ยุค คสช.เปลี่ยนต่อ ‘ประชารัฐ’ นี่การเมืองยุ่งเหยิง โกงคะแนน ‘ตระบัดกฎหมาย’ เศรษฐกิจยับเยิน แล้วยังสังคมบัดสี ไม่เพียงตะหานเป็นพ่องทุกองค์กร
ตุลาการยังทำตัวเหนือหัวข้าราชการ (ผู้น้อย) อีกด้วย
การเมือง :แฟนบอล ‘บุรีรัมภ์ยูไนเต็ด’ โวยลั่นเว็บจะเผาเสื้อทีมประท้วงข่าว
‘เนรวิน’ ดอดต่อสายคุย วราวุธ ศิลปอาชา
พรรค ชทพ. เรื่องชวนไปรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาลกับพลังประชารัฐ
พร้อมทั้งต่อรองเก้ากระทรวงเกรดเอให้แก่พรรคภูมิใจไทย
เศรษฐกิจ :ขนาดหนังสือพิมพ์แนวหน้า
สื่อหนุน คสช. ยังต้องเล่นข่าว “โรงรับจำนำแตก ชาวบ้านนราฯ แห่ตึ๊งของรับเปิดเทอม”
เนื้อความว่าสถานธนานุบาลเตรียมทั้งเงินรอรับจำนำ และโปรโมชั่นลดดอกเบี้ยในช่วงนี้
ผู้จัดการบอก “ยินดีต้อนรับผู้ปกครองที่มีความจำเป็น...ได้นำเงินไปแก้ปัญหาในเรื่องของทุนที่จะใช้ในการซื้อหาชุดนักเรียน
รวมทั้งเป็นทุนการศึกษา และซื้อหาหนังสืออุปกรณ์การเรียนต่างๆ”
สังคม :ความเหลื่อมล้ำระหว่าง คนมี-คนจน ชาติตระกูล
ยศฐาบันดาศักดิ์ ทำให้ได้รับผลจากการบังคับใช้กฎหมายต่างกัน ใครได้เปรียบก็มักจะลอยตัว
ตัวอย่าง ‘I-Tik’ ทำงานปีละ ๖ วัน ได้เงินเดือนเต็ม ๑๒ เดือน
แล้วยังได้เป็น สว.
ล่าสุด อธิบดีผู้พิพากษาภาคขับรถไม่พกใบขับขี่
เจอด่านตรวจตำรวจชั้นประทวนพูดดี๊ดีขอดูใบอนุญาตกลับนั่งกอดอก บอกผู้กองให้โทรไปหา
‘ไอ้โชค’ ผู้กำกับสิ
รู้จักกันดี ผู้กองก็ครับๆ ปล่อยไป แล้วหลังจากนั้นชั้นประทวนโดนย้าย
ข้อหาความผิดกลายเป็นว่า “เหตุใช้น้ำเสียงไม่สุภาพ”
ไปเสียฉิบ นี่ขนาด ‘ข่าวจริงสปริงนิวส์’
สื่อค่ายพลังประชารัฐเลยนะเนี่ย
แต่ถ้าไปดูรายงานของเวิ้ร์คพ้อยต์อ้างแค่ว่า “เด็กมีปัญหาการสัมผัสกับประชาชน...ไปขอโทษท่านแล้ว”
กลายเป็นอุทธาหรณ์ “ต่อไปชั้นประทวนคงทํางานลําบาก
ต้องใช้ไหวพริบพิจารณาว่าคนที่อยู่ในรถนั้น เป็นผู้ยิ่งใหญ่มีบารมีรึเปล่า
ไม่งั้นก็ซวยไป” นี่จากที่ ‘เพื่อนตํารวจ
แฟนคลับ @Lukkrandee’
บ่นไว้
จะเห็นว่าเรื่องแบบนี้ระยะหลังๆ
นี่ปรากฏทางสื่อบ่อย จะเป็นเพราะประชาชนตื่นรู้ สื่อเลยต้องเล่น หรือว่าการใช้อำนาจบาตรใหญ่
เอาอย่าง คสช.มันกระจายไปทุกอนูของผู้กุมอำนาจและพวกมีคำสั่งของ คสช. ค้ำหัว
อีกทั้งบรรดาผู้สมคบคิดคณะรัฐประหารเช่นพวกตุลาการ
สมัยรัชกาลที่ ๙ ก็ว่าสูงส่งและเดียดฉันท์นักการเมืองเท่านั้น สมัยนี้ ‘เบ่ง’ ยิ่งกว่าเป็นนายผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ระดับ
สภ.เมือง ดูได้จากเรื่องราวที่เป็นคลิปฉาว แชร์กันกระฉ่อน
เหตุเกิดจากที่ทั่นอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาฯ
ภาค ๘ นายไตรรัตน์ วีรพัฒนาสุวรรณ ขับรถกลับจากไปกินข้าวใกล้ๆ บ้าน เจอด่านตำรวจตรวจใบอนุญาตขับขี่ตามปกติ
แต่ทั่นอธิบดีไม่มีให้เจ้าหน้าที่ดู ก็เลยนั่งกอดอกเฉย
จะใช้ใบของสตรีที่นั่งโดยสารหน้ารถแทน สิบตำรวจตรีผู้ตรวจบอกไม่ได้
เซ้าซี้จะดูใบของทั่นให้ได้ ชั้นประทวนคงนึกว่าเจอคนเบ่งนั่นละ จึงตอบไปว่า
“ผมมีอำนาจเต็มนะครับ” แล้วเรียกผู้กองฯ
ไปจัดการแทน ทั่นอธิบดีถึงได้ออกใช้อิทธิฤทธิ์ ให้ผู้กองฯ ลองโทรไปหาผู้กำกับฯ ดู
ผู้กองรู้ว่าเจอของจริงจึงปล่อยไป
ปัญหามันอยู่ที่เรื่องไม่จบแค่นั้น ต่อมามีการบอกเล่าสนทนาระหว่างทั่นอธิบดีกับผู้กำกับฯ
แล้วคำสั่ง “ให้ข้าราชการตำรวจดังกล่าวมาปฏิบัติหน้าที่ออกตรวจร่วมกับผู้กำกับการสถานี”
กลายเป็นเรื่องใหญ่ว่อนอินเตอร์เน็ต ว่าชั้นประทวนถูกย้ายเพราะขอดูใบขับขี่ผู้พิพากษา
อื้อฉาวขนาดนี้ ผู้กำกับฯ ต้องวิงวอน “ขอให้ช่วยยุติเรื่องนี้ กลัวจะเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวระหว่างตำรวจกับศาล การทำงานต่อไปมันจะลำบาก”
พร้อมทั้งมีถ้อยแถลงเป็นบันทึกข้อความจาก
สภ.ตามมาบอกว่า คำสั่งก่อนหน้าให้ ส.ต.ต.ไปปฏิบัติหน้าที่ “ผลัดละ ๑๕ วัน เป็นเวลา
๑ ผลัด” นั้น
“หลังจากมีการแพร่คลิป ทาง ผกก.สภ.ทุ่งใหญ่
(เมืองคอน) จึงให้ ส.ต.ต.เอกพลฯ กลับไปปฏิบัติหน้าที่งานจราจรเช่นเดิมแล้ว”
แต่นั่นก็ ‘หลังจาก’ เกิดความเสียหายแก่ชื่อเสียงของตุลาการ
และศักดิ์ศรีของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ไปเต็มเปา
(https://workpointnews.com/2019/05/09/อธิบดีผู้พิพากษาภาค ๘ และ https://www.springnews.co.th/thailand/south/491131)