วันจันทร์, พฤษภาคม 27, 2562

สภางูเห่าคืนชีพ - สูตรรัฐบาลสหพรรคซ้ำรอยคึกฤทธิ์ ย้อนยุคไปถึง 44 ปี




https://www.facebook.com/VoiceOnlineTH/videos/464632271006649/

สภางูเห่าคืนชีพ - สูตรรัฐบาลสหพรรคซ้ำรอยคึกฤทธิ์“การเลือกตั้งที่พิสดารครั้งนี้ เป็นการเลือกตั้งที่กฎกติกาเอื้อประโยชน์ให้พรรคใดพรรคหนึ่งอย่างชัดเจนเพื่อให้ คสช.สืบทอดอำนาจต่อไปได้ ผ่านการอ้างว่ามีความชอบธรรมมากขึ้นผ่านการเลือกตั้งมาแล้ว ฉะนั้น สำหรับผมเป็นความพยายามแปลงตัวเองจากเผด็จการเต็มใบมาเป็นเผด็จการครึ่งใบ ไม่ใช่ประชาธิปไตยครึ่งใบแบบสมัย พล.อ.เปรม”

เมื่อสภาพการเมืองไทย ย้อนกลับไปถึงปี 2518 ที่มีรัฐบาลผสมหลายพรรค การเมืองไทยต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนต่อไป

ผศ.ดร.ประจักษ์ ก้องกีรติ คณะรัฐศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์

อ่านต่อ https://voicetv.co.th/read/AG3J6ZRRQ





ปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจัดตั้งรัฐบาลได้

จริงๆซ้ำรอยช่วง ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช มากกว่า ช่วงรัฐบาล พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เป็นรัฐบาลผสม แต่ไม่ได้เยอะกว่า 4-5 พรรคการเมือง แต่ 20 พรรคไม่ปกติ เทียบในประวัติศาสตร์ไทยไม่เคยมีรัฐบาลผสม 20 พรรคการเมืองใช้เสียงเยอะขนาดนี้มาก่อน มองไม่เห็นอนาคตที่สดใส ถ้าเห็นประวัติศาสตร์ความขัดแย้งทางการเมือง ไม่มีทางที่รัฐบาลที่ตั้งขึ้นมาแล้วใช้พรรคเยอะจะอยู่จนครบเทอมได้ ฉะนั้นเสถียรภาพทางการเมืองเป็นสิ่งที่ เราไม่สามารถคาดหวังได้จากรัฐบาลใหม่

สภาพที่เราเห็นจะมีการล็อบบี้ต่อรองตำแหน่ง การซื้อเสียงตอนนี้จะไปโผล่ในสภาแทน พูดถึงการซื้อเสียงในช่วงฤดูการเลือกตั้ง คราวนี้การซื้อเสียงมันจะมาโผล่ในสภา แล้วเป็นการซื้อเสียงที่ใช้เม็ดเงินเยอะ ซื้อเสียงโหวต สมัย พล.อ.เปรมก็เกิด สมัย ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ก็เกิด เพราะรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ ทุกเสียงมีความหมาย เวลาคุณจะผ่านร่างกฎหมาย หรือนายกฯ จะโดนอภิปรายไม่ไว้วางใจ ส.ว.มาช่วยไม่ได้แล้วตามรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องของ ส.ส.อย่างเดียว ถ้าไม่มั่นใจก็ต้องซื้อเสียงโหวต สมัย พล.อ.เปรมก็ยังจ่ายกันล้านเลย ต่อ 1 เสียงในสภาเพื่อผ่านร่างกฎหมาย

ย้อนไปเมื่อปี 2518 รัฐบาล ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ เกิดอะไรขึ้นถ้าจะเทียบกับตอนนี้

ตอนนั้นมีปัญหาหลายอย่าง มีความขัดแย้งออกเป็นสองขั้วในสังคม แต่ตอนนั้นระบบเลือกตั้งและพรรคการเมืองอ่อนแอ ไม่มีพรรคการเมืองใหญ่อยู่แล้ว โดยสภาพในช่วงนั้นจะเป็นรัฐบาลผสม มีพรรคเล็กพรรคน้อยเยอะ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ พรรคกิจสังคม มี ส.ส. 18 เสียง ไม่ใช่พรรคชนะอันดับหนึ่ง เพราะพรรคที่ชนะอันดับ 1 คือพรรคประชาธิปัตย์ ของ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช ตั้งรัฐบาลไม่สำเร็จ เปิดประชุมสภาล่มเลย เสียงไม่พอ ก็เลยเปิดโอกาสให้พรรคกิจสังคม มี 18 เสียงไปรวบรวม ส.ส.มาได้เกือบ 10 พรรคการเมืองแล้วตั้งรัฐบาล ในที่สุดก็อยู่ไม่รอด เพราะ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ เจอการต่อรองเก้าอี้จากพรรคร่วมรัฐบาลจนวุ่นวาย ปวดหัว ตลอด 1 ปีจนต้องยุบสภาเลือกตั้งใหม่
.
คสช.อยู่มาถึง 5 ปี การผ่องถ่ายเปลี่ยนร่างจาก คสช. ไปสู่ระบบการเลือกตั้ง มันจะเป็นการสืบทอดอำนาจเหมือนสมัย รัฐบาล พล.อ.เปรม หรือไม่

คสช. เป็นโมเดลใหม่ แต่สมัย พล.อ.เปรม เลือกไม่ตั้งพรรคการเมืองของตนเอง พล.อ.เปรมเป็นนายกฯ ด้วยการที่พรรคการเมืองจากการเลือกตั้งมาเชิญ พล.อ.เปรม เป็นนายกฯ พล.อ.เปรมไม่ได้ตั้งพรรคการเมืองไปลงแข่งเลือกตั้ง ตอนนั้นเป็นโมเดลที่ทหาร และพล.อ.เปรม ยอมรับระบบพรรคการเมืองให้เดินหน้าไปตามปกติ ให้ระบบรัฐสภาเดินหน้าไป แต่ยังเป็นโมเดลขอแชร์อำนาจไว้ ให้กับกองทัพ ชนชั้นนำเดิม พรรคการเมืองก็แข่งขันกันไปตามปกติ ทหารไม่ได้ไปแทรกแซง การเมืองก็บริสุทธิ์ ไม่พิสดาร

ไม่ว่าใครชนะก็ไม่ได้เสียงข้างมาก เพราะระบบพรรคการเมืองอ่อนแอ ก็ไปเชิญ พล.อ.เปรม มาเป็นนายกฯ เป็นระบบที่เรียกว่าประชาธิปไตยครึ่งใบ ทหารยอมปรับตัวและแชร์อำนาจกับฝ่ายพรรคการเมืองและพลเรือน

ตอนนี้ไม่เหมือนกัน โมเดลของ คสช. ไม่ใช่โมเดล พล.อ.เปรม ที่เราไปเปรียบกับพล.อ.เปรม ไม่ใช่ พล.อ.เปรม ยังมีความเป็นประชาธิปไตย เราถึงเรียกว่าประชาธิปไตยครึ่งใบ ของ คสช. ตอนนี้เป็นเผด็จการเต็มใบ ปกครองเหมือนสมัย จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ สิ่งที่ต้องการคือ คสช.ต้องการแปลงตัวเองจากเผด็จการเต็มใบ ซึ่งรู้ว่าความชอบธรรมต่ำไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง อยู่ในอำนาจมา 5 ปี นอกจากความชอบธรรมต่ำแรงกดดันทางสังคมสูง เพราะว่าเศรษฐกิจก็ย่ำแย่ เศรษฐกิจไม่ดีผู้คนยากลำบาก คสช.อยู่อำนาจนานที่สุดแล้วตั้งแต่สิ้นสุดระบอบจอมพลถนอมเป็นต้นมา ตั้งแต่หลัง 14 ต.ค. 2516 ไม่เคยมีรัฐบาลรัฐประหารอยู่ยาวขนาดนี้ สมัย พล.อ.สุจินดา คราประยูร ก็อยู่แค่ 1 ปี คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) อยู่แค่ 1 ปีก็จัดการเลือกตั้งแล้ว 5ปี นาน คนก็อึดอัด

นำไปสู่การเลือกตั้งที่พิสดารครั้งนี้ เป็นการเลือกตั้งที่กฎกติกา เอื้อประโยชน์ให้พรรคใดพรรคหนึ่งอย่างชัดเจนเพื่อให้ คสช.สืบทอดอำนาจต่อไปได้ ผ่านการอ้างว่ามีความชอบธรรมมากขึ้นผ่านการเลือกตั้งมาแล้ว ฉะนั้น สำหรับผมเป็นความพยายามแปลงตัวเองจากเผด็จการเต็มใบมาเป็นเผด็จการครึ่งใบ ไม่ใช่ประชาธิปไตยครึ่งใบแบบสมัย พล.อ.เปรม
.
มีหนทางที่พอจะคืนระบบประชาธิปไตยแบบก่อนหน้านี้จะทำได้หรือไม่ ในสภาพที่เป็นเผด็จการครึ่งใบ

ตรงนี้ก็ยาก ต้องใช้เวลาอีกหลายปี การเมืองไทย คงขลุกขลักไปอีกหลายปี ถ้าสภาพการเมืองตอนนี้ ถ้ามองสูตรคำนวณเลือกตั้ง การเลือกตั้งครั้งนี้เห็นการใช้กฎหมายอย่างเลือกปฏิบัติไม่คำนึงมารยาททางการเมือง กรรมการสรรหา ส.ว. แต่งตั้งตัวเองเป็น ส.ว. มีการขัดกันแห่งผลประโยชน์เยอะมาก แต่กลับตั้งทหารมาเกือบครึ่งสภา มาเน้นความมั่นคงอย่างเดียว เป็นไปเพื่อการสืบทอดอำนาจ โอกาสการฟื้นคืนระบอบประชาธิปไตยไม่ง่าย ชัดเจน คสช. ต้องการสืบทอดอำนาจ ผูกขาดอำนาจต่อไปโดยมีกลไกหลายอย่างรองรับ เกือบทุกคนมีคอนเน็กชั่นกับ คสช. เป็นสภาของคสช. โดย คสช. เพื่อ คสช.

ถ้าพรรคพลังประชารัฐตั้งรัฐบาลได้ก็อยู่ไม่ยืด ต่อให้รัฐบาลง่อนแง่น ฝั่งประชาธิปไตยก็ยากที่จะตั้งรัฐบาลได้เช่นกัน

สุดท้ายรัฐธรรมนูญฉบับนี้ต้องแก้ ไม่แก้ไม่ได้ประเทศก็จะเดินหน้าต่อไปไม่ได้ ก็จะหยุดชะงัก เป็นรัฐธรรมนูญที่เกิดเดดล็อกทางการเมือง เราอาจจะได้เลือกตั้งอีกครั้งในเวลาไม่ถึง 4 ปี การเลือกตั้งครั้งหน้าจะสำคัญจริงๆ ผมหวังว่าจะมีการแก้ไขระบบเลือกตั้ง ถ้าไม่แก้ไขระบบเลือกตั้งปัญหาหลายอย่างจะกลับมา ระบบบัตรใบเดียวไม่ตอบโจทย์อะไร

อ่านบทความเต็มที่ https://voicetv.co.th/read/AG3J6ZRRQ