ทุกอย่างมันช่างลงตัวไปหมดกับแผนสืบทอดอำนาจ
คสช. ไหนจะ ตลก.ศาลรัฐธรรมนูญเริ่มโหมดสอยธนาธร ก่อนเปิดสภาหนึ่งวัน
ไหนจะดีลสำเร็จดูดสำราญเตรียมตั้งรัฐบาลเกือบ ๒๖๐ เสียง ชาตินี้ประชาธิปไตย ‘Organics’
ปลอดสารพิษ ไม่มีสิทธิได้ผุดเกิด
“ไม่มีใครที่เที่ยงตรงในประเทศไทยจะปฏิเสธได้เลยว่า
ศาลถูกใช้เป็นเครื่องมือในการ ‘กำจัด’ ธนาธร @Thanathorn_FWP เพียงเพราะเขาพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า จุดยืนต่อต้านอำนาจทหารของเขาได้รับความนิยมท่วมท้น”
โจนาธาน เฮด ผู้สิ่อข่าวบีบีซีทวี้ต
แม้นว่าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเอกฉันท์รับพิจารณา
“การสิ้นสุดสภาพการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ของธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ
หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่” โดยเสียง ๘ ต่อ ๑ “สั่งให้ธนาธรหยุดปฏิบัติหน้าที่...จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัย”
ซึ่งหมายความว่า “ประชาชนอาจยังมีลุ้น 'ธนาธร' ชิงตำแหน่งเก้าอี้นายกฯ”
เนื่องจากเขาไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา ๑๖๐ ของ รธน.๖๐ ยกเว้นในส่วนที่เข้าข่ายมาตรา
๙๘ (๓) อันเกี่ยวกับการเป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการสื่อมวลชน ซึ่งศาลยังไม่ได้วินิจฉัย
แต่เมื่อดูองค์ประกอบของ
ตลก.ศาลรัฐธรรมนูญชุดนี้ มีที่มาจากการแต่งตั้ง (ต่ออายุ) และสรรหาโดย คสช.
และองค์กรลิ่วล้อ คสช.ทั้งนั้น ทำให้คาดหมายได้เลยว่าการเสนอชื่อธนาธรเป็นนายกรัฐมนตรี
จะต้องเจอกับขั้นตอน ‘ตอกฝาโลง’ เขาโดย ตลก.ในไม่ช้า
๕ ใน ๙
ตลก.ชุดนี้ตกค้างมาตั้งแต่วาระการแต่งตั้งในปี ๒๕๕๑ เป็นเวลา ๙ ปี ครั้นถึงปี ๒๕๖๐
สภานิติบัญญัติฯ หรือ สนช.ที่มาจากการแต่งตั้งของคณะรัฐประหาร
อันเต็มไปด้วยนายทหารและข้าราชการที่สนับสนุนคณะรัฐประหาร
ได้ต่ออายุไม่มีกำหนดจนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่จากการเลือกตั้ง
ตลก.อีกสี่คนก็มาจากการแต่งตั้งด้วยอำนาจมาตรา
๔๔ ของ คสช. ๒ คน (แถมยังเป็นคนที่ทำงานให้คณะรัฐประหารในศาลรัฐธรรมนูญช่วงกระชับอำนาจรัฐประหารด้วย)
อีกสองคนผ่านกรรมวิธีสรรหาตามรัฐธรรมนูญเก่า (ด้วยอำนาจมาตรา ๔๔ เช่นกัน)
แต่ในเมื่อเป็นระยะที่ไม่มีวุฒิสภา คนอนุมัติก็คือประธาน สนช. ลิ่วล้อรัฐประหารโดยตรง
เป็นอันว่า ตลก.ศาลรัฐธรรมนูญที่จัดการกับธนาธรชุดนี้เป็นคนของ
คสช.ที่ “ไว้ใจได้ จึงให้คงอยู่ในตำแหน่งยาวเกิน ๑๑ ปี
และให้มีหน้าที่คอยตีความบังคับใช้กฎหมายระหว่างการเลือกตั้ง
รวมทั้งตัดสินคดีเกี่ยวกับการยุบพรรคการเมืองด้วย”
อีกด้านเมื่อเวลาราวเพลของวันที่ ๒๓
พ.ค.ว่า “นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ได้ประกาศลาออกจากการเป็นหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจใหม่
แต่ยังคงสถานะสมาชิกพรรคและ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อไว้ตามเดิม” ทั้งนี้สืบเนื่องกับข่าว
‘ดีลสำเร็จ’
เช้าวันที่ ๒๓ แกนนำพรรคพลังประชารัฐรวมทั้งที่เป็นรัฐมนตรีรัฐบาล
คสช. หลายคนไม่ได้ไปร่วมรายการปฐมนิเทศน์ ส.ส.ของพรรค แต่ไปโผล่ที่ทำเนียบรัฐบาล
บ้างขึ้นบรรไดหน้า บ้างเข้าด้านหลัง จากนั้นจึงมีข่าวพลังประชารัฐรวมเสียงตั้งรัฐบาลใหม่ได้แล้ว
จากเดิม ๒๕๒ เสียง ได้แก่ พปชร. ๑๑๕ ปชป.
๕๒ ภท. ๕๑ ปชท. ๕ ชพน. ๓ พลังท้องถิ่นไทย ๓ รักษ์ผืนป่าประเทศไทย ๒
พรรคเล็กเอื้ออาทร ๑๑ และล่าสุด “พรรคเศรษฐกิจใหม่จำนวน ๕ คน ไม่รวมนายมิ่งขวัญ...รวมแล้วได้
๒๕๗ เสียง”
ทีเด็ดยิ่งกว่านั้น “มีแนวโน้มว่าอาจมีเสียง
ส.ส.จากพรรคเพื่อชาติบางส่วนมาร่วมด้วย เบื้องต้น ๒ -๓ เสียง
ทำให้ตัวเลข ส.ส.ในขณะนี้อยู่เกือบ ๒๖๐ เสียง” ถ้าเป็นอย่างนั้นแสดงว่าตระกูลเพื่อ
‘หัวลีบ’ เหลือเพื่อไทย ‘กระเทียมเดียว’
(https://www.khaosod.co.th/politics/news_2546410 และ https://www.khaosod.co.th/politics/news_2544808)
เห็นบางคนบ่น “ฮ้าย (ไอ้การเมืองเนี่ย) พี่ไม่ให้เล่น น้องเล่นเอง” แต่ก็
‘ชั่งมัน’ ดูกันต่อ เท่าที่พอเห็นได้ตอนนี้ขั้วที่
๑ เหลือเสียงแค่ ๒๓๙ (ลบออกเด็กมิ่งขวัญ ๕ ธนาธร ๑)
แต่ธนาธรเขาประกาศแล้วนะว่าอย่าเพิ่งสิ้นหวัง
“ผมขอเชิญพ่อแม่พี่น้องประชาชนทุกคนที่ยังรักความยุติธรรมอยู่
จงยืดหน้าอย่างสง่าผ่าเผย ลุกขึ้นยืนและต่อสู้ร่วมกัน
เพื่อทวงคืนความยุติธรรมกลับสู่สังคมไทย นั่นคือภารกิจหน้าที่ของเรา” เพื่อ “เปิดโปงควงามชั่วร้ายของระบอบเผด็จการ”
ได้ข้อคิดเตือนใจจาก จอมขวัญ (หลาวเพชร์) @jomquan อีกราย “การทำให้ผู้คนสิ้นหวังและยอมแพ้
เป็นวิธีหนึ่งที่จะทำให้อยู่ในอำนาจได้นานๆ ยาวๆ...และใช้อำนาจได้มากขึ้นเรื่อยๆ”
แน่นอนวิธีการชั่วร้าย เจ้าเล่ห์แยบยลของเผด็จการเช่นนั้น ทำให้หลายคนโกรธ
ขนาด Netiwit
Chotiphatphaisal @NetiwitC ยังโพล่ง “มันใกล้แล้วที่เราต้องคิดลงถนน”
เขาหมายถึง “เราต้องคิดไปไกลกว่าตื่นตระหนัก หลบเป็นฝ่ายตั้งรับอย่างเดียว
เราต้องคิดกันว่าเราจะมีส่วนเคลื่อนไหว สร้างสรรค์ประชาธิปไตยนอกทวิตกันได้อย่างไร”
ใช้แขนขามากกว่าใช้ปาก ประมาณนั้น
ถึงจะไม่รู้แน่ว่าจะทำอะไรกันได้แค่ไหน
ไหมหนอ อย่างน้อยๆ เอาอย่าง Jaran Ditapichai ที่ถือป้าย ‘Je
suis Thanathorn’ (ฉันเป็น ธนาธร) ก็ยังดี