วันอาทิตย์, พฤษภาคม 19, 2562

ตัดเค้กยังไง ภูมิใจไทยถึงพ้อ เราแค่พรรคอันดับ ๕

ความกดดันในการจัดตั้งรัฐบาลที่ อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยอ้าง ไม่ใช่เรื่อง บุษบาเสี่ยงเทียน หรือ วันทองสองใจ มากไปกว่า “ต้องดูเรื่องตัวเลขก่อน” ซึ่งหมายถึงได้กระทรวงอะไรแน่ ในเมื่อชัดแจ้งว่า ตัวแย่ง เยอะ

ข้ออ้าง “ตอนนี้มีการแบ่งฝ่ายกันเป็นประชาธิปไตยกับเผด็จการ คนกลางๆ อย่างภูมิใจไทยก็รู้สึกกดดัน” นั้นน่าจะเป็นเพียงไว้แก้หน้าถ้า ดีล ไม่ดีจริงหรืออาจจะไปไม่รอด ในเมื่อเขาพูดถึงข่าวลือเรื่อง ขั้วที่สาม ของภูมใจไทย ประชาธิปัตย์ และชาติไทยพัฒนา ในทางที่ตัดพ้ออยู่พอควร

เขาว่ายังไม่มีโอกาศคุยกับนายจุรินทร์ ลักษณะวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค ปชป.คนใหม่ ได้แต่ “โทรศัพท์ไปแสดงความยินดีกับนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการฯ” และ “พรรคภูมิใจไทยเป็นพรรคอันดับ ๕ การจะเป็นตัวตั้งตัวตีจัดตั้งรัฐบาลนั้นไม่มีสิทธิเลย

ซึ่งก็ยังไม่เคยได้รับการติดต่อทาบทามอย่างเป็นการจากฝ่ายใด การเป็นพรรคอันดับ ๕ ก็ต้องเจียมตัว” ทั้งนี้พอรู้ๆ กันอยู่ว่าระหว่างหัวหน้าและเลขาฯ พรรค ปชป.คนใหม่ ออกจะอยู่คนละขั้ว นายจุรินทร์นั่นสายไม่เอาประยุทธ์ ขณะที่เฉลิมชัย ศรีอ่อน ออกอาการชัดแจ๋วว่าต้องการร่วมรัฐบาลกับ พปชร.
 
นายเฉลิมชัยพูดปราศัยในวันสงกรานต์ที่ผ่านมา กับผู้สนับสนุนที่ปราณบุรีว่าได้พูดกับผู้ใหญ่ในพรรคแล้ว ว่าเขาผลักดันการเข้าร่วมรัฐบาลอย่างแม่นมั่น “ถ้าผิดจากนี้ ก็เลิกกัน” ขณะที่ทางนายอนุทินพูดถึงนโยบายกัญชาเสรีของพรรค ภท.

“ตอนนี้พยายามทำงานเท่าที่ทำได้ไปก่อน พรรคภูมิใจไทยมี ส.ส.เกิน ๒๐ คน สามารถเสนอกฎหมายเองได้...อยากฝากไปถึงหัวหน้า คสช.ด้วยว่า วันที่ ๒๑ พ.ค.นี้ จะครบกำหนดเรื่องนิรโทษกรรมกัญชา แล้วก็จะกลับมาผิดกฎหมายเหมือนเดิม แต่ยังมีผู้ป่วยที่รอรับการช่วยเหลืออีกหลายคน”

อย่างไรก็ดี ในช่วงปฐมนิเทศ ส.ส.ของพรรค ๑๙-๒๐ พ.ค. ที่บุรีรัมย์ จะมีการขอฉันทานุมัติจากบรรดา ส.ส. จะปรากฏความชัดเจนเรื่องร่วมรัฐบาลกับฝ่ายไหน พปชร.หรือ พท.


ผู้ใช้นาม กรุงเทพ กรุงเทพเขียนวิเคราะห์ความน่าจะเป็นไว้ชวนให้คิดว่าฝ่ายสัตยาบันไม่เอาสืบทอดอำนาจ ๗ พรรค หลังจากชัยชนะเลือกตั้งซ่อมที่เชียงใหม่เขต ๘ ทำให้ได้ที่นั่งเพิ่มขึนมาอีกหนึ่ง “ถึงประยุทธ์-พลังประชารัฐจะได้พรรคที่เหลือไป ก็มีเสียงเกินกึ่งหนึ่งแค่ ๓ เสียง”

ผลักเบาๆ ก็ล้ม ยังไงก็ไปไม่รอด” ฉะนั้น “ถ้ามีสติแล้วเลือกฝั่งประชาธิปไตย ทั้ง จุรินทร์-อนุทิน’ จะกลายเป็นวีรบุรุษประชาธิปไตยทันที ถึงจะต้องเลือกตั้งใหม่ จำนวน สส. และเสียงประชาชนที่สนับสนุน
ก็จะไม่ลดน้อยลง มีแต่จะเพิ่มขึ้น”
 
ยิ่งเมื่อนายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาฯ เพื่อไทยย้ำซ้ำอีกครั้งว่า “ไม่มีเงื่อนไขว่าตำแหน่งนายกรัฐมนตรี หรือประธานสภาผู้แทนราษฎร ต้องเป็นของพรรคเพื่อไทยที่ได้ ส.ส.มาเป็นอันดับหนึ่ง” และสนับสนุนให้นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นนายกรัฐมนตรี

ประจวบกับ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ประกาศเกี้ยวพรรคประชาธิปัตย์อย่างโจ่งแจ้ง ให้ไปร่วมกับฝ่ายประชาธิปไตยเถอะ “ในส่วนตนพร้อมที่จะยกโควตา ส.ส.ของตน จำนวน ๑๐ คนให้กับพรรคประชาธิปัตย์”

พล.ต.อ.เสรีประกาศด้วยว่า “ไม่ขอรับตำแหน่งใดๆ ขออย่างเดียว ขอให้ระบอบประชาธิปไตยเดินหน้าต่อไปอย่างถูกทำนองคลองธรรม” ก็น่าจะทำให้ปัญหาเรื่องตัวเลขกระทรวงชั้นดีโปร่งโล่งไปได้บ้าง เช่นเดียวกับทางด้าน ปชป.ที่ได้ข้อเสนอที่ดูเหมือนหวาน แต่แกมเปรี้ยวจาก พปชร.
 
ข่าวว่า “แกนนำพรรค พปชร.ได้รับข้อเสนอที่พรรคปชป.ต้องการเข้ามาร่วมดูแลกระทรวงสำคัญ ทั้งด้านเศรษฐกิจและกระทรวงที่จะสร้างผลงาน สร้างคะแนนนิยมในการเลือกตั้งครั้งหน้า ได้แก่กระทรวงการคลัง กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์” แล้ว

ทว่า “พรรคพปชร. ยังยืนยันที่จะดูแลกระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม กระทรวงพาณิชย์ โดยเปิดให้พรรค ปชป.และพรรค ภท.เข้ามาเป็น รมช.” เท่านั้น “ส่วนกระทรวงเศรษฐกิจอื่น ๆ ได้แก่ รมว.อุตสาหกรรม รมว.พลังงาน คาดว่าจะปล่อยให้กับพรรคร่วมรัฐบาลเข้ามาทำงาน”


คำว่า พรรคร่วมรัฐบาลนี้ไม่ได้หมายถึงแต่ภูมิใจไทยและประชาธิปัตย์ ยังมีอีกสิบกว่าพรรคที่จะต้องเกลี่ย สมบัติผลัดกันชมให้ถ้วนทั่ว รวมทั้งสามสี่กระทรวงสำคัญที่หัวหน้า คสช.พูดชัดแล้วว่าต้องยกให้พี่ป้อม พี่ป็อก และเฮียคิด

กระทรวงเกรดเอที่เหลือ อย่างคมนาคม ศึกษา และเกษตร ตัดให้ภูมิใจไทยและ ปชป.อย่างไรก็ไม่สมดุลแน่ จึงได้มีเสียงพ้อออกมาจากปากของอนุทินไง