วันศุกร์, พฤษภาคม 24, 2562

บางคนบ่น “ฮ้าย (ไอ้การเมืองเนี่ย) พี่ไม่ให้เล่น น้องเล่นเอง” หรา


ทุกอย่างมันช่างลงตัวไปหมดกับแผนสืบทอดอำนาจ คสช. ไหนจะ ตลก.ศาลรัฐธรรมนูญเริ่มโหมดสอยธนาธร ก่อนเปิดสภาหนึ่งวัน ไหนจะดีลสำเร็จดูดสำราญเตรียมตั้งรัฐบาลเกือบ ๒๖๐ เสียง ชาตินี้ประชาธิปไตย ‘Organics’ ปลอดสารพิษ ไม่มีสิทธิได้ผุดเกิด

“ไม่มีใครที่เที่ยงตรงในประเทศไทยจะปฏิเสธได้เลยว่า ศาลถูกใช้เป็นเครื่องมือในการ กำจัดธนาธร @Thanathorn_FWP เพียงเพราะเขาพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า จุดยืนต่อต้านอำนาจทหารของเขาได้รับความนิยมท่วมท้น” โจนาธาน เฮด ผู้สิ่อข่าวบีบีซีทวี้ต

แม้นว่าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเอกฉันท์รับพิจารณา “การสิ้นสุดสภาพการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ของธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่” โดยเสียง ๘ ต่อ ๑ “สั่งให้ธนาธรหยุดปฏิบัติหน้าที่...จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัย”

ซึ่งหมายความว่า “ประชาชนอาจยังมีลุ้น 'ธนาธร' ชิงตำแหน่งเก้าอี้นายกฯ” เนื่องจากเขาไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา ๑๖๐ ของ รธน.๖๐ ยกเว้นในส่วนที่เข้าข่ายมาตรา ๙๘ (๓) อันเกี่ยวกับการเป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการสื่อมวลชน ซึ่งศาลยังไม่ได้วินิจฉัย

แต่เมื่อดูองค์ประกอบของ ตลก.ศาลรัฐธรรมนูญชุดนี้ มีที่มาจากการแต่งตั้ง (ต่ออายุ) และสรรหาโดย คสช. และองค์กรลิ่วล้อ คสช.ทั้งนั้น ทำให้คาดหมายได้เลยว่าการเสนอชื่อธนาธรเป็นนายกรัฐมนตรี จะต้องเจอกับขั้นตอน ตอกฝาโลง เขาโดย ตลก.ในไม่ช้า

 
๕ ใน ๙ ตลก.ชุดนี้ตกค้างมาตั้งแต่วาระการแต่งตั้งในปี ๒๕๕๑ เป็นเวลา ๙ ปี ครั้นถึงปี ๒๕๖๐ สภานิติบัญญัติฯ หรือ สนช.ที่มาจากการแต่งตั้งของคณะรัฐประหาร อันเต็มไปด้วยนายทหารและข้าราชการที่สนับสนุนคณะรัฐประหาร ได้ต่ออายุไม่มีกำหนดจนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่จากการเลือกตั้ง

ตลก.อีกสี่คนก็มาจากการแต่งตั้งด้วยอำนาจมาตรา ๔๔ ของ คสช. ๒ คน (แถมยังเป็นคนที่ทำงานให้คณะรัฐประหารในศาลรัฐธรรมนูญช่วงกระชับอำนาจรัฐประหารด้วย) อีกสองคนผ่านกรรมวิธีสรรหาตามรัฐธรรมนูญเก่า (ด้วยอำนาจมาตรา ๔๔ เช่นกัน) แต่ในเมื่อเป็นระยะที่ไม่มีวุฒิสภา คนอนุมัติก็คือประธาน สนช. ลิ่วล้อรัฐประหารโดยตรง

เป็นอันว่า ตลก.ศาลรัฐธรรมนูญที่จัดการกับธนาธรชุดนี้เป็นคนของ คสช.ที่ “ไว้ใจได้ จึงให้คงอยู่ในตำแหน่งยาวเกิน ๑๑ ปี และให้มีหน้าที่คอยตีความบังคับใช้กฎหมายระหว่างการเลือกตั้ง รวมทั้งตัดสินคดีเกี่ยวกับการยุบพรรคการเมืองด้วย”


อีกด้านเมื่อเวลาราวเพลของวันที่ ๒๓ พ.ค.ว่า “นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ได้ประกาศลาออกจากการเป็นหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจใหม่ แต่ยังคงสถานะสมาชิกพรรคและ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อไว้ตามเดิม” ทั้งนี้สืบเนื่องกับข่าว ดีลสำเร็จ
 
เช้าวันที่ ๒๓ แกนนำพรรคพลังประชารัฐรวมทั้งที่เป็นรัฐมนตรีรัฐบาล คสช. หลายคนไม่ได้ไปร่วมรายการปฐมนิเทศน์ ส.ส.ของพรรค แต่ไปโผล่ที่ทำเนียบรัฐบาล บ้างขึ้นบรรไดหน้า บ้างเข้าด้านหลัง จากนั้นจึงมีข่าวพลังประชารัฐรวมเสียงตั้งรัฐบาลใหม่ได้แล้ว

จากเดิม ๒๕๒ เสียง ได้แก่ พปชร. ๑๑๕ ปชป. ๕๒ ภท. ๕๑ ปชท. ๕ ชพน. ๓ พลังท้องถิ่นไทย ๓ รักษ์ผืนป่าประเทศไทย ๒ พรรคเล็กเอื้ออาทร ๑๑ และล่าสุด “พรรคเศรษฐกิจใหม่จำนวน ๕ คน ไม่รวมนายมิ่งขวัญ...รวมแล้วได้ ๒๕๗ เสียง”

ทีเด็ดยิ่งกว่านั้น “มีแนวโน้มว่าอาจมีเสียง ส.ส.จากพรรคเพื่อชาติบางส่วนมาร่วมด้วย เบื้องต้น ๒ -๓ เสียง ทำให้ตัวเลข ส.ส.ในขณะนี้อยู่เกือบ ๒๖๐ เสียง” ถ้าเป็นอย่างนั้นแสดงว่าตระกูลเพื่อ หัวลีบเหลือเพื่อไทย กระเทียมเดียว


เห็นบางคนบ่น “ฮ้าย (ไอ้การเมืองเนี่ย) พี่ไม่ให้เล่น น้องเล่นเอง” แต่ก็ ชั่งมัน ดูกันต่อ เท่าที่พอเห็นได้ตอนนี้ขั้วที่ ๑ เหลือเสียงแค่ ๒๓๙ (ลบออกเด็กมิ่งขวัญ ๕ ธนาธร ๑) แต่ธนาธรเขาประกาศแล้วนะว่าอย่าเพิ่งสิ้นหวัง

“ผมขอเชิญพ่อแม่พี่น้องประชาชนทุกคนที่ยังรักความยุติธรรมอยู่ จงยืดหน้าอย่างสง่าผ่าเผย ลุกขึ้นยืนและต่อสู้ร่วมกัน เพื่อทวงคืนความยุติธรรมกลับสู่สังคมไทย นั่นคือภารกิจหน้าที่ของเรา” เพื่อ “เปิดโปงควงามชั่วร้ายของระบอบเผด็จการ”

ได้ข้อคิดเตือนใจจาก จอมขวัญ (หลาวเพชร์) @jomquan อีกราย “การทำให้ผู้คนสิ้นหวังและยอมแพ้ เป็นวิธีหนึ่งที่จะทำให้อยู่ในอำนาจได้นานๆ ยาวๆ...และใช้อำนาจได้มากขึ้นเรื่อยๆ” แน่นอนวิธีการชั่วร้าย เจ้าเล่ห์แยบยลของเผด็จการเช่นนั้น ทำให้หลายคนโกรธ

ขนาด Netiwit Chotiphatphaisal @NetiwitC ยังโพล่ง “มันใกล้แล้วที่เราต้องคิดลงถนน” เขาหมายถึง “เราต้องคิดไปไกลกว่าตื่นตระหนัก หลบเป็นฝ่ายตั้งรับอย่างเดียว เราต้องคิดกันว่าเราจะมีส่วนเคลื่อนไหว สร้างสรรค์ประชาธิปไตยนอกทวิตกันได้อย่างไร” ใช้แขนขามากกว่าใช้ปาก ประมาณนั้น

ถึงจะไม่รู้แน่ว่าจะทำอะไรกันได้แค่ไหน ไหมหนอ อย่างน้อยๆ เอาอย่าง Jaran Ditapichai ที่ถือป้าย ‘Je suis Thanathorn’ (ฉันเป็น ธนาธร) ก็ยังดี