ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประกาศเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลเอง
‘พร้อมเป็นนายกรัฐมนตรี’ น่าจะเป็นทางออกที่ ‘สวย’ สำหรับฝ่ายไม่เอาสืบทอดอำนาจ
คสช. หลังจาก ‘ข่าวลือ’
สองอย่างถูกปฏิเสธเด็ดขาด
ในจำนวนข่าวลือ ข่าวโยนหิน ข่าวเสี้ยม
ที่ถูกปล่อยออกมาอย่างไม่ขาดสายเรื่องการจัดตั้งรัฐบาล ลือล่าสุดที่ว่าอนุทิน
ชาญวีรกูล เตรียมแถลงร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย ประชาธิปัตย์
และพรรคในฝ่ายประชาธิปไตย ที่พร้อมใจกันยกให้ตัวเขาเป็นนายกรัฐมนตรี
พรรคภูมิใจไทยปฏิเสธผ่านสื่อที่ไปสอบถามว่าข่าวนั้น
“ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใดทั้งสิ้น แกนนำของพรรคยังคงแถลงท่าทีของพรรคในวันที่ ๒๐
พ.ค. ที่จ.บุรีรัมย์” เช่นเดียวกับทางพรรคเพื่อไทย
ออกแถลงว่านั่นเป็นเพียงข่าวปล่อย ‘ไอโอ’
ลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ โฆษกพรรคฯ
ชี้แจงเรื่องข่าวลือฟอร์มรัฐบาลที่มีอนุทินเป็นนายกฯ โดย ‘แบ่งเค้ก’ ให้ตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงชั้นดีแก่เพื่อไทย
ให้ตำแหน่งประธานสภาฯ แก่ประชาธิปัตย์ ว่าเป็นกระบวนการสงครามจิตวิทยาแบบทหารทางสื่อ
ที่หวังผลการเมืองในการช่วงชิงจัดตั้งรัฐบาลเท่านั้น
ธนาธรอ้างเพื่อจะหยุดยั้งความคลุมเครือและสิ้นหวัง
ขอประกาศตัวเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล เพื่อนำไปสู่เป้าหมายส่งทหารกลับเข้ากรมกอง
และแก้รัฐธรรมนูญให้มีการเลือกตั้งใหม่ที่เป็นประชาธิปไตย
โดยเขาพร้อมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี
“หลังจากนี้ต่อไป
ผมจะเดินทางไปขอพบคุณอนุทินด้วยตัวเอง ไปขอพบคุณจุรินทร์ด้วยตัวเอง
จะเดินทางไปขอพบคุณหนูนาคุณท้อปด้วยตัวเอง เพื่อที่จะบอกทุกคนว่ามาร่วมกันเถอะ”
ส่วนพรรคเพื่อไทยนั้นพูดหลายครั้งว่าใครเป็นนายกฯ ก็ได้ ขอให้มีภารกิจเดียวกัน
มันคล้องจองพอดีกับข่าวที่ออกมาจากการประชุม
ส.ส.พรรคเพื่อไทยเมื่อ ๑๖ พ.ค.ซึ่งคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์
ประธานยุทธศาสตร์เลือกตั้งฯ บอกกับที่ประชุมว่า “ภารกิจของพรรคเพื่อไทยจะยืนยันต่อสู้จนถึงวินาทีสุดท้ายเพื่อจัดตั้งรัฐบาลให้สำเร็จ”
นั่นหมายถึงว่าแม้ตนเองจะไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี
“สถานการณ์การเมืองในขณะนี้ จำเป็นอย่างยิ่งที่พรรคการเมืองต้องรวมเสียงข้างมากในสภาให้ได้มากที่สุดไว้ก่อน”
เพื่อสกัดกั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี
(https://www.khaosod.co.th/politics/news_2522465, https://www.posttoday.com/politic/news/589320xTqFwRA และ https://www.matichon.co.th/politics/news_1497402)
ข้อสำคัญแคนดิเดทนายกฯ
ของพรรคเพื่อไทยผู้นี้ เอ่ยถึงข่าวการประกาศตัวของธนาธรด้วยว่า “ได้พูดคุยกันแล้ว
รวมถึงพรรคการเมืองที่ได้ทำสัตยาบรรณ” แม้ภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการก็คอนเฟิร์ม ในการสนองต่อคำถามบนทวิตเตอร์ที่ว่า
“@Thanathorn_FWP เปลี่ยนใจจะเป็นนายกเองแล้วล่ะ ไม่ทราบว่าคุณ @sudaratofficial @phumtham @ThaksinLive
จะว่าอย่างไร” เขาตอบว่า “คุณธนาธรเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีความปรารถนาดีต่อบ้านเมืองครับ...อาสาจะเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาให้บ้านเมืองถือเป็นเรื่องน่ายินดีครับ”
น่ายินดีจริงๆ ในสถานการณ์ที่ทั้งสมุนและลิ่วล้อ
คสช.โหมแรงกระหน่ำไม่ลดละ พยายามกำจัดธนาธรออกจากสมการตั้งรัฐบาลให้จงได้ ใช้ทั้งเล่ห์กลมนต์คาถาทุกอย่าง
ดังที่ธนาธรเปิดเผยระหว่างไปพูดให้สมาชิกสมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศ ‘FCCT’ ฟัง
เขาเล่าว่าหลังเลือกตั้ง ๒-๓ อาทิตย์
มารดาได้รับโทรศัพท์จากสมาชิกอาวุโสของพลังประชารัฐคนหนึ่ง เอ่ยถึงคดีความมากมายที่ธนาธรและพรรคอนาคตใหม่เผชิญ
เขายื่นข้อเสนอ “ขอให้ลูกชายของคุณมอบ ส.ส. จำนวน ๒๐ คนจากพรรคอนาคตใหม่มาให้”
แล้วจะช่วยลบล้างคดีความต่างๆ ให้หมด “รวมทั้งข้อกล่าวหาที่มีต่ออาจารย์ปิยบุตร
(แสงกนกกุล)” ด้วย มารดาซึ่งไม่ประสีประสากับคณิตศาสตร์การเมือง ยังบอกเขาว่า
เราได้ ๘๐ ที่นั่ง แบ่งให้เขาไปสัก ๒๐ เถอะ “นี่แหละครับสังคมแบบที่เรากำลังอาศัยอยู่”
แรงกดดันจากลิ่วล้อ
คสช.เพิ่มหนักขึ้นอีกเมื่อ กกต. “ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ
เพื่อขอให้พิจารณาวินิจฉัยสิ้นสุดสภาพการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของธนาธร” จากกรณีมีหุ้นสื่อบริษัท
วี-ลัค มีเดีย จำกัด อีกจนได้ ทั้งๆ
ที่กรณีนี้ธนาธรได้ยื่นสำเนาเอกสารเป็นหลักฐานต่อสู้ไปแล้ว
เอกสารใบตราสาร บอจ.๕
(สำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น) ที่สำนักข่าวอิศราชงเรื่องใช้กล่าวหาว่าเป็นการแจ้งเปลี่ยนแปลงการถือหุ้น
“ก่อนวันเลือกตั้ง ๓ วัน และเกิดขึ้นหลังวันสมัครรับเลือกตั้งเมื่อวันที่ ๖ กุมภาพันธ์
๒๕๖๒” นั้น
เป็นเพียง “แจ้งตามที่กฎหมายระบุว่าให้แสดงเพียงปีละครั้งเท่านั้น”
ในเมื่อในทางระเบียบกฎหมายการทำนิติกรรมโอนหุ้นจริงเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ ๘ มกราคม
๒๕๖๒ “ก่อนวันที่ตนจะไปสมัคร ส.ส. ในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา”
คำประกาศจัดตั้งรัฐบาลเองของธนาธรที่ว่า “ต้องตัดสินใจทำแบบนี้”
บางคนอาจเห็นว่าเป็น ‘แผนเกลือจิ้มเกลือ’ ได้ร้ายกาจ บ้างว่าย้อนเกล็ด คสช.ได้สะใจ แต่เนื้อแท้เป็นปฏิกิริยาของนักสู้ที่ถูกบีบคั้นจนถึงที่สุด
มิใช่สู้อย่างสุนัขจนตรอก แต่สู้ด้วยจิตวิญญานอันแม่นมั่นและชาญฉลาด