“ท่ามกลางการเขย่า ‘ดีล’ ตั้งรัฐบาล และการเตรียมโหวตนายกฯ...‘บิ๊กแดง’ ผบ.ทบ. มาทำเนียบฯ พบ ‘นายกฯ บิ๊กตู่’ แต่เช้า” วาสนา นาน่วม โพสต์สดๆ
วันนี้ ในสถานการณ์ที่ ปชป.ยังเล่นองค์หลายกั๊ก และชาติไทยพัฒนาไม่พอใจตำแหน่งรัฐมนตรีแลกเสียง
ส.ส.
ขณะที่รองโฆษกพลังประชารัฐไม่แคร์ ปชป.ไม่มาก็ตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยได้
ถึงไม่ตั้งก็ยังเป็นนายกฯ ต่อไป ท้ายสุดยุ่งนักหัวหน้ารัฐประหารยังสามารถทิ้งไพ่ใบสุดท้าย
‘ยุบสภา’ ก็ได้
‘In the meantime.’ หัวหน้ารัฐประหารคนนี้ที่ครองบ้านผ่านเมืองมา
๕ ปี ดีแต่จับจ่ายถลุงเงินในคลังเป็นว่าเล่น แล้วนี่ก่อนเปลี่ยนผ่านไปเป็นนายกฯ
อีกสมัยจากการฟอกขาวด้วยเลือกตั้ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ออกประกาศนโยบายการเงินการคลังใหม่
ขยายเพดานการก่อหนี้ผูกพันของชาติขึ้นไปจากเดิม
๕% เป็น ๘% (ประกาศเมื่อ
๒๗ พ.ค. ให้มีผลย้อนหลังไปวันที่ ๒๒ พ.ค. เป็นต้นมา) พร้อมๆ
ไปกับการอนุมัติสัมปทานสร้างรถไฟความเร็วสูงเชื่อม ๓ สนามบิน มูลค่าเกือบ ๑ แสน ๕
หมื่นล้านบาท
สัมปทานนี้เป็นข่าวต่อเนื่องมาตลอด ว่าคนที่ได้ไปเป็นเจ้าสัวซีพีและเครือข่าย
ที่ มรว.ปรีดิยาทร เทวกุล เคยปูดว่าสนิทชิดเชื้อเอื้ออาทรต่อกันและกันเป็นอันดีกับ
คสช. ประจวบพอดีกับวันนี้ (๒๘ พ.ค.) เป็นวันที่ พรบ.ความมั่นคงไซเบอร์
มีผลบังคับใช้
ต่อนี้ไปคนที่จะบักโกรกบักอานมากกว่าใคร
คือประชาชนฝั่งตรงข้ามกับพรรคการเมืองที่เกาะขาแนวนโยบายสืบทอดอำนาจ คสช.
เพราะนอกจากให้อำนาจล้นหลามกับ ‘เจ้าพนักงาน’
แล้วยังเอามาใช้เป็นเครื่องมือไล่ล่าคนที่วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลด้วย
(https://www.prachachat.net/property/news-331874 และ https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_1513667)
ประเด็นอนุมัติทิ้งทวน “โครงการที่มีมูลค่าสูงมหาศาล
ในวันที่มีรัฐสภาชุดใหม่แล้ว และรัฐบาลใหม่กำลังอยู่ในระหว่างการจัดตั้ง” ประจักษ์
ก้องกีรติ นักรัฐศาสตร์ มธ.ตั้งคำถามว่า “เหมาะสมหรือไม่” ทั้งที่
ครม.ชุดนี้ลาออกไปทำงานพรรคการเมืองให้ คสช. เกือบครึ่งแล้ว
ไอ้พรรคการเมืองของ คสช.นี่ก็เหมือนกัน มีนโยบายอยู่อย่างเดียวในเรื่อง
‘ดูด’ ตั้งแต่ ส.ส.เก่าพรรคโน้นพรรคนี้มาสวมเสื้อ
พปชร.สมัครรับเลือกตั้ง (มากที่สุดจากเพื่อไทย ๔๐ คน) แล้วตอนนี้นี้ดูดต่อ ส.ส.ใหม่จากพรรค
‘งูเห่างูห่า’ สามสี่แห่ง
แต่ดูดไม่คล่องเจอกระดูกเรื่องตำแหน่งรัฐมนตรี
ตัวช่วยที่เรียกว่า กกต.
กรรมการเลือกตั้งเล่นท่าพลิกแพลง หลังจากเลือกตั้งซ่อมเสร็จพรรคฝ่ายไม่เอา
คสช.ได้คะแนนท่วมท้น ได้ ส.ส.เพิ่ม ๑ คน พอ กกต.คิดคะแนนเสร็จ อ๊ะ
พรรคฟากนิยมเผด็จการกลับได้เพิ่มเหมือนกันอีก ๒ คน
คือ ‘มาดามเดียร์’
น.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี พรรคพลังประชารัฐ และพรรคประชาธิปัตย์ ‘สาวตั๊น’ น.ส.จิตภัสร์ กฤดากร โดยต้องไปเด้ง ส.ส.พรรคไทรักธรรมที่คะแนนแค่
๓ หมื่น ๓ พัน ออกไปหลังจากได้ใส่ชุดสวยสามวัน
นายพีระวิทย์
เรื่องลือดลภาค คนนี้เป็นหนึ่งใน ส.ส.บัญชีรายชื่อประเภท ‘เอื้ออาทร’ ที่มีลิ้นเป็นเครื่องเชิดหน้าชูตา
แทนที่จะสลดหดหู่กับการตกสวรรค์กลับใช้ความสามารถพิเศษให้เป็นประโยชน์สูงสุด ทั้ง ‘เลีย’ คสช. และรัวด่าพรรคเพื่อไทย
อย่างนี้ไม่ต้องรอเลือกตั้งครั้งหน้า
ครานี้นี่แหละไม่ช้าอาจได้งานหางปลาที่รัฐบาลตู่ ๒ เขี่ยให้ ก็ ณัฏฐพล
ทีปสุวรรณ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐมั่นใจสุดๆ “พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ แน่นอน”
แม้ตอนนี้ดีลกับพรรคประชาธิปัตย์ยังไม่ลงตัวดี
หรือกระทั่งดีลกับชาติไทยพัฒนาทำท่าไม่ลื่น
“หลังจากที่นายนิกร จำนง ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรค ชทพ. ออกมาระบุว่ายังไม่มีความชัดเจนเรื่องการร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ”
เนื่องจาก พปชร.หวงก้างไม่ยอมปล่อยกระทรวงทรัพยากรฯ
“หากสุดท้ายแล้ว ปชป.ไม่เข้าร่วม เราก็จะยืนยันการเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย
และเสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ ซึ่งมั่นใจได้รับการสนับสนุนจาก ส.ว.”
ผัวทยาคุยใหญ่หลังจากที่ปล่อยมุขวิชามาร “ว่า การยุบสภาเป็นทางเลือกหนึ่ง”
(https://www.khaosod.co.th/politics/news_2561343
และ https://www.matichon.co.th/politics/news_1514562?utm_source=izo)
นี่แหละหนาที่เขาว่าจิตสำนึกเบื้องลึก
(สันดาน) เผด็จการ ต่อให้ลอกคราบ ชุบตัวได้ดีอย่างไร ถึงคราวเมล็ดในแตก
ธาตุแท้ย่อมจะทะลักออกมาส่งกลิ่นคลุ้ง