดเดินลุยไฟ ดื้อเสี่ยงคุก
เมื่อวันที่ 1 ส.ค.62 แฟนเพจ 'ยูดีดีนิวส์ - UDD News' สัมภาษณ์พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ เตมียเวส สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(ส.ส.)แบบบัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.)
ระหว่างรับราชการตำรวจได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีศักดิ์รามาธิบดี ภายหลังปราบปราม ‘คอมมิวนิสต์’
-กรณีพล.อ.ประยุทธ์ตัดพี่ตัดน้อง ท่านมองว่าเรื่องนี้สะท้อนอะไร
ผมว่าคุณประยุทธ์ ไม่รู้จักบทบาท เพราะวันนั้นมาแถลงนโยบายจะต้องพูดเรื่องนโยบาย ยังไม่พูดว่าคุณประยุทธ์ถวายสัตย์ไม่ถูกต้องจะมีอำนาจมาแถลงนโยบายหรือไม่ แต่วันนั้น มาแถลงนโยบายก็ต้องพูดเรื่องนโยบาย ไม่ควรเอาเรื่องส่วนตัวมาพูด
อย่างผมพูดว่า ชาวบ้านบอกว่าคุณประยุทธ์มาเป็นนายกรัฐมนตรี ไม่สง่างามเลย ครั้งแรกก็ปล้นเขามา ครั้งที่2 ก็โกงเขามา
ผมพูดตามข้อเท็จจริงเป็นเนื้อหาสาระว่าถ้าเป็นนายกรัฐมนตรีมีคุณสมบัติแบบนี้ จะทำงานบริหารประเทศตามนโยบายนี้ได้ยังไง นโยบายจะดีหรือในเมื่อความประพฤติยังโกง นโยบายจะไม่โกงหรือ
แต่คุณประยุทธ์กลับไม่พอใจคำพูดของผม ออกมาพูดว่า ‘จะตัดพี่ตัดน้อง’ มันเรื่องอะไรกัน ไม่เห็นเกี่ยวกับเรื่องแถลงนโยบายเลย
แสดงให้เห็นว่าคุณประยุทธ์ ไม่สามารถควบคุมสติอารมณ์ได้ ถูกด่าแค่นี้ ผมไม่ได้ด่าด้วย ผมพูดตามตรงเท่านั้นเอง ทนไม่ได้แล้ว
แล้วถามว่าที่ผ่านๆ มา คุณยึดอำนาจมา ใช้มาตรา 44 สั่งย้ายคนโน้น ปลดคนนี้ ลงโทษคนนั้น ทำโน่นทำนี่ทุกประการไม่มีใครเขากล้าหืออือกับคุณ
แต่คุณลืมตัวไปแล้วหรือว่านี่เลือกตั้งใหม่แล้ว ถึงแม้คุณจะได้อำนาจมา จะชอบหรือไม่ชอบก็แล้วแต่
เมื่อคุณได้อำนาจมาแล้ว คุณหมดแล้วนะของเก่าๆ อำนาจตามมาตรา44 คุณเหมือนไม่รู้จักตัวเอง ยังมาทำยิ่งใหญ่อยู่ในสภา ชี้หน้าคนโน้นชี้หน้าคนนี้
มาชี้หน้าผม ผมบอกมาชี้ทำไม ให้หันไปทางประธาน ให้พูดกับประธาน
คือไม่รู้กฎระเบียบ ไม่รู้กติกาอะไรสักอย่าง แสดงให้เห็นถึงความเป็นคนขาดวุฒิภาวะ โดยเฉพาะคนที่เป็นผู้นำ
ผมยังไม่ขัดขวางการประชุมเลย เมื่อผมพูดแล้วที่ประชุมท้วงกันให้ผมรับผิดชอบถอนคำพูด ผมถือว่าคำพูดของผม มันเป็นเรื่องความถูกต้องชอบธรรม เพราะชาวบ้านบอกมาอย่างนั้นจริงๆ แล้วผมก็เห็นอย่างนั้น ว่าคุณทั้งโกง ทั้งปล้นเขามา จะให้ผมถอนคำพูดได้ยังไง ถ้าผมถอนคำพูดก็แสดงว่าผมรับรองว่า คุณไม่ได้โกงมา ปล้นมา ใช่ไหม
ผมถอนไม่ได้ เมื่อผมถอนไม่ได้ ให้ผมออกจากที่ประชุม ผมก็ออก ผมไม่ได้เอะอะโวยวายขัดขวางว่าประธานไม่ชอบ ประธานไม่มีอำนาจ
ผมก็ปฏิบัติตาม ก็แค่นั้นเอง แต่คุณประยุทธ์ ยังไม่รู้อะไรควรอะไรไม่ควรในที่ประชุมสภา มาตัดพี่ตัดน้องอะไร
ผมเป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่นพี่ คุณประยุทธ์ก็รุ่นน้อง ก็แค่นั้น ทั้งชีวิตก็ไม่เคยได้มาสัมผัสกันเลย
-การให้ความสำคัญกับความเป็นรุ่นพี่รุ่นน้อง แม้ว่าจะประกาศตัดไปแล้ว ในแง่หนึ่งอาจจะเกี่ยวกับเรื่องความเป็นพวกพ้อง ทัศนะแบบนี้จะเป็นอุปสรรคกับการบริหารงานในระบอบประชาธิปไตยหรือไม่
จริงๆ แล้วมันเป็นนิสัยของคนไทย มักจะมีรุ่นพี่รุ่นน้องพรรคพวกเพื่อนฝูง มีระบบอุปถัมภ์มาก ตรงนี้ทำให้บ้านเมืองเรามีปัญหา ไม่แยกแยะถูกผิดชั่วดี ไปเอาเรื่องรุ่นพี่รุ่นน้อง ไปเอาความใกล้ชิดสนิมสนมส่วนตัวเป็นหลัก คือปัญหาของบ้านเมือง
เพราะฉะนั้น พี่น้องประชาชนส่วนใหญ่ยังไม่สามารถลืมตาอ้าปากได้ หรือแม้กระทั่งความเหลื่อมล้ำ ก็เพราะระบบอย่างนี้ ระบบอุปถัมภ์ รุ่นพี่รุ่นน้อง มีอะไรก็โอเค ผิดเป็นถูกก็ได้อะไรแบบนี้
ทำให้พี่น้องประชาชนระดับล่างไม่สามารถมาใช้สิทธิตรงนี้ได้ ไม่สามารถลืมตาอ้าปากได้เลย จะเข้าเป็นทหารก็ยาก จะเป็นตำรวจก็ยาก จะรับราชการก็ยาก ขาดสิทธิไป
เพราะฉะนั้น ไม่มีความจำเป็นหรอก รุ่นพี่รุ่นน้อง
เพียงแต่ว่า กาลครั้งหนึ่งในชีวิตเรา เราได้เป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่น 8 เข้าปี 2508 คุณประยุทธ์ เป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่น 12 เข้าปี 2512 ผมก็เป็นรุ่นพี่ คุณประยุทธ์จะไปเป็นรุ่นพี่ผมไม่ได้หรอก เช่นเดียวกับอายุ ในเมื่อผมมากกว่าคุณประยุทธ์ ชาตินี้คุณประยุทธ์ก็อายุตามผมไม่ทัน
ผมจะเอาความเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องไปเอารัดเอาเปรียบคนอื่นได้ยังไง คนอื่นเขาทำดีถูกต้อง ผมก็ควรจะสนับสนุนส่งเสริมเขา ไม่ใช่จบสถาบันเดียวกันแล้วต้องส่งเสริมมากกว่าคนอื่น
-ดร.ทักษิณก็จบเตรียมทหาร
เขาจบเตรียมทหาร ทักษิณรุ่น 10 ผมรุ่น 8 และจบตำรวจ ผมรุ่น 24 คุณทักษิณรุ่น 26 เห็นตั้งแต่เป็นนักเรียนก็แค่นั้นไง
พอจบมาผมก็รับราชการตำรวจมาเรื่อย ส่วนคุณทักษิณรับราชการถึงพันตำรวจโท แล้วไปทำธุรกิจ
-การที่พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงกรณีแต่งงานวันเดียวกัน เกี่ยวข้องกับประโยชน์สาธารณะอย่างไร
(หัวเราะ) ไม่เกี่ยวเลย ไม่มีความจำเป็นต้องพูด ไร้สาระนะครับ
-การเมืองหลังเลือกตั้ง มีอะไรที่ท่านเป็นห่วงมากที่สุด
ก็เนี่ยล่ะ รัฐบาลเมื่อเข้ามาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ยังไม่พูดถึงว่าการเลือกตั้งจะโกงหรือไม่ เอาแค่เลือกมาแล้ว จัดรัฐบาลแล้ว ยังถวายสัตย์ไม่ครบ ยังไม่สามารถแถลงนโยบายได้
คุณยังดื้อที่จะเดินหน้าต่อไป เหมือนลุยเข้ากองไฟ ปัญหาต่างๆ มันจะเกิดขึ้นมากมาย
ต่อไปประชาชนจะไม่ยอม เพราะว่าโบราณราชประเพณี ถือว่า คนเราจะทำงานใหญ่ จะต้องถวายสัตย์ปฏิญาณต่อองค์พระมหากษัตริย์เสียก่อน เป็นเรื่องสืบทอดต่อเนื่องกันมา
ถ้าไม่ทำก็แสดงว่าไม่จงรักภักดี หรือทำเบี้ยวๆ บูดๆ ไม่ครบ ไม่จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ปากบอกจงรักภักดี แต่การกระทำไม่ใช่ จะให้ไว้เนื้อเชื่อใจหรือ
ประชาชนหวังที่จะให้รัฐบาลทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต จึงต้องไปถวายสัตย์ปฏิญาณต่อพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นองค์พระประมุขของชาติ ถือว่ามีความศักดิ์สิทธิ์
แต่เมื่อคุณไม่ทำแล้ว หรือทำแบบเสียไม่ได้ ทำไม่ครบ ก็แสดงว่า คุณไม่พร้อมที่จะทำงานให้กับประเทศชาติและประชาชน หวังไม่ได้พึ่งไม่ได้นะครับ
-มองปัญหาความชอบธรรมในการบริหารประเทศของพล.อ.ประยุทธ์อย่างไร
ตามรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศได้บัญญัติไว้ในมาตรา 161 ว่า ก่อนเข้ารับตำแหน่ง คณะรัฐมนตรีจะต้องถวายสัตย์ปฏิญาณต่อพระมหากษัตริย์ ด้วยข้อความดังต่อไปนี้ ซึ่งก็มีเพียง 3 บรรทัดเท่านั้นเอง
ประเด็น 1) จะจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ 2) จะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อประโยชน์ของประเทศและประชาชน 3) จะรักษาไว้ซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
เมื่อถวายสัตย์ถูกต้องเรียบร้อยแล้ว ก็ยังปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้ จะต้องไปแถลงนโยบายต่อรัฐสภาเสียก่อน จึงจะปฏิบัติหน้าที่ได้
ปรากฏวันที่ 25-26 ก.ค.ที่ผ่านมา หลังจากที่คุณประยุทธ์ ตั้งคณะรัฐมนตรีแล้ว นำรายชื่อคณะรัฐมนตรีกราบบังคมทูลเกล้าฯ และไปถวายสัตย์แล้ว คุณประยุทธ์ก็คิดว่าตนเองทำครบถูกต้องตามรัฐธรรมนูญแล้ว
จึงมีหนังสือถึงประธานรัฐสภาว่า จะดำเนินการแถลงนโยบายต่อที่ประชุมรัฐสภา ก็มีการกำหนดกันวันที่ 25-26 ก.ค.
ปรากฏว่าในข้อเท็จจริง วันที่พล.อ.ประยุทธ์ นำคณะรัฐมนตรีทั้งหมดถวายสัตย์ปฏิญาณต่อพระมหากษัตริย์เมื่อ 16 ก.ค. 62 ผมดูจากคลิปวิดีโอ ครม.ก็ยืนเข้าเฝ้าฯ คุณประยุทธ์ก็ยืนหน้า
พอพระองค์ท่านกับพระราชานีเสด็จประทับด้านหน้า คุณประยุทธ์โค้งและคณะรัฐมนตรีโค้งถวายความเคารพ คุณประยุทธ์ไปเปิดกรวยเพื่อถวายสักการะ เสร็จเรียบร้อยจะเป็นการกล่าวคำปฏิญาณ คุณประยุทธ์ ใช้มือขวาหยิบกระดาษออกมาแผ่นหนึ่ง มาอ่านข้อความ ซึ่งเราดูแค่นี้ก็เป็นการไม่เหมาะสมแล้ว เพราะว่าการจะถวายสัตย์ต่อพระมหากษัตริย์ จะต้องมีการเตรียมการให้เรียบร้อยกว่านี้ ไม่ใช่ใช้เศษกระดาษ
ควรจะเป็นกระดาษที่พิมพ์ตัวใหญ่ให้ครบถ้วนถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ เพื่อให้คุณประยุทธ์ได้กล่าวนำ แต่กลับกลายเป็นว่า เหมือนกับเศษกระดาษแผ่นเดียวที่คุณประยุทธ์พกใส่กระเป๋าด้านซ้าย พอถึงเวลาคุณประยุทธ์ก็หยิบออกมากล่าวนำ คณะรัฐมนตรีทุกคนก็กล่าวถวายสัตย์ตาม
แทนที่จะกล่าวข้อความทั้ง 3 ประเด็น กลับกล่าวเพียง 2 ประเด็น คือ 1) จะจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ 2) จะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อประโยชน์ของประเทศและประชาชน
แต่ข้อ 3) การจะรักษาไว้ซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ก็หายไป
นอกจากหายไปแล้วยังมีการเติมข้อความในประเด็นที่ 2 ไปอีกว่า ‘ตลอดไป’ เพื่อให้ดูว่าพูดจบ ขณะที่ความเดิมตามรัฐธรรมนูญ จะจบลงตรงคำว่า ทุกประการ
ทีนี้ถามว่า การที่คุณประยุทธ์กล่าวถ้อยคำปฏิญาณต่อองค์พระมหากษัตริย์ เป็นไปตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ แน่นอน มันไม่เป็น แล้วแถมยังมีการเติมข้อความไปอีก ตัดข้อความอื่นๆ อีก คุณประยุทธ์ทำเพื่ออะไร
ทีนี้เราในฐานะจะเป็นฝ่ายค้านก็ได้ หรือประชาชนคนไทยทั้งประเทศก็ได้ จะต้องมองว่า เอ๊ะ คุณประยุทธ์ทำถูกหรือผิดเนี่ย
มาตรา 5 ของรัฐธรรมนูญ บอกว่า การกระทำใดๆ ที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญฉบับนี้ เป็นการไม่สามารถบังคับใช้ได้
ฉะนั้น การที่คุณประยุทธ์ นำคณะรัฐมนตรีถวายสัตย์ ไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ก็ถือว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญ ก็บังคับใช้ไม่ได้ เมื่อบังคับใช้ไม่ได้คุณประยุทธ์จะไปดำเนินการต่อได้ไง หมายความว่า จะไปแถลงนโยบายได้ยังไง จะไปปฏิบัติหน้าที่ในฐานะนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงต่างๆ ได้ยังไง ถูกต้องไหมครับ
และมาตรา 6 ยังบอกว่า ผู้ใดจะละเมิดพระมหากษัตริย์ไม่ได้ การกระทำของคุณประยุทธ์ ที่มีเจตนา ตัดข้อความออกไปทั้งประโยคเลย แล้วเสริมคำว่าตลอดไปขึ้นมาในการกล่าวถวายสัตย์ต่อพระมหากษัตริย์ เป็นการละเมิดพระมหากษัตริย์ไหม
เราต้องเข้าใจว่า ทำไมคณะรัฐมนตรีต้องมาถวายสัตย์ เพราะตามโบราณราชประเพณี บุคคลที่จะทำงานกับพระมหากษัตริย์ จะต้องถวายสัตย์ ขณะที่พี่น้องประชาชนทั่วไปไม่ต้องถวายสัตย์
หรืออย่างในรัฐธรรมนูญปัจจุบัน ผู้ที่จะต้องถวายสัตย์ต่อองค์พระมหากษัตริย์ ก็จะมี 1) องคมนตรี 2) คณะรัฐมนตรี 3) ตุลาการ
อย่างพวกผม เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือ สมาชิกวุฒิสภา ไม่ต้องถวายสัตย์นะครับ แต่จะมีการกล่าวคำสัตย์ปฏิญาณต่อที่ประชุมรัฐสภา ซึ่งไม่ได้กล่าวต่อหน้าองค์พระมหากษัตริย์
ถึงเราจะไม่มีสิทธิที่จะไปถวายสัตย์ แต่เรายังต้องกล่าวถ้อยคำให้ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญทุกประการ แล้วคุณประยุทธ์ล่ะ เป็นคณะรัฐมนตรีที่ต้องถวายสัตย์ต่อหน้าองค์พระมหากษัตริย์
อย่างข้าราชการระดับสูง ปลัดกระทรวง อธิบดี พลตำรวจเอกต่างๆ ยังไม่มีโอกาสถวายสัตย์เลย มีเพียงพระบรมราชโอการโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่ง
ส่วนตัวมีประสบการณ์อาจจะเป็นกรณีพิเศษ เนื่องจากผมมีหน้าที่ปราบปรามผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ด้วยความกล้าหาญอย่างยิ่งยวดจนประสบผลสำเร็จ จึงได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีศักดิ์รามาธิบดี
ผู้ที่ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีศักดิ์รามาธิบดี นอกจากจะรับพระราชทานแล้วจะต้องถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ใช่ต่อพระมหากษัตริย์พระองค์เดียว แต่ถวายต่อพระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์เลย
ขณะที่ครม.คุณประยุทธ์ถวายสัตย์เฉพาะพระมหากษัตริย์กับพระราชินี แต่ผมถวายสัตย์ในการรับพระราชทานเคื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีศักดิ์รามาธิบดี ต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ รวมถึงพระราชวงศ์ทุกพระองค์ นอกจากนั้น ยังได้ถือน้ำพิพัฒน์สัตยาต่อหน้าพระแก้วมรกต
เราต้องกล่าวถ้อยคำทุกประการ โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว กล่าวนำด้วย
สรุป ครม.ชุดนี้ ที่มีคุณประยุทธ์ เป็นนายกฯ ยังไม่ได้ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 161 จึงยังไม่สามารถแถลงนโยบายได้ และไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีกระทรวงต่างๆ ได้ ต้องหยุดการปฏิบัติหน้าที่ ไม่เช่นนั้นแล้วจะถือได้ว่าละเมิดพระมหากษัตริย์
-มองว่านายกฯ ประยุทธ์ ควรจะรับผิดชอบอย่างไร
ตอนนี้ทุกคนในสังคมเริ่มรู้แล้วว่ารัฐบาลคุณประยุทธ์ เป็นรัฐบาลที่ยังไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ยังไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ เมื่อถามว่ารู้แล้วควรจะทำอย่างไร คุณจะดันทุกรังไปอีกเหรอ ทั้งๆ ที่รู้ว่าทำผิดรัฐธรรมนูญแล้ว จะทำได้หรือ เดี๋ยวชาวบ้านเขามาขับไล่คุณหรอก ประชาชนก็ไม่พอใจในการลบหลู่ดูหมิ่นพระมหากษัตริย์แบบนี้
ฉะนั้น ทางที่ดีที่สุด คุณประยุทธ์ต้องทำตามกฎหมาย
1) คุณจะขอพระราชทานอภัยโทษ แล้วก็ขอให้ครม.ถวายสัตย์ใหม่ให้สมบูรณ์ เมื่อสมบูรณ์แล้วก็มาแถลงนโยบายใหม่ ต้องแถลงใหม่นะ เพราะคราวที่แล้วยังไม่ชอบ เมื่อแถลงใหม่แล้วจึงปฏิบัติหน้าที่ได้
หรือไม่งั้น ประการที่ 2) ก็ลาออกเลยแล้วก็สรรหานายกรัฐมนตรีใหม่ ก็แค่นั้นเองคุณจะมาเสียดายตำแหน่งที่ได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายนี้ได้ยังไง เพราะฉะนั้น เป็นแนวทางที่คุณประยุทธ์ต้องดำเนินการ ไม่ใช่ลุยไฟไปเรื่อยๆ มีแต่ผิดๆ ทั้งนั้น
ถ้าคุณมาเป็นนายกฯ โดยไม่ชอบ เป็นรัฐมนตรีโดยไม่ชอบ เซ็นอนุมัติโน่นนี่ คุณจะติดคุกหมด
-ส่วนตัวท่านมองว่า ถ้าข้อผิดพลาดนี้เกิดขึ้นกับนายกฯ ที่อยู่ฝ่ายต้านรัฐประหาร จะเกิดอะไรขึ้น
เป็นคำถามที่ดีนะ ผมก็สงสัยว่า ทำไมการถวายสัตย์ด้วยข้อความที่ไม่ยาวมากนัก ทำไมคุณประยุทธ์ถึงผิดพลาดได้ และการที่มีการตัดข้อความออกไปแล้วเติมคำว่าตลอดไป แสดงว่า คุณประยุทธ์ ต้องการให้จบแค่นั้น ไม่เอารัฐธรรมนูญ
ก็สอดคล้องกับความคิดของคุณประยุทธ์เมื่อ 22 พฤษภา 57 คุณประยุทธ์เข้ามายึดอำนาจ โดยใช้กำลังทหารใช้กำลังอาวุธ ฉีกรัฐธรรมนูญ 2550 ทิ้ง แล้วมาร่างใหม่ตามที่เขาต้องการ
ถามว่า เขาคิดที่จะปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญอีกต่อไปหรือไม่ หรือต้องการจะฉีกรัฐธรรมนูญทิ้งอีกครั้งหนึ่ง จึงไม่ถวายสัตย์ ด้วยข้อความตรงนี้ เพราะฉะนั้น ก็เป็นความในใจของเขา เราจะไปคาดเดาก็คงไม่ถูกต้องทีเดียวนัก แต่ถ้าให้มองก็มองได้ว่าคุณไม่เอารัฐธรรมนูญ คุณไม่สนใจ คุณอาจจะปฏิวัติก็ได้ อะไรต่างๆ อยู่ในใจคุณ ถ้าคิดว่าทำได้ก็ลองทำ ถามว่าพี่น้องประชาชนจะยอมให้มาทำสิ่งผิดๆ อย่างนี้ตลอดทั้งชีวิตเหรอ
-พล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์ จะดำเนินการทางกฎหมายในเรื่องนี้อย่างไร
ผมพยายามจะอภิปรายพูดในสภา ซึ่งเป็นหน้าที่ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แต่ก็ถูกสะกัดกั้นในสภาคุณชวนไม่ยอมให้ผมอภิปรายต่อ ทั้งๆ ที่ สิทธิในการที่จะอภิปรายของผม ก็ยังมีอยู่ เวลาที่ผมจะอภิปรายก็ยังเหลืออีกตั้ง 35 นาที 51 วินาที
แล้วคุณชวนมาตัดสิทธิผมได้ยังไง สมาชิกฝ่ายค้านถามว่าคุณชวนใช้อำนาจข้อบังคับใดมาตัดสิทธิ เพราะว่าที่ตัดสิทธิไป เราดูข้อบังคับขณะนั้น เวลานั้น ไม่เห็นมีข้อบังคับไหนมาตัดสิทธิผมได้เลย
พอถามคุณชวนไป ก็กลับใช้วาทกรรมว่า ‘ผมพิจารณาเสร็จเรียบร้อยแล้วท่านเสรีฯ แม้จะรู้จักกัน เคารพนับถือกันมาก่อนก็ตาม แต่ผมต้องยึดหลักการ’ นี่เป็นการประดิษฐ์ประดอยคำพูดของคุณชวน เพื่อให้ดูดี ว่าที่ตัดสิทธิผมนั้นมีหลักการ แต่หลักการอะไรของคุณเล่า
ทำไมคุณไม่บอกให้ชัดเจนว่าผมผิดข้อบังคับใด ทำไมไม่สามารถที่จะอภิปรายได้ แต่คุณชวนก็ไม่ตอบอย่างงั้นนะ เบี้ยวๆ บูดๆ ไปอย่างนั้น ก็เรารู้อยู่ว่า ถ้าคุณประยุทธ์ลาออก คุณชวนก็หลุดจากตำแหน่งด้วย พรรคประชาธิปัตย์ที่เป็นรัฐมนตรีก็หลุดด้วยไปอีก เพราะนายกรัฐมนตรีลาออก คณะรัฐมนตรีต้องหลุดพ้นจากตำแหน่ง เขาคำนึงถึงประโยชน์ส่วนตนมากกว่าผลประโยชน์ของประเทศชาติประชาชน
ผมก็จะดำเนินการด้วยวิธีการตอนนี้คือพูดนอกสภา ไปออกรายการหลายรายการ สื่อให้พี่น้องประชาชนได้เข้าใจ ได้เห็นธาตุแท้ของรัฐบาลนี้ ว่าไม่ชอบมาพากลอย่างไร หรือสภาจะพังเมื่อไหร่ไม่รู้เพราะเอียง
นอกจากนั้น จะทำหนังสือถึงศาลรัฐธรรมนูญ ให้วินิจฉัยว่า การถวายสัตย์ของคุณประยุทธ์และคณะรัฐมนตรี ชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือไม่ โดยกระทำผ่านคุณชวน ให้คุณชวนส่งศาลวินิจฉัย แต่ถ้าคุณชวนดื้อไม่ยอมส่ง คุณชวนจะเดือดร้อน เพราะพยานหลักฐานชัดเจนในรัฐธรรมนูญกำหนดจะกล่าวถ้อยคำอะไรบ้าง และมีคลิปการกล่าวของคุณประยุทธ์
(สัมภาษณ์โดย ฟ้ารุ่ง ศรีขาว)