วันอังคาร, พฤษภาคม 28, 2562

ยิ่งพูดจะยิ่งดูแย่ไหม ????? อนุทิน "ไม่เคยโกหกประชาชน"




อนุทิน ชาญวีรกูล : เราไม่เคยโกหกประชาชน
https://workpointnews.com/2019/05/27/anutin/
........................................
ยิ่งพูดจะยิ่งดูแย่ไหม?????

พิชัย นริพทะพันธุ์
27 พฤษภาคม 2562

ที่มา

การเมืองไทย ในกะลา
...





ooo

Sutthisak Raisooksiri เลือกตั้ง 62 : 'อนุทิน' ยัน 'ภูมิใจไทย' อยู่คนละขั้วทหาร-พปชร. ย้ำ นายกฯต้องมาจากส.ส.-ได้เสียงข้างมาก
https://prachatai.com/journal/2019/03/81379





7 มี.ค.2562 เว็บไซต์พรรคภูมิใจไทย รายงานว่า เมื่อวันที่ 6 มี.ค.ที่ผ่านมา อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย(ภท.) ให้สัมภาษณ์ประเด็นทางการเมือง เรื่องแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีว่าต้องเป็นส.ส. และมาจากเสียงส่วนใหญ่ของสภาผู้แทนราษฎร พร้อมทั้งไม่เป็นด้วยที่ให้ 250 ส.ว.มาโหวตเลือกนายกฯ

“แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีที่พรรคภูมิใจไทยจะสนับสนุน ต้องเป็นส.ส. และมาจากเสียงส่วนใหญ่ของสภาผู้แทนราษฎร เราไม่ยอมให้กลุ่มใดกลุ่มหนึ่งที่ไม่ได้มาจากประชาชนมาเป็นผู้กำหนด เรารับไม่ได้ที่จะให้คนที่ไม่ได้มาจากประชาชนมาเลือกนายกฯ และไม่เห็นด้วยกับการที่ให้ 250 ส.ว.มาโหวตเลือกนายกฯ รวมถึงการเป็นนายกฯเสียงข้างน้อยที่มีคะแนนปริ่มๆ ประเทศจะเสียหาย ดังนั้น ส.ส.ต้องตระหนัก ทำให้นายกฯสง่างามและรัฐบาลสามารถทำงานได้ตามกลไกรัฐสภาที่มีฝ่ายบริหารและฝ่ายตรวจสอบ ที่ผ่านมาเราเสียโอกาสมามากแล้ว คน 500 คนจะไปเดินตามคน 250 คนได้อย่างไร แต่คน 500 คนต้องเป็นผู้นำคน 250 คน เพราะพวกเขาเป็นตัวแทนของคนไทย ต้องมีเสียงดังและสิทธิที่มากกว่า” อนุทิน กล่าว

เมื่อถามถึงกรณีมีกระแสข่าวว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)จะไม่ขึ้นเวทีปราศรัยในวันที่ 10 มี.ค.นี้ ที่ จ.นครราชสีมา อนุทิน กล่าวว่า แต่ละพรรคมีกลยุทธ์กลเม็ด แต่วิธีการสร้างความนิยมนั้น ตนขอให้ทุกพรรคต่อสู้บนความยุติธรรม อย่าชกใต้เข็มขัด และตนไม่ขอวิพากษ์วิจารณ์ใคร อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าพรรคภท.ไม่เล่นกีฬาสีอีกแล้ว และมองว่าสิ่งสำคัญของการทำงานการเมืองนั้น ไม่ใช่การเป็นรัฐบาล แต่คือการที่นักการเมืองต้องนำพาตัวเองไปเป็นผู้แทนราษฎร นี่คือสิ่งที่ถือว่าประสบความสำเร็จในอาชีพนักการเมือง

เมื่อถามว่า จากการแลกเปลี่ยนหารือกับทูตหลายประเทศ เขามองสถานการณ์การเมืองไทยอย่างไรนั้น อนุทิน กล่าวว่า ทุกชาติเห็นตรงกันว่าประเทศไทยจำเป็นต้องมีการเลือกตั้ง จึงจะยืนอยู่บนเวทีโลกได้อย่างสง่างาม ไม่ถูกกดดัน ไม่ถูกเอาเปรียบ หรือถูกตั้งเงื่อนไขใดๆ จ้องหน้าใครก็ไม่ต้องก้มหน้าหลบสายตา ดังนั้น รัฐบาลต้องมาจากเสียงของประชาชน

เมื่อถามว่า พรรคภท.ถูกมองว่าใกล้ชิดกับทหาร รวมถึงพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) นั้น อนุทินกล่าวว่า ถ้าใกล้ชิดจริง ทำไมจึงถูกด่าว่าเลอะเทอะ โดยเฉพาะนโยบายกัญชา ส่วนหลังเลือกตั้ง พรรคจะร่วมรัฐบาลกับใครได้หรือไม่นั้น เราจะยึดประชาชนเป็นหลัก วันนี้พิสูจน์ได้แล้วว่าเราไม่ได้ติดหนี้บุญคุณใครและไม่มีจับมือกับใครก่อน ต่างคนต่างแข่งขันเหมือนกับการตีกอล์ฟที่ต้องทำผลงานของตนเองให้ดีที่สุด และเชื่อว่าจะมีส.ส.มากพอที่จะเข้าไปผลักดันนโยบายและแก้ปัญหาได้ในสภาฯ

เมื่อถามว่า พรรคตั้งเป้าได้จำนวนส.ส.กี่ที่นั่ง อนุทิน กล่าวว่า ขอเก็บไว้กับตัวเองและผู้บริหารพรรค ทุกคนทราบหมดว่าจะได้ส.ส.เข้ามากี่คน ซึ่งจะไม่เป็นไปตามผลการสำรวจที่ผ่านมา ทั้งนี้ ตนคาดหวังว่าจะได้ทำในสิ่งที่เป็นประวัติศาสตร์ ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ โดยนำพาประเทศไปข้างหน้าแบบไร้ความขัดแย้ง ตนเชื่อว่าพรรคภท.จะเป็นส่วนที่ทำให้เกิดสิ่งที่ดี ส่วนแนวโน้มรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง จะมีเสถียรภาพหรือไม่นั้น ตนหวังว่าต้องมีพรรคภท.ร่วมรัฐบาล จึงจะทำให้รัฐบาลมีความมั่นคง ถ้ามีพรรคภท. จะไม่มีขั้วและจะบอกทุกฝ่ายให้ไปในทางสายกลาง ตนเชื่อว่าทุกพรรคมีความตั้งใจและอยากเห็นประเทศชาติก้าวหน้า แต่ที่ผ่านมามันไม่มีทางลง ดังนั้น ครั้งนี้ก็สามารถผ่านมาทางพรรคภท.ได้

เมื่อถามว่า มีความกังวลหรือไม่ต่อกระแสข่าวที่ว่า หากมีบางคนไม่ชนะการเลือกตั้ง การเลือกตั้งอาจจะเป็นโมฆะได้ อนุทินกล่าวว่า คนตัดสินคือประชาชน คนสั่งการให้ใครเป็นอะไรคือประชาชน ดังนั้น ใครจะมา T.K.O.(แพ้น็อก) หรือจะไปน็อกพี่น้องประชาชนที่มีสิทธิ์เลือกตั้งทั้งประเทศ ภาษาฝรั่งเขาเรียกว่า Be my guest(เชิญตามสบาย) ส่วนตนจะเป็นคนลอยอังคารให้

มติชนออนไลน์ รายงานต่อด้วยว่า อนุทิน กล่าวถึงกรณีให้สัมภาษณ์สื่อว่านายกรัฐมนตรีต้องมาจากการเลือกของ ส.ส.เท่านั้น จนถูกตีความว่าตัดสินใจยืนคนละขั้วกับพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ซึ่งได้รับการคาดหมายว่าเป็นฝ่ายที่หวังให้ ส.ว. มาช่วยโหวตให้พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ ว่า เรื่องดังกล่าว พรรคไม่ได้ “เท” ใคร แต่เรายืนยันในหลักการประชาธิปไตย โดยมองภาพรวมของประเทศชาติเป็นสำคัญ นอกจากนั้น การที่บางสื่อพาดหัวว่านายกฯ ต้องมาจาก ส.ส. เราหมายความว่านายกฯ ต้องมาจากการเลือกโดย ส.ส. ไม่ได้หมายความว่านายกฯ จะต้องเป็น ส.ส. ด้วย อาทิ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ถ้าส.ส. เลือกท่านมา ตนก็ไม่มีปัญหา ตรงนี้เป็นไปตามที่รัฐธรรมนูญเขียนไว้

“ส.ว.ก็ควรทำหน้าที่ตรวจสอบของท่านไป แต่ไม่ควรมาเลือกนายกฯ เพราะมันเป็นหน้าที่ของ ส.ส. และถ้าให้ ส.ว.มาช่วย ส.ส.กลุ่มหนึ่งเลือกนายกฯ ทั้งที่เป็น ส.ส.เสียงข้างน้อย แล้วจะบริหารประเทศกันอย่างไร ได้นายกฯ แต่ไปไม่รอด เราต้องคิดถึงอนาคต เลือกนายกฯ แล้วต้องทำงานได้ จึงต้องให้ ส.ส. เขาจัดตั้งกันเอง ใครรวมเสียงได้เกินกึ่งหนึ่ง ก็ถือว่ามาจากเสียงประชาชน ตนไม่อยากเห็นกรณีที่ ส.ส. เลือกได้แล้ว แต่ไปต่อไม่ได้ เพราะ ส.ว. ไม่อยากได้นายกฯคนนี้” อนุทิน กล่าว

ส่วนที่มีนักวิชาการทำนายว่า หากใครรวมเสียง ส.ส.ได้ 126 เสียง และดึง ส.ว. เลือกนายกฯสำเร็จ หลังจากนั้น ส.ส. จะเข้ามาช่วยตั้งรัฐบาลที่แข็งแกร่งได้ อนุทิน กล่าวว่า โลกเปลี่ยนไปมากแล้ว และที่เชียร์ให้พรรคตัวแปรไปเป็นนายกฯเองเลย ขอบอกว่าไม่กล้ารับ การเมืองไทยพัฒนาไปมาก ประเภทมี ส.ส. 18 คน แล้วตั้งรัฐบาล จะไม่เกิดขึ้นอีกแล้ว รัฐบาลที่เข็มแข็ง ต้องเป็นการรวมกันของพรรคต่างๆ ให้มีเสียงถึง 300 เสียงถึงจะอยู่รอด ลำพังรวมกันได้ 260 - 270 เสียง รับรองว่าไปไม่ไหว แค่เจองดออกเสียงก็จบแล้ว ตนถึงได้บอกว่า การตัดสินใจทางการเมืองต้องคิดกันให้ดี ไม่ใช่ได้แค่นายกฯ แต่ต้องนึกถึงการบริหารด้วย