วันเสาร์, พฤษภาคม 11, 2562

สังคมบัดสี ยุค คสช.เปลี่ยนต่อ 'ประชารัฐ' ผู้พิพากษาเบ่งตำรวจ


ยุค คสช.เปลี่ยนต่อ ประชารัฐนี่การเมืองยุ่งเหยิง โกงคะแนน ตระบัดกฎหมาย เศรษฐกิจยับเยิน แล้วยังสังคมบัดสี ไม่เพียงตะหานเป็นพ่องทุกองค์กร ตุลาการยังทำตัวเหนือหัวข้าราชการ (ผู้น้อย) อีกด้วย

การเมือง :แฟนบอล บุรีรัมภ์ยูไนเต็ด โวยลั่นเว็บจะเผาเสื้อทีมประท้วงข่าว เนรวิน ดอดต่อสายคุย วราวุธ ศิลปอาชา พรรค ชทพ. เรื่องชวนไปรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาลกับพลังประชารัฐ พร้อมทั้งต่อรองเก้ากระทรวงเกรดเอให้แก่พรรคภูมิใจไทย

เศรษฐกิจ :ขนาดหนังสือพิมพ์แนวหน้า สื่อหนุน คสช. ยังต้องเล่นข่าว “โรงรับจำนำแตก ชาวบ้านนราฯ แห่ตึ๊งของรับเปิดเทอม” เนื้อความว่าสถานธนานุบาลเตรียมทั้งเงินรอรับจำนำ และโปรโมชั่นลดดอกเบี้ยในช่วงนี้

ผู้จัดการบอก “ยินดีต้อนรับผู้ปกครองที่มีความจำเป็น...ได้นำเงินไปแก้ปัญหาในเรื่องของทุนที่จะใช้ในการซื้อหาชุดนักเรียน รวมทั้งเป็นทุนการศึกษา และซื้อหาหนังสืออุปกรณ์การเรียนต่างๆ”


 
สังคม :ความเหลื่อมล้ำระหว่าง คนมี-คนจน ชาติตระกูล ยศฐาบันดาศักดิ์ ทำให้ได้รับผลจากการบังคับใช้กฎหมายต่างกัน ใครได้เปรียบก็มักจะลอยตัว ตัวอย่าง ‘I-Tik’ ทำงานปีละ ๖ วัน ได้เงินเดือนเต็ม ๑๒ เดือน แล้วยังได้เป็น สว.

ล่าสุด อธิบดีผู้พิพากษาภาคขับรถไม่พกใบขับขี่ เจอด่านตรวจตำรวจชั้นประทวนพูดดี๊ดีขอดูใบอนุญาตกลับนั่งกอดอก บอกผู้กองให้โทรไปหา ไอ้โชคผู้กำกับสิ รู้จักกันดี ผู้กองก็ครับๆ ปล่อยไป แล้วหลังจากนั้นชั้นประทวนโดนย้าย

ข้อหาความผิดกลายเป็นว่า “เหตุใช้น้ำเสียงไม่สุภาพ” ไปเสียฉิบ นี่ขนาด ข่าวจริงสปริงนิวส์สื่อค่ายพลังประชารัฐเลยนะเนี่ย แต่ถ้าไปดูรายงานของเวิ้ร์คพ้อยต์อ้างแค่ว่า “เด็กมีปัญหาการสัมผัสกับประชาชน...ไปขอโทษท่านแล้ว”

กลายเป็นอุทธาหรณ์ “ต่อไปชั้นประทวนคงทํางานลําบาก ต้องใช้ไหวพริบพิจารณาว่าคนที่อยู่ในรถนั้น เป็นผู้ยิ่งใหญ่มีบารมีรึเปล่า ไม่งั้นก็ซวยไป” นี่จากที่ เพื่อนตํารวจ แฟนคลับ @Lukkrandee’ บ่นไว้

จะเห็นว่าเรื่องแบบนี้ระยะหลังๆ นี่ปรากฏทางสื่อบ่อย จะเป็นเพราะประชาชนตื่นรู้ สื่อเลยต้องเล่น หรือว่าการใช้อำนาจบาตรใหญ่ เอาอย่าง คสช.มันกระจายไปทุกอนูของผู้กุมอำนาจและพวกมีคำสั่งของ คสช. ค้ำหัว

อีกทั้งบรรดาผู้สมคบคิดคณะรัฐประหารเช่นพวกตุลาการ สมัยรัชกาลที่ ๙ ก็ว่าสูงส่งและเดียดฉันท์นักการเมืองเท่านั้น สมัยนี้ เบ่งยิ่งกว่าเป็นนายผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ระดับ สภ.เมือง ดูได้จากเรื่องราวที่เป็นคลิปฉาว แชร์กันกระฉ่อน

เหตุเกิดจากที่ทั่นอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาฯ ภาค ๘ นายไตรรัตน์ วีรพัฒนาสุวรรณ ขับรถกลับจากไปกินข้าวใกล้ๆ บ้าน เจอด่านตำรวจตรวจใบอนุญาตขับขี่ตามปกติ

แต่ทั่นอธิบดีไม่มีให้เจ้าหน้าที่ดู ก็เลยนั่งกอดอกเฉย จะใช้ใบของสตรีที่นั่งโดยสารหน้ารถแทน สิบตำรวจตรีผู้ตรวจบอกไม่ได้ เซ้าซี้จะดูใบของทั่นให้ได้ ชั้นประทวนคงนึกว่าเจอคนเบ่งนั่นละ จึงตอบไปว่า

“ผมมีอำนาจเต็มนะครับ” แล้วเรียกผู้กองฯ ไปจัดการแทน ทั่นอธิบดีถึงได้ออกใช้อิทธิฤทธิ์ ให้ผู้กองฯ ลองโทรไปหาผู้กำกับฯ ดู ผู้กองรู้ว่าเจอของจริงจึงปล่อยไป

ปัญหามันอยู่ที่เรื่องไม่จบแค่นั้น ต่อมามีการบอกเล่าสนทนาระหว่างทั่นอธิบดีกับผู้กำกับฯ แล้วคำสั่ง “ให้ข้าราชการตำรวจดังกล่าวมาปฏิบัติหน้าที่ออกตรวจร่วมกับผู้กำกับการสถานี”

กลายเป็นเรื่องใหญ่ว่อนอินเตอร์เน็ต ว่าชั้นประทวนถูกย้ายเพราะขอดูใบขับขี่ผู้พิพากษา อื้อฉาวขนาดนี้ ผู้กำกับฯ ต้องวิงวอน ขอให้ช่วยยุติเรื่องนี้ กลัวจะเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวระหว่างตำรวจกับศาล การทำงานต่อไปมันจะลำบาก”

พร้อมทั้งมีถ้อยแถลงเป็นบันทึกข้อความจาก สภ.ตามมาบอกว่า คำสั่งก่อนหน้าให้ ส.ต.ต.ไปปฏิบัติหน้าที่ “ผลัดละ ๑๕ วัน เป็นเวลา ๑ ผลัด” นั้น

“หลังจากมีการแพร่คลิป ทาง ผกก.สภ.ทุ่งใหญ่ (เมืองคอน) จึงให้ ส.ต.ต.เอกพลฯ กลับไปปฏิบัติหน้าที่งานจราจรเช่นเดิมแล้ว”

แต่นั่นก็ หลังจาก เกิดความเสียหายแก่ชื่อเสียงของตุลาการ และศักดิ์ศรีของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ไปเต็มเปา