ว่าแล้วไง สงกรานต์เงียบเหงา
เขาก็เลยช่วยกันพีอาร์ ‘ปั่นข่าว’ มันน่าจะเป็นที่ค่ายมติชน ‘กินเบ็ด’ เมื่อ “แหล่งข่าวจากพรรค พปชร.” ประกาศจัดตั้งรัฐบาลได้แล้วเพราะมีจำนวน
ส.ส. เขตในสภาเกินกึ่ง (๒๕๑ เสียงขึ้นไป)
เนื่องจากพรรคน้อยพรรคย่อยกลุ่ม “ขอเพลงที่มีงูออกมา”
แห่เข้าร่วมกันตรึม อาทิ “พรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนา พรรครวมพลังประชาชาติไทย
พรรคชาติพัฒนา พรรคพลังท้องถิ่นไทย พรรครักษ์ผืนป่า และพรรคเล็กที่ได้ ส.ส. ๑ ที่นั่ง
๑๒ พรรค”
ชั่วร้ายกว่านั้นอ้างด้วยว่า “ล่าสุดยังได้เพิ่มอีก
๕ เสียงจากพรรคเศรษฐกิจใหม่ของนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ที่ตอบตกลงจะมาเข้าร่วม
เพราะเห็นว่าหากต้องการแก้ปัญหาให้ประชาชน
จำเป็นต้องเป็นรัฐบาลเพื่อมาขับเคลื่อนตามที่ได้หาเสียงไว้”
แต่กระนั้นมีข้อน่าสังเกตุจากแถลงการณ์ของพรรคเศรษฐกิจใหม่ครั้งก่อน
เมื่อ ๒๓ มีนาคม ๒๕๖๒ ตอนหนึ่งว่า “ถ้ามีการอ้างความเป็นประชาธิปไตยแล้วพบว่า
มีการทำงานโดยไม่ซื่อสัตย์สุจริตต่อพี่น้องประชาชนชาวไทยเกิดขึ้น เราพร้อมจะขอถอนตัวออกมาทันที”
ถ้าตามนั้นจะทำให้ฝ่ายที่ประกาศสัตยาบันร่วมกับเพื่อไทยและอนาคตใหม่มีที่นั่งเหลือไม่ถึง
๒๕๐ อีกทั้งยังอาจมีอดีตรัฐบาล ‘ราบ ๑๑’ ไปร่วมตั้งรัฐบาลกับพลังประชารัฐด้วย แต่ “ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ที่ได้
๕๒ เสียงนั้น จะไม่มายกพรรค”
“เนื่องจากสมาชิกทางฝั่งนายชวน หลีกภัย
และคนรุ่นใหม่ในพรรคไม่เห็นด้วยกับการมาร่วมกับพรรคพลังประชารัฐ แต่ว่าที่
ส.ส.ที่นำโดยนายถาวร เสนเนียม ยืนยันว่าจะมา” ซึ่งเดิมทีถาวรบอกว่ามี
ส.ส.ในกลุ่มที่ได้รับเลือกตั้งราว ๓๐ คน ตอนนี้แหล่งข่าวจาก พปชร. อ้างว่ามี ๓๕ คน
ถึงอย่างนั้น ปชป.ก็ยังต้องรอประชุมใหญ่พรรคอีกทีว่าจะเดินไปตามคำขอ
“เพลงที่มีงูออกมา” ไหม แต่ฝ่ายตั้งสัตยาบัน ๗ พรรค สบายใจไปก่อนเปราะหนึ่ง
ดังคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ทวี้ต @sudaratofficial
“เชื่อมั่นในคำพูดลูกผู้ชายของหัวหน้า #มิ่งขวัญ มากกว่าหัวหน้าบางพรรคค่ะ นักการเมืองจะเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาลก็ได้”
หลังจากที่มีแถลงลายลักษณ์อักษรออกมาจากพรรคเศรษฐกิจใหม่ในวันสงกรานต์
“ผมและว่าที่ ส.ส.ทุกคน
ในนามพรรคเศรษฐกิจใหม่ ขอยืนยันว่าข่าวดังกล่าว (ไปร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับ พปชร.)
ไม่เป็นความจริง และผมไม่เคยเข้าไปร่วมเจรจาทางการเมืองกับพรรคพลังประชารัฐ ใดๆ
ทั้งสิ้น”
(https://www.prachachat.net/politics/news-314784, https://www.khaosod.co.th/election-2019/news_2411612 และ https://www.khaosod.co.th/politics/news_2411663)
อะไรทำให้พลังประชารัฐมั่นใจว่าจะได้ตั้งรัฐบาล
ขนาด ‘แหล่งข่าว’ เกี่ยวเบ็ดสื่อค่ายมติชนอย่างนั้น
เชื่อมั่นในความเป็นผู้วิเศษของศาลรัฐธรรมนูญละหรือ
มิฉะนั้นก็เป็นเพียงปล่อยข่าวให้เกิดความว้าวุ่น ระหว่างที่ทั้ง กกต. และ
กต.กำลังตกเป็นเป้าเพ่งเล็งอย่างหนักจากต่างประเทศตะวันตก ว่าร่วมหัวจมปลักกับความไม่บริสุทธิ์ยุติธรรมในอำนาจทางการเมืองของ
คสช.
ต่อกรณีกระทรวงต่างประเทศเรียกบรรดาทูตานุทูตเข้าพบเพื่อแจ้งว่า
‘เสียมารยาท’
ที่ส่งเจ้าหน้าที่ไปสังเกตุการณ์นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่
ไปรับฟังข้อกล่าวหาความผิดฐานยุยงปลุกปั่น หรือ ‘sedition’
ซึ่งในประเทศตะวันตกถือว่ารุนแรงมาก
เป็นเหตุให้สถานทูตเหล่านั้นทะยอยกันออกมาตอบโต้
โดยยืนกรานในข้อกฎหมายระหว่างประเทศว่าการไปสังเกตุการณ์
เป็นเรื่องปกติที่สามารถทำได้ และยังถือปฏิบัติกันเป็นนิจสินอยู่แล้ว
ล่าสุดมีรัฐบาลออสเตรเลียอีกราย
ออกแถลงการณ์จากกระทรวงต่างประเทศ
แถลงชี้แจงแจ้งชัดว่า “การไปสังเกตุการณ์การดำเนินคดี
เป็นวิธีปฏิบัติประจำทางการทูต ที่สนธิสัญญากรุงเวียนนาระบุไว้เกี่ยวกับการดำเนินความสัมพันธ์ในทางการทูต”
ข่าวจากสำนัก ‘เอบีซี’ ยังนำคำวิจารณ์ของธนาธรมาตีพิมพ์ด้วยว่า
ไม่เพียงคณะทหารที่ครองอำนาจใช้คดีความเพื่อกดดันกลั่นแกล้งทางการเมืองแล้ว วิชามาร
“ดั้งเดิมเช่นนี้จะสิ้นสุดแม้ผ่านการเลือกตั้งไปแล้ว แต่จะยิ่งเข้มข้นมากขึ้น
เพราะพวกเขากลัวอนาคตใหม่”