พายเรือให้โจรนั่ง
อนาคตรัฐบาลใหม่กำลังงวดเข้ามาทุกที
แต่ไม่ใช่ยุค “ประชาธิปไตยเต็มใบ” ได้แค่ประชาธิปไตยครึ่งเสี้ยว บรรดานักการเมืองจึงต้องปรับตัว
1. รัฐบาล คสช. ครองอำนาจมา 5 ปี วางยุทธศาสตร์การเมืองเพื่อความมั่นคง (ของตัวเอง) สะสมประสบการณ์มากล้น หากนักการเมืองคิดจะต่อรอง สร้างเงื่อนไข
ขอบอกว่า “ทหารไทยใจมั่นคง” ไม่ยอมลงจากอำนาจง่ายๆ เกิดมาทั้งชาติเคยแต่รับคำสั่ง กับออกคำสั่ง ไม่เคยให้ใครต่อรอง
2. สถานการณ์เป็นใจ ทำให้คะแนนออกมาก้ำกึ่ง หากพรรคไทยรักษาชาติยังเดินอยู่ได้บนถนนการเมือง ไม่สะดุดขาตัวเองล้มเสียก่อน
ป่านนี้โจทย์คณิตศาสตร์การเมืองคงแก้ง่ายกว่านี้แยะ
3. ความแน่นอน คือความไม่แน่นอน ยังต้องเจอด่าน
ส.ว. 250 “องครักษ์พิทักษ์ลุง”
กกต. “สูตรพิศดาร”
งูเห่า “ผุดจากหลุม”
รัฐธรรมนูญ “ฉบับออกแบบเพื่อพวกเรา”
แต่สุภาษิตเขาบอกว่า “ถี่ลอดตาช้าง ห่างลอดตาเล็น” อันมีความหมายว่า แม้วางแผนมาอย่างดี แต่ก็ยังมีช่องโหว่
4. คะแนนจากคนรุ่นใหม่ กับคะแนนของพรรคไทยรักษาชาติ หลั่งไหลไปพรรคอนาคตใหม่ แต่บรรทัดสุดท้าย คงทำนายอนาคตได้ว่า อนาคตใหม่ไปไกลได้แค่ไหนในยุคประชาธิปไตยที่เก็บไว้ในลิ้นชัก
5. อำนาจของ “ก๊วน” (fraction) มีมากกว่าอำนาจของ “พรรค” (party) เพราะมีผลประโยชน์เป็นเดิมพัน พรรคไม่สามารถควบคุม ส.ส. ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันได้ แม้ว่าจะสัมมนา ส.ส. สักกี่ครั้ง
งูเห่าก็ยังเป็นงูเห่าวันยันค่ำ
6. หม่อมคึกฤทธิ์ ปราโมช เคยว่าไว้ “กูไม่กลัวมึง” อย่ามาอ้าง “ขั้วที่สาม” ให้เสียเวลา ขู่ไปกูก็ไม่กลัว หากไม่ต้าน ก็เดินตบเท้าเข้าแถว อย่าให้กูต้องตบโต๊ะ
อย่าเกลียดชูวิทย์ที่พูดความจริง
เรื่องของเรื่อง ประชาชนเขาอุตส่าห์ออกไปเลือกตั้ง พอตอนนี้พวกนักการเมืองดันเอาคะแนนที่เขาเลือกไปต่อรอง
เดี๋ยวตอนจัดตั้งรัฐบาลใหม่ จะได้เห็นนักการเมือง "พายเรือให้โจรนั่ง"
ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์