The Thai authorities must end their harassment of a prominent opposition politician and not seek to undermine anti-military parties in the National Assembly, ASEAN Parliamentarians for Human Rights (APHR) said today.https://t.co/VtYULPg7S9 pic.twitter.com/IXJN4Led27— Prachatai English (@prachatai_en) May 28, 2019
ธนาธรซวย อยู่เฉยๆก็โดนพลเอกประยุทธ์สาดโคลนข้อหา"ชักศึกเข้าบ้าน"เพียงเพราะรัฐสภาอาเซียนแถลงให้คสช.หยุดพฤติกรรมกลั่นแกล้งคู่แข่งทางการเมือง มิหนำซ้ำคุณประยุทธ์ยังพูดต่อว่าธนาธรโดนรัฐบาลดำเนินคดีต่างๆตามที่กฎหมายกำหนด โดย คสช.หรือทหารไม่เคยยุ่งแม้แต่นิดเดียวhttps://t.co/PEZMhLBJZi— sirote klampaiboon (@sirotek) May 28, 2019
ประยุทธควรไปด่าสมาชิกสภาอาเซียนที่มาเตือนนะครับ แทนที่จะด่าคนไทยว่าพาต่างชาติเข้ามา สมัยนี้ไม่ต้องพามาแล้ว เพราะข่าวสารแพร่ไปทั่ว เค้ามากันเอง— Soraj Hongladarom (@Sonamsangbo) May 28, 2019
ไร้ค่า !
Churdchai Thai PBS
Published on Feb 2, 2016
คุณไม่เชื่อมั่นผม ว่าผมทำเพื่ออะไร คุณไม่ไว้ใจผมเลย ที่ผมอยู่กับท่านมา 2 ปี
.
ในปี 2535 การเมืองไทยเข้าสู่โหมดการเลือกตั้ง ปรากฏว่าพล.อ.อ.สมบุญ ได้นำพรรคชาติไทยเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎรอย่างสง่างามด้วยจำนวนสส.ถึง 74 คนเป็นรองเพียงพรรคสามัคคีธรรมที่ได้สส.76คนเท่านั้น ในเดือนมี.ค.ปีนั้นเองพล.อ.อ.สมบุญ ได้เข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคสามัคคีธรรมและสนับสนุนให้ "บิ๊กสุ" พล.อ.สุจินดา คราประยูร ผู้ทำการรัฐประหารเมื่อปี 2534 เป็นนายกรัฐมนตรี
พรรคชาติไทยในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีในรัฐบาลพล.อ.สุจินดาถึง 14 ตำแหน่ง โดยพล.อ.อ.สมบุญ ได้รับมอบหมายให้นั่งเก้าอี้รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ศึกษาธิการ
ทว่าอายุของรัฐบาลพล.อ.สุจินดาไม่ยาวมากนักเพราะเผชิญกับกระแสกดดันครั้งใหญ่จนเกิดเหตุการณ์ "พฤษภาทมิฬ"ในปีเดียวกัน ก่อนที่พล.อ.สุจินดา จะตัดสินใจลาออกจากเก้าอี้นายกฯเพื่อสงบศึก ซึ่งการลาออกของพล.อ.สุจินดา ครั้งนั้นจึงเป็นจุดเริ่มต้นของ "ตำนานชุดขาวรอเก้อ" ในเวลาต่อมา
ขณะนั้น พล.อ.อ.สมบุญ ได้ถูกยกให้เป็นว่าที่นายกรัฐมนตรีคนที่ 20 ต่อจากพล.อ.สุจินดา เพราะได้รับแรงสนับสนุนจากบิ๊กทหารและพรรคการเมืองผู้กุมเสียงข้างมากในสภาฯ ไม่ว่าจะเป็น "พล.อ.อิสระพงศ์ หนุนภักดี" แกนนำรสช.คนสำคัญ "บรรหาร ศิลปอาชา" "เสนาะ เทียนทอง" "สมัคร สุนทรเวช" และ "มนตรี พงษ์พานิช" เป็นต้น
พล.อ.อ.สมบุญ มั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าตัวเองได้เป็นผู้นำประเทศคนต่อไปสะท้อนได้จากการแต่งตัวด้วยชุดสีขาวเต็มยศเพื่อเตรียมรับสนองพระบรมราชโองการโปรดเกล้าแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 10 มิ.ย.2535 แต่สุดท้ายทุกอย่างกลับตาลปัตรเมื่อ "อาทิตย์ อุไรรัตน์" ประธานสภาฯในเวลานั้นซึ่งมีหน้าที่นำรายชื่อบุคคลที่จะเป็นนายกฯขึ้นทูลเกล้าได้สลับชื่อให้ "อานันท์ ปันยารชุน" เป็นนายกฯแทน จนกลายเป็นที่มาของตำนานชุดขาวรอเก้อ
ต่อมาในปี 2540 พล.อ.อ.สมบุญ ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในตำนาน "งูเห่า" เพราะเป็น1ใน12 สส.ของพรรคประชากรไทยที่สนับสนุนให้ "ชวน หลีกภัย" หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เป็นนายกฯสมัยที่2ต่อจากพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ที่ลาออกเพื่อรับผิดชอบกับพิษเศรษฐกิจ ทั้งๆที่พรรคร่วมรัฐบาลเวลานั้นเตรียมสนับสนุนให้พล.อ.ชาติชาย มาเป็นนายกฯอีกครั้ง
ณ ขณะนี้— Sa-nguan Khumrungroj (劉振廷) (@ZhentingLiu) May 28, 2019
ลุงฉุนดูท่าจะคล้าย"สมบุญ ระหงษ์"เมื่อ27ปีที่แล้ว แต่งชุดขาวรอเก้อไปทุกที
ในปี 2535 การเมืองไทยเข้าสู่โหมดการเลือกตั้ง ปรากฏว่าพล.อ.อ.สมบุญ ได้นำพรรคชาติไทยเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎรอย่างสง่างามด้วยจำนวนสส.ถึง 74 คนเป็นรองเพียงพรรคสามัคคีธรรมที่ได้สส.76คนเท่านั้น ในเดือนมี.ค.ปีนั้นเองพล.อ.อ.สมบุญ ได้เข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคสามัคคีธรรมและสนับสนุนให้ "บิ๊กสุ" พล.อ.สุจินดา คราประยูร ผู้ทำการรัฐประหารเมื่อปี 2534 เป็นนายกรัฐมนตรี
พรรคชาติไทยในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีในรัฐบาลพล.อ.สุจินดาถึง 14 ตำแหน่ง โดยพล.อ.อ.สมบุญ ได้รับมอบหมายให้นั่งเก้าอี้รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ศึกษาธิการ
ทว่าอายุของรัฐบาลพล.อ.สุจินดาไม่ยาวมากนักเพราะเผชิญกับกระแสกดดันครั้งใหญ่จนเกิดเหตุการณ์ "พฤษภาทมิฬ"ในปีเดียวกัน ก่อนที่พล.อ.สุจินดา จะตัดสินใจลาออกจากเก้าอี้นายกฯเพื่อสงบศึก ซึ่งการลาออกของพล.อ.สุจินดา ครั้งนั้นจึงเป็นจุดเริ่มต้นของ "ตำนานชุดขาวรอเก้อ" ในเวลาต่อมา
ขณะนั้น พล.อ.อ.สมบุญ ได้ถูกยกให้เป็นว่าที่นายกรัฐมนตรีคนที่ 20 ต่อจากพล.อ.สุจินดา เพราะได้รับแรงสนับสนุนจากบิ๊กทหารและพรรคการเมืองผู้กุมเสียงข้างมากในสภาฯ ไม่ว่าจะเป็น "พล.อ.อิสระพงศ์ หนุนภักดี" แกนนำรสช.คนสำคัญ "บรรหาร ศิลปอาชา" "เสนาะ เทียนทอง" "สมัคร สุนทรเวช" และ "มนตรี พงษ์พานิช" เป็นต้น
พล.อ.อ.สมบุญ มั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าตัวเองได้เป็นผู้นำประเทศคนต่อไปสะท้อนได้จากการแต่งตัวด้วยชุดสีขาวเต็มยศเพื่อเตรียมรับสนองพระบรมราชโองการโปรดเกล้าแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 10 มิ.ย.2535 แต่สุดท้ายทุกอย่างกลับตาลปัตรเมื่อ "อาทิตย์ อุไรรัตน์" ประธานสภาฯในเวลานั้นซึ่งมีหน้าที่นำรายชื่อบุคคลที่จะเป็นนายกฯขึ้นทูลเกล้าได้สลับชื่อให้ "อานันท์ ปันยารชุน" เป็นนายกฯแทน จนกลายเป็นที่มาของตำนานชุดขาวรอเก้อ
ต่อมาในปี 2540 พล.อ.อ.สมบุญ ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในตำนาน "งูเห่า" เพราะเป็น1ใน12 สส.ของพรรคประชากรไทยที่สนับสนุนให้ "ชวน หลีกภัย" หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เป็นนายกฯสมัยที่2ต่อจากพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ที่ลาออกเพื่อรับผิดชอบกับพิษเศรษฐกิจ ทั้งๆที่พรรคร่วมรัฐบาลเวลานั้นเตรียมสนับสนุนให้พล.อ.ชาติชาย มาเป็นนายกฯอีกครั้ง