แม่จ้าวโวยหัวหน้ารัฐประหารชวนประชาชนอ่าน ‘แอนิมอลฟาร์ม’ หนังสือคล้าสสิกแฉกำพืดของสัตว์การเมือง
เขียนโดย จ๊อร์จ ออร์เวลล์ ที่มีการแปลเป็นไทยไว้แล้ว แต่มีผู้ที่รู้เนื้อหาเยอะแยะพากันชี้ว่า
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ด่าตัวเองเสียนี่
@VoiceOnlineTH
นำวรรคทองของเนื้อเรื่องในหนังสือมาเผย ที่ว่า “สัตว์ทุกตัวเสมอภาคกัน
แต่สัตว์บางตัวเสมอภาคยิ่งกว่าสัตว์อื่นๆ” ขณะที่ รศ.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต
คณบดีนิด้า ประธาน ครป. (คณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย) ให้ความเห็นบ้าง
“นายกรัฐมนตรีแนะนำให้อ่านหนังสือเรื่องนี้
ตีความได้อย่างน้อย ๒ อย่าง
คือต้องการสื่อสารถึงสภาพการเมืองไทยที่ต่อรองแย่งอำนาจและตำแหน่ง
หรือต้องการชี้ให้เห็นถึงความเลวร้ายของผู้นำและระบอบเผด็จการ จึงไม่แน่ใจว่านายกฯ
เข้าใจในสิ่งที่แนะนำหรือเปล่า” (@weeranan)
หนักกว่านั้นมีคนตั้งข้อสังเกตุสุดแสบ
ว่านักรัฐประหารที่ผันตัวจะไปเป็นผู้นำโดยผ่านการชุบตัวจากพรรคการเมืองที่มีรัฐมนตรีลิ่วล้อไปตั้งไว้รองรับฐานอำนาจ
คนนี้เคยแนะนำให้อ่านวรรณคดีไทย ‘จินดามณี’
แต่ “เสือกท่องนิราศสุนทรภู่” ให้ฟังเป็นตัวอย่าง (@redbamboo16)
ทั้งนี้ทั้งนั้นแสดงถึงว่า มีคนจำนวนมากรู้ทันและไม่ต้องการนิ่งเฉยกับการสร้างภาพ
‘ประชาธิปไตยจอมปลอม’ ตบตาชาวบ้านอย่างงั่งๆ
ของประยุทธ์กันอีกแล้ว ครั้นปรากฏเสียงครหาหนักเข้าก็ให้ลูกน้องออกมาแก้ตัวน้ำขุ่นๆ
“นายกฯ
ไม่อยากให้เชื่อมโยงทุกอย่างเป็นเรื่องการเมือง
และอย่าตีความว่าการแนะนำให้อ่านหนังสือเป็นการดูถูกผู้อื่น” ซึ่งก็สายไปเสียแล้ว เพราะมีโฆษกพรรคการเมืองในกลุ่มร่วมสัตยาบันไม่รับการสืบทอดอำนาจของ
คสช. วิจารณ์หนักหน่วง
“ทำให้สังคมไทยได้พบความจริงว่า
คนที่อยากสืบอำนาจรัฐประหารมีอาการของโรคหลงตัวเองและดูถูกคนอื่นอย่างมาก” น.ส.เกศปรียา
แก้วแสนเมือง กล่าวถึงบทบาทของประยุทธ์ว่า “ทำอะไรแบบไร้จิตสำนึก ไม่เคยกลัวใคร
และไม่สามารถแยกแยะความดีความชั่วได้”
เธอชวนเพื่อนนักการเมืองทุกพรรค “ขอให้ลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีตามจิตสำนึกที่ถูกต้องชอบธรรม
ตามความต้องการของประชาชนส่วนใหญ่...ถ้ารักความชอบธรรมและเห็นแก่ประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน”
โดยชี้ว่ามีประชาชน “ที่ไม่ต้องการผู้สืบทอดรัฐประหารประมาณร้อยละ
๗๐ ของประเทศ”
อาการ ‘หลงตัว’
และวางอำนาจของประยุทธ์นี่เองทำให้สองพรรคการเมืองที่อยากถูกดูดหลังเลือกตั้ง
ทำท่าจะถอยออกจาก ‘ดีล’ กันเสียแล้ว
เนื่องจากปรากฏเบาะแสว่าการเข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ
ที่เสนอประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรี เท่ากับสยบเข้าไปเป็น ‘ลูกไล่’ คสช.ดีๆ นี่เอง
พรรคประชาธิปัตย์ประกาศเลื่อนการประชุมร่วมคณะกรรมการบริหารและ
ส.ส.พรรคออกไปโดยไม่มีกำหนด
เนื่องเพราะประยุทธ์ประกาศเตือนพรรคที่จะเข้าร่วมรัฐบาล “อย่าเอาเรื่องการแก้ รธน.มาเป็นข้อต่อรองในการร่วมรัฐบาล”
นอกจากนั้นประยุทธ์ยัง “ย้ำขอเป็นคนตรวจรายชื่อ
ครม. ที่จะร่วมรัฐบาลในอนาคตด้วยตนเอง” ท่าทีวางอำนาจเช่นนี้ทำให้คนประชาธิปัตย์ส่วนหนึ่ง
“คิดว่าเป็นก้าวก่าย ครอบงำ ชี้นำพรรคร่วมรัฐบาล” จนทำให้ไม่สามารถร่วมงานกันได้
ข่าวว่าพรรคภูมิใจไทยและชาติไทยพัฒนาก็เริ่มมีท่าที
‘รับไม่ได้’ กับความร่วมมือแบบวางอำนาจของประยุทธ์เช่นกัน
หากพรรคเหล่านี้ลงเอยไม่ยอมเข้าไปเป็นเบี้ยรองบ่อนให้เผด็จการ คสช.
ก็จะทำให้ประยุทธ์ต้องตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย จากการโหวตเลือกนายกฯ ของ สว.
นั่นจะเป็นนิมิตหมายที่ดีสำหรับกลุ่มสัตยาบัน
๗ พรรคการเมือง
ทำหน้าที่ฝ่ายค้านที่เข้มแข็งกว่ารัฐบาลได้อย่างเต็มพิกัดและเปี่ยมประสิทธิภาพ