วันอังคาร, เมษายน 30, 2562

กกต.ยิ่งแกว่งคะแนนผลเลือกตั้ง เศรษฐกิจรากหญ้ายิ่งจมปลัก 'หนี้ท่วมหัว'


ขณะที่กรรมการเลือกตั้งยังแกว่งผลคะแนนไม่หยุดหย่อน เกิดผลตัดที่นั่งสภาของฝ่ายไม่เอาสืบทอดอำนาจ คสช. นายของ กกต. เศรษฐกิจประเทศก็ยิ่งบักโกรกหนักลง คำถามนี้มีคำตอบ โน ที่ยิ่งดังลั่นขึ้นไปอีก

ดังคอมเม้นต์บนทวี้ตของ independence @redbamboo16 “จะให้ลุงตู่อยู่ต่ออีกหรือ”

เรื่องก็คือ การนับคะแนนใหม่นครปฐมเขต ๑ ที่ผลแกว่งไปแกว่งมาแล้วมาลงเอยพรรคอนาคตใหม่ชนะพรรคประชาธิปัตย์ ๖๒ คะแนน เพียงข้ามคืน กกต.แกว่งต่อเมื่อพรรค ปชป.ท้วงว่าไม่ใช่ ผู้สมัครพรรคตนต้องได้คะแนนมากกว่า กกต.เลยกลับไปคุ้ย (ถังขยะ ฮ่าฮ่า) ใหม่

พบว่าคะแนนของพรรคประชาธิปัตย์ที่เขต ๒๕ จำนวน ๖๖ คะแนน เจ้าหน้าที่กรอกผิด ดันส่งไปใส่ให้พรรคประชาภิวัฒน์เสียนี่ หลังจากขอคืนมาให้กับผู้สมัครหมายเลข ๒ เขต ๑ แล้ว จึงทำให้พรรคประชาธิปัตย์กลับมาเป็นผู้ชนะพรรคอนาคตใหม่ ๔ คะแนน

อ่านรายละเอียดการนับคะแนนแบบ ร็อคแอนด์โรลคราวนี้ได้ที่ https://workpointnews.com/2019/04/29/incredible ballots count/Thailandia

อนาคตใหม่ว่าไรต่อยังไม่รู้ แต่ข้อที่เลขาฯ พรรคเขาเรียกร้องควรรีบทำ ให้ กกต.เปิดเผยผลคะแนนดิบรายเขตทั้งหมดในทันที ก่อนที่ความชุลมุนอันก่อฝุ่นพิษทางการเมืองจะฟุ้งเสียจน ส่งผลให้นักธุรกิจ นักลงทุนต่างประเทศหวาดหวั่นกันหนักกว่านี้

ไหนจะบรรยากาศฟัดกันนัว ฟ้องกันมั่ว ประเด็น กม.ว่าด้วยการครอบครองหุ้นในสื่อของผู้สมัคร ส.ส. “กำลังถูกใช้อย่างสะเปะสะปะ เลือกปฏิบัติ และขัดเจตนารมณ์ของกฏหมาย ไม่น่าเชื่อว่าสังคมหลงทางกับเรื่องนี้มาไกลขนาดนี้”
 
จากข้อคิดของ prajak kong @bkksnow ต่อข่าวประชาไทซึ่ง “พบว่าที่ ส.ส.เพื่อไทย จ.สกลนคร ที่ถูกยื่นสอบคุณสมบัติ เคยเป็นเจ้าของร้านพิมพ์อิงค์เจ็ท เลิกกิจการไปแล้ว ๕-๖ ปี” อันนี้ฝีมือ ปูด ของสำนักข่าวอิศรา อีกละ (https://prachatai.com/journal/2019/04/82240)

ก็ยังใช้หาเรื่องตัดสิทธิ ตัดแขนขาทางการเมืองกัน เพื่อฟอกผิวให้พรรคพลังประชารัฐ ที่โดนฟ้องไม่รู้กี่เรื่องต่อกี่เรื่อง กกต.ยังไม่ได้ฤกษ์เปิดคดี แถมบางคดีอย่าง เลี้ยงโต๊ะจีนระดมทุนแบะท่าว่าถ้าเงินบริจาคหากผิด กม. แต่ถ้ายังไม่ได้เข้าบัญชีก็รอดได้เสียด้วย

พวกลิ่วล้อ คสช.ล้วนทำเฉย เข้าหูซ้ายออกหูขวา ตาบอดตาใส กับภาวะเศรษฐกิจที่แต่ละวันมีแต่จมปลักกับหนี้สิน มองไม่เห็นทางหารายได้มาชดใช้ ผู้บริหารระดับชาติได้แต่สร้างวิมานในอากาศ (ปราศจากเมฆ -วิมานเมฆกำลังจะถูกรื้อ) ให้ประชาชน ขณะที่เจ้าสัวสร้างตึกระฟ้ากัน

ก็ในเมื่อหนี้สินรากหญ้ายังพอกหางหมู แต่รายได้เท่าเดิม แล้วหนี้สินชาติจะแก้ไขได้เพียงใด ในเมื่อรายได้ของเจ้าสัวนั่นกำไรล้วนๆ ยิ่งกิจการใหญ่พวกหุ้นส่วนประชารัฐทั้งหลาย ยิ่งมีดีลดีหักภาษี ลดค่าธรรมเนียมต่างๆ เพียบ
 
ส่วนผู้ใช้แรงงานหาเช้ากินค่ำนั้นเล่า เวลานี้กว่า ๗๒ เปอร์เซ็นต์ ซึ่งรายได้เฉลี่ยต่อเดือนราวหมื่นบาทถึงหมื่นห้า มีรายจ่ายตก ๔๖% ของรายรับ ทำให้กว่า ๘๒% ของแรงงานเหล่านี้ไม่มีเงินออม แถมราว ๖๕% ยังไม่มีอาชีพเสริมเพื่อเพิ่มรายได้ด้วย

นั่นมาจากผลสำรวจสถานภาพของแรงงานไทยโดยมหาวิทยาลัยหอการค้า ที่เพิ่งออกมาระบุว่า ภาวะหนี้ครัวเรือนในปัจจุบันขยายตัวเพิ่มขึ้นอีก ๑๕% จากปีที่แล้ว เป็นตัวเงินประมาณ ๑๕๘,๐๐๐ บาท วัดเป็นอัตราร้อยละสูงมากถึง ๙๕

ผู้ทำวิจัยอธิบายว่าปัญหาหนี้สะสมเพิ่มนี้เกิดจากแรงงานไทยรายได้คงเดิมไม่เพิ่ม แต่ค่าใช้จ่ายเพิ่ม ของใช้จำเป็นมากขึ้นและขึ้นราคา อัตราดอกเบี้ยสูง แรงงานจึงต้องดึงเงินออกมาใช้หมด หยิบยืมญาติพี่น้องทั่วแล้วต้องหันไปกู้เพิ่ม

“หนี้สินในระบบสูงถึง ๕๘.% เฉลี่ยการผ่อนชำระ ๗,๑๓๘ บาทต่อเดือน นอกระบบ ๔๑.% เฉลี่ยการผ่อนชำระ ๔,๐๒๘ บาทต่อเดือน” จนทำให้ “ส่วนใหญ่ ๘๐.% เคยผิดนัดชำระหนี้” ในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา

รวมความว่าแรงงานไทย ๖๓.๘% ตกอยู่ในสภาพ รายได้ไม่พอกับรายจ่าย


แล้วอย่างนี้ยังจะดันทุรังให้ ไอตู๊บ ๔.๐อยู่ต่ออีก ๕-๒๐ ปีเชียวหรือ