ตร.มาเลย์จับจำเลยคดีสหพันธรัฐไทระหว่างรอสถานะผู้ลี้ภัยจาก UNHCR และถูกคุมตัวส่งกองปราบฯ เย็นนี้
10 พ.ค.2562 เวลาประมาณ 17.45 น. ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธินุษยชนได้รับแจ้งว่า ประพันธ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 58 ปี เคยเป็นหมอนวดแผนโบราณ(ก่อนลี้ภัยการเมือง)และเป็นจำเลยคดีเสื้อสหพันธรัฐไท ถูกจับกุมตัวจากมาเลเซียมาที่กองบังคับการปราบปราม ตามหมายจับศาลอาญาที่ 55/2562 ลงวันที่ 16 ม.ค.2562 คดีสวมเสื้อดำที่ห้างเดอะ มอลล์ บางกะปิ เมื่อวันที่ 5 ธ.ค.2561
ภาวิณี ชุมศรี ทนายความได้ติดตามไปที่กองปราบฯ จึงได้พบกับประพันธ์และอยู่ร่วมฟังพนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหา ประพันธ์ถูกตั้งข้อหายุยงปลุกปั่น ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 และอั้งยี่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 209 ทั้งนี้ประพันธ์ยังไม่ได้ให้การกับพนักงานสอบสวน จากนั้นพรุ่งนี้(11 พ.ค.2562) พนักงานสอบสวนจะนำตัวไปขออำนาจศาลอาญาฝากขังในระหว่างการสอบสวน
ประพันธ์ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าเธอได้พบกับผู้หญิงอีกหนึ่งคนถูกควบคุมตัวมาด้วยเหตุเดียวกัน แต่เธอไม่ได้พูดคุยด้วยเนื่องจากผู้หญิงคนดังกล่าวถูกพนักงานสอบสวนสอบปากคำอยู่และถูกทหารนำตัวไปต่อ
ประพันธ์เล่าให้ฟังว่าเธอเดินทางออกนอกประเทศไปเมื่อเดือนมกราคม 2562 และไปขอสถานะผู้แสวงหาที่ลี้ภัยกับ UNHCR ที่ประเทศมาเลเซีย แต่ระหว่างที่กำลังรอประเทศที่สามรับเป็นผู้ลี้ภัย เธอถูกตำรวจมาเลเซียจับกุมในวันที่ 24 เม.ย.2562 และคุมขังอยู่ที่สถานีตำรวจ 14 วัน จากนั้นถูกส่งไปคุมขังอยู่ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองของมาเลเซียอีก 4 วัน ก่อนถูกควบคุมตัวกลับมาที่ประเทศไทย
ประพันธ์ถูกจับกุมครั้งแรกจากเหตุที่เธอมีเสื้อดำที่มีสัญลักษณ์สหพันธรัฐไท เมื่อวันที่ 3 ก.ย. 2561 ขณะเธออยู่ในห้องพักคนเดียว ทหารและตำรวจในเครื่องแบบร่วม 10 นาย เข้าตรวจค้นจับกุมที่ห้องพักย่านลาดพร้าว เจ้าหน้าที่ได้ยึดโทรศัพท์ 3 เครื่อง, บัตร นปช., รูปภาพทักษิณ ชินวัตร และหนังสือ นปช. อีก 3 เล่ม หลังการตรวจค้นเธอถูกนำตัวไปควบคุมไว้ที่ มทบ. 11 เพื่อทำการซักถามโดยทหารและตำรวจ จนกระทั่งวันที่ 5 ก.ย. เธอจึงถูกนำตัวไปกองปราบฯ แจ้งข้อกล่าวหา ในคดีนี้เธอได้ปล่อยตัวชั่วคราวออกมาด้วยหลักทรัพย์ประกันตัว 200,000 บาท แต่ศาลมีคำสั่งยึดหลักทรัพย์ประกันตัวเงินสด 200,000 บาท ไปเมื่อ 11 ก.พ.2562 หลังจากเธอไม่ปรากฏตัวที่ศาลเป็นครั้งที่สอง
หลังจากได้ประกันตัวในคดีแรก วันที่ 5 ธ.ค.2561 เธอถูกตำรวจสน.ลาดพร้าวคุมตัวไปจากห้างเดอะ มอลล์ บางกะปิ พร้อมเทอดศักดิ์ ซึ่งเป็นจำเลยในคดีเดียวกันอีกครั้ง หลังจากตำรวจได้ซักถามเกี่ยวกับการชุมนุมในวันดังกล่าวแล้วได้ปล่อยตัวเธอกลับ แต่วันที่ 8 ธ.ค.เพียง 1 วัน ก่อนกิจกรรม “ปั่นอุ่นไอรัก” เธอก็ถูกทหารควบคุมตัวไป มทบ.11 อีกครั้งร่วมกับบุคคลอื่นๆ อีก8 คน โดยมีภรรยาและลูกชายของชูชีพ ชีวะสุทธิ์หรือลุงสนามหลวงรวมอยู่ด้วย ก่อนที่ทหารจะปล่อยตัวเธอในวันที่ 14 ธ.ค.2561 โดยไม่มีการดำเนินคดี
ที่มา ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนัษยชน
...
Jetsadakorn Damabut ในอาเซียนมีแค่สองประเทศเท่านั้นที่มีสัญญาเรื่องการลี้ภัย คือ กัมพูชากับ ฟิลิปปินส์ ถ้าจะหนี ควรจะไปสองประเทศที่นี้ ถ้ามีเวลาหน่อยก้ควรไปเกาหลี ถ้าคิดจะไปยุโรปแต่ไม่มีวีซ่า มันก้มีเทคนิคที่ทำได้ อย่างเช่น เลือกสายการบินที่เปลี่ยนเครื่องในยุโรป แต่ปลายทางไม่ต้องขอวีซ่า ระหว่างเปลี่ยนเครื่อง ก้เดินเข้าไปหาตม บอกขอลี้ภัย แต่จะถูกคุมตัว แล้วต้องหาทนายมารอด้วยครับ
Pruay Saltihead กัมพูชาไม่มีสำนักงาน UNHCR แล้วครับ มีแต่ OHCHR ซึ่งก็เปล่าประโยชน์ ถ้าจะพึ่งหน่วยงานผู้ลี้ภัย ฟิลิปปินส์ เป็นเรื่องเป็นราวมากกว่าครับตอนนี้ กัมพูชาอยู่ได้ด้วยความสัมพันธ์ส่วนตัวล้วนๆ ไปหวังพึ่งสนธิสัญญาเรื่องการลี้ภัยไม่ได้เลย ในเอเซียเหลืออีกสองประเทศที่พิจารณารับลี้ภัยได้เอง คือเกาหลีใต้ และญี่ปุ่นซึ่งเปอร์เซ็นต์การรับน้อยมาก
วิธีทรานสิทก็เป็นอีกทางเลือกนึง แต่ต้องดูว่าทรานสิทกี่ครั้ง ที่น่ากังวลไม่ใช่ประเทศในยุโรปที่ต้องการทรานสิทแล้วขอลี้ภัย แต่เป็นประเทศในเอเซียที่จะทรานสิทนี่แหละ เพราะมันเป็นต้นทางที่จะให้เราขึ้นเครื่องหรือไม่ แต่ถ้าผ่านด่านนี้ได้ ถึงประเทศในยุโรปก็มีโอกาส 99 เปอร์เซ็นต์ที่จะได้ลี้ภัย''
Jetsadakorn Damabut Pruay Saltihead เดินทางไปอเมริกาใต้หลายประเทศคนไทยไม่ต้องขอวีซ่า สายการบินน่าจะให้ขี้นเครื่องครับ หลายสายการบินผ่านยุโรปเยอะครับ แนะนำเป็นแนวทางสำหรับคนที่จะต้องหนีครับ
Ty Tanadej ถึงบอกว่า เอาจริงต้องไปประเทศ ตวต เท่านั้นอ่ะ
Pruay Saltihead เจ้าหน้าที่ UNHCR บอกเองเลยว่าลี้ภัยในเอเซียไม่เวิร์ค
...
Jetsadakorn Damabut ในอาเซียนมีแค่สองประเทศเท่านั้นที่มีสัญญาเรื่องการลี้ภัย คือ กัมพูชากับ ฟิลิปปินส์ ถ้าจะหนี ควรจะไปสองประเทศที่นี้ ถ้ามีเวลาหน่อยก้ควรไปเกาหลี ถ้าคิดจะไปยุโรปแต่ไม่มีวีซ่า มันก้มีเทคนิคที่ทำได้ อย่างเช่น เลือกสายการบินที่เปลี่ยนเครื่องในยุโรป แต่ปลายทางไม่ต้องขอวีซ่า ระหว่างเปลี่ยนเครื่อง ก้เดินเข้าไปหาตม บอกขอลี้ภัย แต่จะถูกคุมตัว แล้วต้องหาทนายมารอด้วยครับ
Pruay Saltihead กัมพูชาไม่มีสำนักงาน UNHCR แล้วครับ มีแต่ OHCHR ซึ่งก็เปล่าประโยชน์ ถ้าจะพึ่งหน่วยงานผู้ลี้ภัย ฟิลิปปินส์ เป็นเรื่องเป็นราวมากกว่าครับตอนนี้ กัมพูชาอยู่ได้ด้วยความสัมพันธ์ส่วนตัวล้วนๆ ไปหวังพึ่งสนธิสัญญาเรื่องการลี้ภัยไม่ได้เลย ในเอเซียเหลืออีกสองประเทศที่พิจารณารับลี้ภัยได้เอง คือเกาหลีใต้ และญี่ปุ่นซึ่งเปอร์เซ็นต์การรับน้อยมาก
วิธีทรานสิทก็เป็นอีกทางเลือกนึง แต่ต้องดูว่าทรานสิทกี่ครั้ง ที่น่ากังวลไม่ใช่ประเทศในยุโรปที่ต้องการทรานสิทแล้วขอลี้ภัย แต่เป็นประเทศในเอเซียที่จะทรานสิทนี่แหละ เพราะมันเป็นต้นทางที่จะให้เราขึ้นเครื่องหรือไม่ แต่ถ้าผ่านด่านนี้ได้ ถึงประเทศในยุโรปก็มีโอกาส 99 เปอร์เซ็นต์ที่จะได้ลี้ภัย''
Jetsadakorn Damabut Pruay Saltihead เดินทางไปอเมริกาใต้หลายประเทศคนไทยไม่ต้องขอวีซ่า สายการบินน่าจะให้ขี้นเครื่องครับ หลายสายการบินผ่านยุโรปเยอะครับ แนะนำเป็นแนวทางสำหรับคนที่จะต้องหนีครับ
Ty Tanadej ถึงบอกว่า เอาจริงต้องไปประเทศ ตวต เท่านั้นอ่ะ
Pruay Saltihead เจ้าหน้าที่ UNHCR บอกเองเลยว่าลี้ภัยในเอเซียไม่เวิร์ค