วันศุกร์, พฤษภาคม 17, 2562

ย้อนเกล็ด คสช. ธนาธรประกาศตั้งรัฐบาลเอง สุดารัตน์รับ "คุยกันแล้ว"


ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประกาศเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลเอง พร้อมเป็นนายกรัฐมนตรีน่าจะเป็นทางออกที่ สวยสำหรับฝ่ายไม่เอาสืบทอดอำนาจ คสช. หลังจาก ข่าวลือ สองอย่างถูกปฏิเสธเด็ดขาด

ในจำนวนข่าวลือ ข่าวโยนหิน ข่าวเสี้ยม ที่ถูกปล่อยออกมาอย่างไม่ขาดสายเรื่องการจัดตั้งรัฐบาล ลือล่าสุดที่ว่าอนุทิน ชาญวีรกูล เตรียมแถลงร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย ประชาธิปัตย์ และพรรคในฝ่ายประชาธิปไตย ที่พร้อมใจกันยกให้ตัวเขาเป็นนายกรัฐมนตรี

พรรคภูมิใจไทยปฏิเสธผ่านสื่อที่ไปสอบถามว่าข่าวนั้น “ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใดทั้งสิ้น แกนนำของพรรคยังคงแถลงท่าทีของพรรคในวันที่ ๒๐ พ.ค. ที่จ.บุรีรัมย์” เช่นเดียวกับทางพรรคเพื่อไทย ออกแถลงว่านั่นเป็นเพียงข่าวปล่อย ไอโอ

ลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ โฆษกพรรคฯ ชี้แจงเรื่องข่าวลือฟอร์มรัฐบาลที่มีอนุทินเป็นนายกฯ โดย แบ่งเค้กให้ตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงชั้นดีแก่เพื่อไทย ให้ตำแหน่งประธานสภาฯ แก่ประชาธิปัตย์ ว่าเป็นกระบวนการสงครามจิตวิทยาแบบทหารทางสื่อ ที่หวังผลการเมืองในการช่วงชิงจัดตั้งรัฐบาลเท่านั้น

ธนาธรอ้างเพื่อจะหยุดยั้งความคลุมเครือและสิ้นหวัง ขอประกาศตัวเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล เพื่อนำไปสู่เป้าหมายส่งทหารกลับเข้ากรมกอง และแก้รัฐธรรมนูญให้มีการเลือกตั้งใหม่ที่เป็นประชาธิปไตย โดยเขาพร้อมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี

“หลังจากนี้ต่อไป ผมจะเดินทางไปขอพบคุณอนุทินด้วยตัวเอง ไปขอพบคุณจุรินทร์ด้วยตัวเอง จะเดินทางไปขอพบคุณหนูนาคุณท้อปด้วยตัวเอง เพื่อที่จะบอกทุกคนว่ามาร่วมกันเถอะ” ส่วนพรรคเพื่อไทยนั้นพูดหลายครั้งว่าใครเป็นนายกฯ ก็ได้ ขอให้มีภารกิจเดียวกัน

มันคล้องจองพอดีกับข่าวที่ออกมาจากการประชุม ส.ส.พรรคเพื่อไทยเมื่อ ๑๖ พ.ค.ซึ่งคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์เลือกตั้งฯ บอกกับที่ประชุมว่า “ภารกิจของพรรคเพื่อไทยจะยืนยันต่อสู้จนถึงวินาทีสุดท้ายเพื่อจัดตั้งรัฐบาลให้สำเร็จ”

นั่นหมายถึงว่าแม้ตนเองจะไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี “สถานการณ์การเมืองในขณะนี้ จำเป็นอย่างยิ่งที่พรรคการเมืองต้องรวมเสียงข้างมากในสภาให้ได้มากที่สุดไว้ก่อน” เพื่อสกัดกั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี


ข้อสำคัญแคนดิเดทนายกฯ ของพรรคเพื่อไทยผู้นี้ เอ่ยถึงข่าวการประกาศตัวของธนาธรด้วยว่า “ได้พูดคุยกันแล้ว รวมถึงพรรคการเมืองที่ได้ทำสัตยาบรรณ” แม้ภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการก็คอนเฟิร์ม ในการสนองต่อคำถามบนทวิตเตอร์ที่ว่า
 
@Thanathorn_FWP เปลี่ยนใจจะเป็นนายกเองแล้วล่ะ ไม่ทราบว่าคุณ @sudaratofficial @phumtham @ThaksinLive จะว่าอย่างไร” เขาตอบว่า “คุณธนาธรเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีความปรารถนาดีต่อบ้านเมืองครับ...อาสาจะเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาให้บ้านเมืองถือเป็นเรื่องน่ายินดีครับ”

น่ายินดีจริงๆ ในสถานการณ์ที่ทั้งสมุนและลิ่วล้อ คสช.โหมแรงกระหน่ำไม่ลดละ พยายามกำจัดธนาธรออกจากสมการตั้งรัฐบาลให้จงได้ ใช้ทั้งเล่ห์กลมนต์คาถาทุกอย่าง ดังที่ธนาธรเปิดเผยระหว่างไปพูดให้สมาชิกสมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศ FCCT’ ฟัง

เขาเล่าว่าหลังเลือกตั้ง ๒-๓ อาทิตย์ มารดาได้รับโทรศัพท์จากสมาชิกอาวุโสของพลังประชารัฐคนหนึ่ง เอ่ยถึงคดีความมากมายที่ธนาธรและพรรคอนาคตใหม่เผชิญ เขายื่นข้อเสนอ “ขอให้ลูกชายของคุณมอบ ส.ส. จำนวน ๒๐ คนจากพรรคอนาคตใหม่มาให้”

แล้วจะช่วยลบล้างคดีความต่างๆ ให้หมด “รวมทั้งข้อกล่าวหาที่มีต่ออาจารย์ปิยบุตร (แสงกนกกุล)” ด้วย มารดาซึ่งไม่ประสีประสากับคณิตศาสตร์การเมือง ยังบอกเขาว่า เราได้ ๘๐ ที่นั่ง แบ่งให้เขาไปสัก ๒๐ เถอะ “นี่แหละครับสังคมแบบที่เรากำลังอาศัยอยู่”

แรงกดดันจากลิ่วล้อ คสช.เพิ่มหนักขึ้นอีกเมื่อ กกต. “ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อขอให้พิจารณาวินิจฉัยสิ้นสุดสภาพการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของธนาธร” จากกรณีมีหุ้นสื่อบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด อีกจนได้ ทั้งๆ ที่กรณีนี้ธนาธรได้ยื่นสำเนาเอกสารเป็นหลักฐานต่อสู้ไปแล้ว

เอกสารใบตราสาร บอจ.๕ (สำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น) ที่สำนักข่าวอิศราชงเรื่องใช้กล่าวหาว่าเป็นการแจ้งเปลี่ยนแปลงการถือหุ้น “ก่อนวันเลือกตั้ง ๓ วัน และเกิดขึ้นหลังวันสมัครรับเลือกตั้งเมื่อวันที่ ๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒” นั้น

เป็นเพียง “แจ้งตามที่กฎหมายระบุว่าให้แสดงเพียงปีละครั้งเท่านั้น” ในเมื่อในทางระเบียบกฎหมายการทำนิติกรรมโอนหุ้นจริงเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ ๘ มกราคม ๒๕๖๒ “ก่อนวันที่ตนจะไปสมัคร ส.ส. ในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา”


คำประกาศจัดตั้งรัฐบาลเองของธนาธรที่ว่า “ต้องตัดสินใจทำแบบนี้” บางคนอาจเห็นว่าเป็น แผนเกลือจิ้มเกลือได้ร้ายกาจ บ้างว่าย้อนเกล็ด คสช.ได้สะใจ แต่เนื้อแท้เป็นปฏิกิริยาของนักสู้ที่ถูกบีบคั้นจนถึงที่สุด มิใช่สู้อย่างสุนัขจนตรอก แต่สู้ด้วยจิตวิญญานอันแม่นมั่นและชาญฉลาด