วันเสาร์, พฤศจิกายน 11, 2560

ใครเล่าจะล่วงรู้ได้ว่าคำพูดถึงเบื้องสูงของสนธิญาณในรายการที่ถูกระงับนั้น ทำให้ระคายเคืองเบื้องยุคลบาทรัชกาลที่ ๑๐ บ้างหรือเปล่าก็เป็นได้

น่าสงสาร สนธิญาณ หนูแก้ว เค้าเนอะ ชื่นฤทัยในธรรมกับนามสกุลพระราชทานจากรัชกาลที่ ๙ มินานเท่าไหร่ ทั้งที่รัชกาลใหม่ยังไม่ทรงเสด็จผ่านพระราชพิธีราชาภิเษก ทั่นผู้ก่อการ ทีนิวส์ก็เจอกับข้อหามาตรา ๑๑๒ เสียแล้ว

“มันบ้าไปแล้ว” สปริงส์นิวส์ซึ่งสนธิญาณเป็นกรรมการบริษัทอยู่ และจัดรายการ ฟันธงตรงประเด็น เป็นประจำ ประกาศลั่นสนั่นปฐพีเมื่อที่ประชุม กสทช. คณะกรรมการกำกับความประพฤติสื่อให้ระงับออกอากาศรายการนั้น ๑ เดือน ตั้งแต่ ๘ พฤศจิกายนเป็นต้นไป

เนื่องจากพบว่ารายการ “เมื่อวันที่ ๒๑ ต.ค. ๒๕๖๐ มีเนื้อหาซึ่งนำเสนอเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยใช้คำพูดในลักษณะที่ไม่เหมาะสม ไม่เป็นไปตามมาตรฐานทางวิชาชีพและจริยธรรมของสื่อ

เป็นการขัดต่อ ข้อ ๑๔(๑๐) ของประกาศ กสทช. เรื่องหลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาตการให้บริการกระจายเสียงหรือโทรทัศน์ พ.ศ. ๒๕๕๕ และเห็นสมควรส่งเรื่องให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

สปริงนิวส์นำเอาโพสต์ของ Siriwanna Jill มาโคว้ต นัยว่าเป็น “น้ำเสียงท้วงติง ต่อว่า” มติของ กสทช. ดังกล่าว “ไม่ดูที่เจตนาของนายสนธิญาณ...ว่ามีความจงรักภักดีและยืนอยู่เคียงข้างสถาบันเบื้องสูงมาโดยตลอด”

น้ำเสียงท้วงติงที่อ้าง ตั้งคำถามต่อหัวหน้า คสช. “จะมีท่าทีอย่างไร ต่อการปล่อยให้สื่อดีต้องถูกทำร้าย” จึงเสนอให้ยุบ กสทช. มันเสียเลย...เหมือนจะรู้ทุกเรื่อง” นักข่าวสปริงนิวส์ปะติดปะต่อคอมเม้นต์ต่างๆ มาเป็นเรื่องกระทบสื่ออีกฟาก
แต่มันปล่อยให้ช่อง...ทีวีบิดเบือนข้อมูลแบบชังชาติทุกเรื่องทุกวันและทั้งวัน” ในข่าวเว้นชื่อช่องทีวีที่ว่า แต่ในภาพอัดเต็มที่เป็น “ช่องว้อยซ์ทีวี”


แบบนี้ถ้าว้อยซ์เขาจะแถมให้อีกสักคดีสองคดี หมิ่นประมาทและนำลงข้อความเท็จ จะสปริงกันไปได้อีกนานไหม ยิ่งตอนนี้นิวส์เน็ตเวิร์คเจ้าของสปริงนิวส์ ซึ่งมีสนธิญานเป็นกรรมการ มีชัย ฤชุพันธุ์เป็นประธานกรรมการ กำลังอาสน์ร้อนอยู่ด้วย

ไม่รู้อีกเหมือนกันว่าถ้อยคำในรายการที่ทำให้สนธิญาณโดนเองเป็นอย่างไร (เรื่องอย่างนี้ศาลไม่ยอมเปิดเผยเนื้อคดีเสียด้วย) ไม่เช่นนั้นจะได้ช่วยเป็นกำลังใจให้น้าเค้า อาจจะแค่พลาดพลั้งเผลอ นึกว่ามีผ้าผูกคอแบบสนธิ ลิ้มฯ เลยเหลิงจนปากไม่มีหูรูดก็ได้

เจ้าตัวออกมาโอดทางวิทยุช่อง ๙๘.๕ ว่ารายการเจ้ากรรมนั้นชื่อ ราชาแห่งราชาทั้งปวงตั้งใจถวายคำสรรเสริญพระเจ้าอยู่หัว ร.๙ ด้วยการร้องไห้ไปพูดไปแล้วเชียว “พระองค์ท่านเป็นลูกกำพร้า มีแม่เลี้ยงเดี่ยว” ไม่รู้ กสทช. เห็นว่าผิดได้อย่างไร

สนธิญาณจึงประกาศสู้คดีนี้ “ในฐานะโจทก์” เพราะต้องการแสดงให้เห็น ความบ้องตื้นหรือความคิดอันตื้นเขิน ของ กสทช. อันทำให้ “มันกระทบกระเทือนและเสียหายต่อประเทศชาติและผู้คนที่จงรักภักดีทั้งสิ้น”


โอว แฟนคลับทีนิวส์ตีปี๊บกันใหญ่ เที่ยวนี้ กสทช. หนาวไหม ก่อความเสียหายระดับชาติเลยเชียวนะ แต่เอ๊ะ คิดดีๆ ขนาด กสทช. ที่เล่นงานมาแล้วหลายรายทั้งพี้ชและว้อยซ์ทีวี จะตื้นพอฟ้อง ๑๑๒ สุ่มสี่สุ่มห้ากับผู้จงรักภักดี ล้นพ้นอย่างสนธิญาณนั่นเชียวหรือ

ไม่รู้เป็นไง พาลให้นึกไปถึงปากรม หมอหยอง พิสิฐศักดิ์ จุมพล และล่าสุด ดิสธร ขึ้นมาเฉียบพลัน แล้วมีอันขนลุกสร้าน คนเหล่านั้นก่อนเจอ ชะตากรรม ล้วนเป็นผู้มีความจงรักภักดีเหนือกว่าชาวบ้านทั้งนั้น บ้างเคยใกล้ชิดเบื้องยุคลบาท ร.๙ บ้าง ร.๑๐ ก่อนทรงราชย์
สนธิญาณเองเป็นที่ทราบกันดีว่า (เคยใกล้ชิดหรือ) เคารพบูชาจิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา เลขาธิการพระราชวัง ซึ่ง “ลงโทษไล่นายดิสธรออกจากราชการ และเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ โดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๙ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการในพระองค์ พ.ศ.๒๕๖๐ มาตรา ๑๕ และมาตรา ๑๘”

ราชกิจจาฯ แจ้งความผิดอย่างละเอียดทั้งการ “นำรถยนต์ในพระปรมาภิไธยไปใช้จนเกิดอุบัติเหตุ และแอบอ้างพระปรมาภิไธยเพื่อยกเว้นภาษีการนำเข้ารถยนต์จากต่างประเทศ” กับข้อหา

“มีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับหญิงอื่นที่ไม่ใช่ภรรยาของตนเอง เมื่อหญิงตั้งครรภ์กลับพาหญิงดังกล่าวไปทำแท้ง” ถึงสองครั้ง ครั้งหลังเธอ “ไม่ยินยอม นายดิสธรจึงบังคับหญิงคนดังกล่าวให้แต่งงานกับชายอื่น ซึ่งไม่เคยมีสัมพันธ์กัน”

แถมความผิดฐานนำดินที่ขุดจากโครงการก่อสร้างรัฐสภาซึ่งขอมาในนามมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ไปขายให้หมู่บ้านจัดสรรและถมที่ส่วนตัว เหล่านี้รายงานข่าวทีนิวส์ของสนธิญาณพยายามซ้ำเติม สร้างภาพให้เป็นความชั่วร้ายมหันต์ จัดการนำเข้าไปโยงกับอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร ที่พวกตนเกลียดชังทันที

ทีนิวส์อ้างคำของสนธิ ลิ้มทองกุล “พูดบนเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ว่ามีใครบางคนทำตัวเป็นสปายและรับเงินนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดือนละ ๕ แสน” กับอ้างข้อกล่าวหาของอัญชะลี ไพรีรัก “ใครคนนั้นรับเงินจากทักษิณเดือนละ ๕ แสน รับสายจากทักษิณเมื่อครั้งรัฐประหาร ๑๙ กันยา พร้อมคำสั่งให้รายงานว่า พวกมัน มาเข้าเฝ้าหรือยัง”


พฤติกรรมของทีนิวส์ภายใต้บงการของสนธิญาณเหล่านั้น ส่อไปในทางประกอบการโดยไม่ยึดถือจรรยาบรรณสื่อมวลชน มีเสียงต่อว่าประจานและร้องเรียนต่อสมาคมสื่ออยู่เนืองๆ ว่านอกจากนั่งเทียนเขียนข่าวโจมตีค่ายทักษิณและสื่ออื่นที่รณรงค์เพื่อประชาธิปไตยแล้ว ทีนิวส์มักลอกข่าวจากสำนักอื่นเอาไปใช้รายงานโดยไม่ให้เครดิต

แถมบ่อยครั้งสวมรอยว่าเป็นรายงานข่าวของตนเอง เมื่อถูกบรรดานักข่าวเจ้าของเรื่องฟ้องสังคมหนักเข้า สนธิญาณกลับแก้ตัวว่านั่นเป็นการทำให้ข่าวที่ตนลอกเอาไปใช้มีผู้อ่านผู้ชมขยายกว้างขวางหรือดังขึ้นมา

พฤติกรรมอันเคยกระทำโดยขาดจริยธรรมทางวิชาชีพเป็นนิจสินมาแล้วเช่นนั้น ทำให้น่าสงสัยต่อข้ออ้างของสนธิญานเรื่องเจตนาบริสุทธิ์ในความผิดที่ กสทช. แจ้ง 

คนธรรมดาอย่างเราๆ ใครเล่าจะล่วงรู้ได้ว่าคำพูดถึงเบื้องสูงของสนธิญาณในรายการที่ถูกระงับนั้น ทำให้ระคายเคืองเบื้องยุคลบาทรัชกาลที่ ๑๐ บ้างหรือเปล่าก็เป็นได้