วันพฤหัสบดี, เมษายน 04, 2562

“เพื่อไทย” ปูด กกต. ถูกบีบให้เลือกปฏิบัติสอยผู้สมัคร ส.ส. เปิดทาง ‘สืบทอดอำนาจ’





“เพื่อไทย” ปูด กกต. ถูกบีบให้เลือกปฏิบัติสอยผู้สมัครส.ส. เปิดทาง ‘สืบทอดอำนาจ’


1 เมษายน 2562
ข่าวสดออนไลน์


กกต. – วันที่ 1 เม.ย. นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ว่าที่ ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย (พท.) เปิดเผยว่า ตนได้รับข้อมูลมาว่ามีความพยายามเร่งรัดให้มีการเลือกปฏิบัติสอยผู้สมัครส.ส. เพื่อประโยชน์ในการตั้งรัฐบาลของผู้ที่มีความคิดสืบทอดอำนาจ ซึ่งสร้างความอึดอัดใจกับฝ่ายประจำของ กกต.อย่างยิ่ง

ความจริงแล้วเป็นที่ทราบกันดีว่าผู้สมัครจากพรรคการเมืองหนึ่งที่มีพลังดูดอดีต ส.ส.ไปตั้งพรรคการเมืองรองรับการสืบทอดอำนาจ ควรจะถูกสอยเป็นที่สุด เพราะก่อนวันเลือกตั้งได้หว่านเงินเป็นม่านสีม่วงปลิวว่อนในแต่ละเขตเลือกตั้ง กว่าที่พวกตนจะฝ่าด่านมาได้ล้วนยากเย็นแสนเข็ญ ทั้งนี้ก็ด้วยความอุ้มชูของประชาชน ในข้อเท็จจริงประชาชนทราบดีว่าพรรคการเมืองใดทุ่มเงินมหาศาลในการซื้อเสียง หากกกต.เลือกปฏิบัติ มุ่งตรวจสอบเพื่อประโยชน์ในการสืบทอดอำนาจ ประเทศไทยจะไม่เหลือความเชื่อมั่นใดๆ เลย

สิ่งที่ กกต.ทั้ง 7 ท่าน ควรกอบกู้วิกฤตศรัทธาก็คือ อย่าซ้ำเติมสถานการณ์ในสิ่งที่ฝืนกับความจริง และฝืนกับความรู้สึกประชาชนในการเลือกปฏิบัติสอยผู้สมัคร ส.ส.ตามข่าวข้างต้น แล้วรีบเคลียร์ในประเด็นสำคัญที่ยังคาใจประชาชน คือควรรีบลงออนไลน์ผลคะแนนแต่ละหน่วยเลือกตั้งทั่วประเทศ ซึ่งประชาชนคลางแคลงใจว่า มีบัตรผีเกินมาจำนวนมาก จนเวลาผ่านมากว่า 1 สัปดาห์แล้ว นับเป็นเรื่องผิดปกติอย่างยิ่ง ส่อพิรุธว่าจะมีการยัดบัตรผีเข้าไปในหีบเลือกตั้งตามคำร่ำลือหรือไม่ ซึ่งหากไม่รีบทำความจริงให้กระจ่าง ความเชื่อมั่นที่มีต่อองค์กร กกต.จะอยู่ตรงไหน เฉพาะอย่างยิ่ง ความเชื่อมั่นทางด้านการเมือง การปกครองของประเทศจะเป็นศูนย์อย่างแน่นอน ประเทศไทยจะขายหน้าชาวโลก ใครจะคบค้าสมาคมด้วย และใครจะรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น

ทั้งนี้ตนยังเห็นว่า กกต.ทั้ง 7 ท่านจะรักษาเกียรติภูมิที่สั่งสมมาชั่วชีวิตจากการรับราชการในระดับสูงมาทั้งสิ้น ขอให้กำลังใจ กกต.ทั้ง 7 ท่านและฝ่ายประจำของ กกต. ขอให้ยืนหยัดในสิ่งที่ถูกต้องและเป็นธรรม ซึ่งจะเป็นเกราะคุ้มครองตัวท่านเอง


...



เอาแล้วครับ วิษณุ ส่งสัญญาณให้ กกต โกงแล้วครับ ให้ใช้สูตรแจกคะแนนให้พรรคเล็ก ตัดปาร์ตี้ลิสต์อนาคตใหม่

มันมีที่ไหนว่าให้เลือกตั้งเสร็จแล้ว แต่บอกว่ายังไม่รู้จะคิดคะแนนแบบไหน ก็กติกาเลือกตั้งมันเขียนไว้แล้ว หรือไอ้ที่เขียนให้ งง ไว้นั้นรอตีความเข้าข้างพวกเดียวกันเอง

กกต.ยังบอกไม่ได้ ใช้สูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ แบบไหน
https://www.pptvhd36.com/…/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%…/100850


‘วิษณุ’ มั่นใจเลือกตั้ง ไม่โมฆะ จี้กกต.ไขข้อกังขา พรรคเล็ก3 หมื่นคะแนน 1 เก้าอี้ ตามกติกา
https://www.matichon.co.th/politics/news_1433126

ooo

เปิดสูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ต้องได้ 7 หมื่นคะแนนอัพ ถึงได้ ส.ส. 1 คน




เรื่องเล่าเช้านี้ บีอีซี-เทโร
Published on Apr 1, 2019

พรรคเพื่อไทยชี้แจงวิธีคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 150 คน ที่ระบุไว้ในมาตรา 128 ของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. พ.ศ.2561 คือ

(1) นําคะแนนรวมทั้งประเทศที่พรรคการเมืองทุกพรรคที่ส่งผู้สมัครแบบบัญชีรายชื่อได้รับ จากการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง หารด้วย 500 อันเป็นจํานวนสมาชิกทั้งหมดของสภาผู้แทนราษฎร โดยคะแนนรวมทุกพรรคมีจำนวน 35,532,647 หาร 500 เท่ากับ 71,0650.294 ต่อ ส.ส.พึงมี 1 คน 

(2) นําผลลัพธ์ตามข้อ (1) ไปหารจํานวนคะแนนรวมทั้งประเทศของพรรคการเมืองแต่ละพรรคที่ได้รับจากการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้งทุกเขต จํานวนที่ได้รับให้ถือเป็นจํานวนส.ส.ที่พรรคการเมืองนั้นจะพึงมีได้เบื้องต้น เช่น พรรคพลังประชารัฐ ได้คะแนน 8,4331,137 หารด้วย 71,0650.294 เท่ากับ 118.667446 

พรรคเพื่อไทย ได้ 7,920,630 หารด้วย 71,0650.294 เท่ากับ 111.4556706 โดยกฎหมายเขียนว่า “จํานวนที่ได้รับให้ถือเป็นจํานวน ส.ส.ที่พรรคการเมืองนั้นจะพึงมีได้เบื้องต้น” เท่ากับพรรคพลังประชารัฐ จะมีส.ส.พึงมี 118.667446 

(3) นําจํานวน ส.ส.ที่พรรคการเมืองจะพึงมีได้ตาม (2) ลบด้วยจํานวน ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้งทั้งหมดที่พรรคการเมืองนั้นได้รับเลือกตั้งในทุกเขตเลือกตั้ง ผลลัพธ์คือจํานวน ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองนั้นจะได้รับเบื้องต้น 

เช่น พรรคพลังประชารัฐ มี ส.ส.พึงมี 118.667446 โดยมีส.ส.เขตจำนวน 97 คน เมื่อนำมาคำนวณจะได้ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ เท่ากับ 21.667446 

จากการคำนวณ ส.ส.พึงมี พบว่ามีพรรคการเมืองที่ได้รับ ส.ส.พึงมี 1 คนขึ้นไป มีจำนวนทั้งหมด 16 พรรค เมื่อรวมกันแล้ว มีส.ส.แบบบัญชีรายชื่อทั้งหมด 152 คน 

ทั้งนี้ (7) เขียนไว้ว่า เมื่อคํานวณตาม (5) แล้วปรากฏว่าพรรคการเมืองทุกพรรคได้รับจํานวน ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อรวมกันแล้วเกิน 150 คน ให้ดําเนินการคํานวณปรับจํานวน ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อใหม่ โดยคํานวณตามอัตราส่วนที่ทุกพรรคจะได้รับการจัดสรรจํานวน ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ซึ่งเมื่อรวมแล้วไม่เกิน 150 คน 

โดยให้นําจํานวน ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อที่แต่ละพรรคการเมืองจะได้รับคูณด้วย 150 หารด้วยผลบวกของ 150 กับจํานวน ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อที่เกินจํานวน 150 และให้นํา (4) มาใช้ในการคํานวณด้วยโดยอนุโลม 

เท่ากับต้องนำจำนวน ส.ส.พึงมีของแต่ละพรรคมาคูณ 150 (จำนวนส.ส.บัญชีรายชื่อ)แล้วหารด้วย 152 (จำนวนส.ส.บัญชีรายชื่อที่เกินตามวงเล็บ 7) เช่น พรรคพลังประชารัฐได้ส.ส.พึงมี 21.667446 คน คูณ 150 หาร 152 เท่ากับ 21.382348 พรรคอนาคตใหม่ได้ ส.ส.พึงมี 58.171731 คน คูณ 150 หาร 152 เท่ากับ 57.406313

เมื่อนำส.ส.แบบบัญชีรายชื่อของทั้ง 16 พรรคมาตัดเศษออก แล้วรวมกันจะได้ส.ส.ทั้งหมด 150 คนพอดี 

อย่างไรก็ตามขณะนี้พบว่า ได้มีการนำกฎหมายที่กำหนดหลักเกณฑ์การนำคะแนนเสียงเลือกตั้งมาคำนวณเป็นส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ไปตีความในลักษณะที่ไม่เหมือนกัน หรือแตกต่างจากสูตรข้างต้น โดยบางสูตรมีการตีความว่าให้ปัดเศษที่ไม่ครบให้พรรคเล็กที่ได้คะแนนลำดับรองลงมาถูกจัดสรรให้มีส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคละ 1 คน 

ทั้งที่ เกณฑ์คะแนนของส.ส.พึงมีในการเลือกตั้งครั้งนี้อยู่ที่ 71,065.294 ต่อส.ส. 1 คน แต่พรรคเล็กที่ได้รับการจัดสรรลำดับรองลงมา จะเห็นได้ว่ามีคะแนนไม่ถึงเกณฑ์ 71,065.294 เช่น บางพรรคได้คะแนนเพียง 3 หมื่นคะแนน แต่กลับได้รับส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ 1 คน ซึ่งนักวิชาการและนักการเมืองบางพรรคเห็นว่าไม่น่าจะถูกต้อง 

นอกจากนี้ ยังพบว่ามีการตีความเรื่องจำนวน ส.ส.ส่วนเกิน โดยนำเอาส.ส.พึงมีของพรรคเพื่อไทยที่เกินจำนวนมา 26 คน มาใช้คำนวณในสูตรการเฉลี่ยส.ส. โดยนำจำนวนที่เกินมาบวก 150 เท่ากับ 176 และนำมาใช้เป็นสูตรในการหา ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ โดยสูตรดังกล่าว ทำให้พรรคอนาคตใหม่จากที่มี ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ 58 คน จะลดลงเหลือ 49 คนเท่านั้น 

รายละเอียดเพิ่มเติม https://morning-news.bectero.com/poli...