“ไปกันใหญ่จริงๆ” อย่างที่วาสนา (นาน่วม) ว่านั่นละ
แต่ไม่ใช่ข่าวเพี้ยน “บิ๊กป้อมตบนักข่าว” (สาวใหญ่)
ซึ่งเจ้าตัวแก้ต่างให้แล้วว่าแค่ชกสีข้างเบาๆ ทำท่ากัดกรามหยอกเล่นอย่างเคย
แต่เป็นเรื่องพรรคเล็กคะแนนจิ๊บจ้อยรวมหัวกันร้อง กกต. ขอแบ่งคะแนนจากพรรคเพื่อไทย
แม้นว่าคำร้องจะเพียงบอกให้ กกต.คำนวณที่นั่ง
ส.ส. บัญชีรายชื่อแบบที่พวกตนต้องการ คือเฉลี่ยจำนวน ส.ส.รายชื่อกระจายออกไปให้กับพรรคเล็กพรรคน้อยถ้วนหน้ากันกว่า
๒๕ พรรค เนื่องจากพรรคเพื่อไทยได้ ส.ส.เขตจำนวนมากกว่า ส.ส.พึงมี
ทั้งๆ ที่ ก.ม.เลือกตั้งก็บอกชัดอยู่นะว่าหากพรรคใดได้รับเลือก
ส.ส.แบบแบ่งเขตมากกว่าจำนวน ส.ส.ไปแล้ว ก็จะไม่ได้รับการจัดสรร
ส.ส.บัญชีรายชื่อให้อีก
หากคิดได้แค่นี้คงต้องเอาคอมเม้นต์ของ @BeerLikitcharo1 มาทุ่มใส่ให้หายเง่าเสียหน่อย “คนสอบได้ที่โหล่
แต่เสือกมาบอกครูแบ่งคะแนนจากคนสอบได้ที่ ๑ มาให้ตนเอง
นี่กูต้องให้คนแบบนี้มาบริหารประเทศจริงๆ เหรอ”
หนักเข้าไปอีกก็คือกรณี
ผู้สมัครพรรคเพื่อไทยที่คะแนนมาที่ ๑ เป็นว่าที่ ส.ส.เชียงใหม่ ถูก ‘ใบส้ม’ กกต.สั่งเพิกถอนสิทธิการลงสมัครเป็นเวลา ๑ ปี
และเลือกตั้งเขต ๘ ใหม่ เนื่องจากเห็นว่ามีความผิดตามมาตรา ๗๓(๒)
จากการถวายปัจจัยแก่พระวัดพระธาตุดอยพระเจ้า
๒ พันบาท ในงานทอดผ้าป่า แล้ว “ยังต้องดำเนินการเอาผิดนายสุรพล (เกียรติไชยากร)
ตามมาตรา ๑๓๘ โดยร้องต่อศาลฎีกาเพื่อพิจารณาสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง
(ใบดำ) หรือสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง (ใบแดง) ต่อไป”
การนี้นายชูศักดิ์ ศิรินิล
ฝ่ายกฎหมายเพื่อไทยโอดว่า “ทำอะไรไม่ได้...เท่ากับเราจะเสียที่นั่งไปหนึ่งที่และไม่มีสิทธิส่งใครไปลงเลือกตั้งใหม่...เพราะกฎหมายให้คำสั่งเป็นที่สุด
เป็นอำนาจของ กกต.ที่เพิ่มขึ้นใหม่ตามรัฐธรรมนูญฉบับนี้”
(https://www.matichon.co.th/politics/news_1464336 และ https://www.matichon.co.th/politics/news_1463856)
เช่นเดียวกับกรณีการพิจารณาความผิดธนาธร
จึงรุ่งเรืองกิจ (มี หรือ) เคยมีหุ้นบริษัทจัดพิมพ์นิตยสารแฟชั่นไฮโซ
ที่พวกสนับสนุน คสช.ช่วยกันชงว่าสมควรแจกใบส้ม ทั้งที่นักวิชาการคณะรัฐศาสตร์จุฬาฯ
ดร.พรสันต์ เลี้ยงบุญเลิศชัย ให้ความเห็นไว้ว่า
“ช่วงนี้มีกูรู...ไปออกรายการช่อง Bright
TV แล้วให้ความเห็นกรณีหุ้นของคุณธนาธรว่า กกต. มีอำนาจแจกใบส้ม
ผมย้ำอีกทีว่า เคสนี้ กกต. ไม่มีอำนาจแจกใบส้มนะครับ เพราะเป็นเรื่องคุณสมบัติ ไม่ใช่การทุจริตการเลือกตั้ง”
คงต้องว่าตาม @sleeplessbkk
อีกละ “ถวายปัจจัยพระซึ่งไม่มีสิทธิเลือกตั้ง
โดนใบส้ม ส่วนอีกพรรค
มีคลิปชัดเจนว่าแจกเงินชาวบ้านที่มาฟังปราศรัยพร้อมขอให้ลงคะแนนให้ ไม่มีใครเอาผิด
#ประเทศกูมี
#เลือกตั้ง62
#กกตโป๊ะเเตก”
ล่าสุดต่อกรณีการนับคะแนนและคำนวณที่นั่ง
ส.ส.บัญชีรายชื่อ ซึ่ง กกต.พยายามจะใช้วิธีพิสดาร แจกตำแหน่ง
ส.ส.แก่พรรคที่ได้คะแนนไม่ถึงเกณฑ์ ๗ หมื่น ๑ พัน ต่อ ส.ส. ๑ คน แก่พวกพรรค ‘ปลากัด’ แล้วโดนประจานมากถึงขั้นถูกเข้าชื่อถอดถอน
ซึ่งพรรคเหล่านี้โดยพฤตินัยสอบตกไปแล้ว
เช่น พรรคประชาชนปฏิรูปของไพบูลย์ นิติตะวัน พรรคไทยศิวิไลซ์ ของม้าร์ค พิตบูล
และมงคลกิตติ์ ที่ได้คะแนนกันแค่สองสามหมื่น กกต.ก็เลยเลี่ยงบาลีด้วยการส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยแทน
แต่ถูกศาลรัฐธรรมนูญตีกลับว่า
“กรณีจึงยังถือไม่ได้ว่ามีปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของผู้ร้องเกิดขึ้นแล้วคำร้องนี้จึงไม่ต้องด้วยหลักเกณฑ์ตามรัฐธรรมนูญมาตรา
๒๑๓ วรรค ๑ วงเล็บ ๒” ภาษาชาวบ้านเท่ากับว่า เฮ้ย งานของเอ็งยังไม่ทำ จะมาโยนกองให้ข้าไฉน
อันอำนาจของ กกต.
ในการเจ้ากี้จัดการเลือกตั้งครั้งนี้นั้น ‘ล้นหลาม’ ชนิดที่ ไอลอว์ บอกว่า “อาจใช้เพื่อเปลี่ยนผลการเลือกตั้ง”
ได้ก็แล้วกัน อย่างเช่นใบเหลือง “ให้มีอำนาจสั่งระงับ ยับยั้ง แก้ไขเปลี่ยนแปลง
หรือยกเลิกการเลือกตั้ง”
รวมทั้งให้เลือกตั้งใหม่ได้ ส่วนใบส้ม
อันนี้มีผลเปลี่ยนจำนวน ส.ส. จากชนะให้เป็นแพ้ได้เลย อย่างแนวโน้มขณะนี้
ฝ่ายที่ลงสัตยาบันตั้งรัฐบาล ๖ พรรค ๒๕๕ เสียง พอ กกต.แกว่งไปแกว่งมา
ตอนนี้อาจเหลือแค่ ๒๔๘ ก็นับว่าเฮงแล้ว
สำหรับใบดำ ใบแดง
นั่นแน่นอนหากเฉือนใครก็ขาดลอย แต่ดูดีๆ ไม่มีทีท่าแม้แต่นิดว่าพรรคลิ่วล้อ คสช.
จะมีใครโดน ไอ้ที่มีคนฟ้องกันเอาไว้ วินิจฉัยตามสไตล์ กกต. ไทย มาก่อนพิจารณาทีหลังก็ยังดี
แต่ส่วนมากรับเรื่องแล้วทำเฉย
ที่สำคัญยังมี ม.๔๔ ที่ คสช.ยังคงใช้ได้เต็มพิกัดจนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่เริ่ม
‘ปฏิบัติหน้าที่’
ตามรัฐธรรมนูญมาตรา ๒๖๕
โดยเฉพาะถ้าผู้ตรวจการแผ่นดินวินิจฉัยให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญหรือศาลปกครองตัดสิน
หลังจากที่ กกต.ชี้แจงแล้วในวันที่ ๒๕ เมษานี้
(https://prachatai.com/journal/2019/04/82181
และ https://www.facebook.com/iLawClub/posts/10161840691835551?__tn__=K-R)