วันพุธ, พฤศจิกายน 15, 2560

“เอาเงินหมาแล้วไปกาเบอร์ 1“ จะตามมาหลอน? นักวิชาการคาด "เพื่อไทย" ยังแรง แซงพรรคทหาร



ooo

ตอนปี 54 คงเคยได้ยินวลีที่ว่า “เอาเงินหมาแล้วไปกาเบอร์ 1 “ผลของคำพูดวลีนี้ทำให้พรรคประชาธิปัตย์ที่คุมอำนาจรัฐในตอนนั้นแพ้เลือกตั้ง และพรรคภูมิใจไทยทีทำตัวเป็นงูเห่าทรยศพรรคเพื่อไทย พ่ายแพ้สะบักสะบอม

คำว่า เอาเงินหมาแล้วไปกาเบอร์หนึ่ง เป็นคำพูดของชาวบ้านในภาคอีสาน ที่ต้องการสั่งสอน อดีต สส.เพื่อไทยที่ทรยศต่อพรรคแล้วไปสนับสนุนฝ่ายที่ครองอำนาจ

ที่ยกเรื่องนี้มาเพราะอยากจะบอกว่า ชาวบ้านไม่ใช่ของตาย และ เขาตื่นรู้ว่า การเมืองกับสิทธิและอำนาจของเขาที่จะใช้อย่างไรถึงจะเกิดประโยชน์สูงสุดกับตัวของเขาเอง

การเมืองแบบไหน ประชาธิปไตยแบบใดที่กินได้ และนโยบายการเมืองแบบไหนที่ตอบสนองต่อชาวบ้าน

การเลือกของชาวบ้านไม่ว่าจะครั้งที่ผ่านมา หรือ ครั้งต่อไปหากมีการเลือกตั้ง ชาวบ้านก็จะยังคงเลือกพรรคที่มีนโยบายตอบสนองต่อพวกเขา ไม่ได้สนใจว่าส่งใครมา แต่สนใจว่า พรรคที่เขาจะเลือก เสนอเขาว่า จะทำอะไร และพูดแล้วทำหรือไม่

ซึ่งสิ่งเหล่านี้ พรรคการเมืองระบอบทักษิณเคยทำให้ชาวบ้านที่เคยอยู่แต่ในความมืด ได้มีประสบการณ์เห็นแสงสว่าง การที่จะให้คนที่เคยเห็นแสงสว่างแล้วกลับไปหาความมืดด้วยเหยื่อล่อว่า คุณธรรมและความดีนั้นเห็นจะไม่มีทาง นอกจากจะให้แสงที่สว่างกว่าที่เขาเคยเห็น

ผ่านมา 3 ปีด้วยสารพัดวิธีทั้งยัดคดี ทั้งถอดถอน หรือทุ่มเงิน สารพัดนโยบายที่ลอกเขามาทำแต่เข้าไม่ถึงแก่น ไม่สามารถเข้าไปนั่งในใจของชาวบ้าน เพราะแท้ที่จริงไม่เข้าใจ หัวใจแห่งความยุติธรรมที่ชนชั้นรากหญ้าไม่เคยได้รับมาตลอดชีวิต

ยิ่งรังแกคนที่เขาเลือก ก็คือเหยียบย่ำหัวใจและศักดิ์ศรีความเป็นคนชนชั้นเขาไปด้วย

หน่วยงานความมั่นคงสำรวจความเห็นของประชาชนกี่ครั้งต่อกี่ครั้งในทางลับ ผลออกมาก็เหมือนเดิมว่า จะเอาชนะเลือกตั้งเขาไม่ได้

การปลดล็อคทางการเมืองจึงไม่เกิด ความหวาดกลัวยังตามหลอกหลอน ข้ออ้างเรื่องความสงบและคำถามที่ไม่ต้องการคำตอบจึงถูกโยนออกมา

สิ่งที่กลัวสุดคือประวัติศาสตร์ซ้ำรอย ที่คราวนี้ชาวบ้านจะบอกว่า “เอาเงินหมาแล้วไปกาเพื่อไทย” ตามมาหลอนเช้าค่ำ ไม่รู้ต้องลากยาวไปอีกเท่าไหร่?



Thuethan Prasobchoke
November 12

ooo

ในอดีต ทหารไม่เคยประสบความสำเร็จในการเมืองแบบเลือกตั้งเลย เพราะไม่สามารถสั่งให้ซ้ายหันขวาหันได้ แต่ต้องอาศัยการต่อรองแบ่งปันเกลี่ยผลปย.ระหว่างกลุ่มต่าง ๆ และต้องทำแบบวันต่อวันตามสภาพที่เปลี่ยนไป

การเมืองแบบเลือกตั้งนั้นสลับซับซ้อน ยุ่งยาก และนักการเมืองก็บิดพลิ้วลื่นไหลเกินกว่าที่ทหารจะจัดการได้

พรรคชาติสังคมของสฤษดิ์เมื่อปี 2500 และพรรคสหประชาไทยของถนอมปี 2512 เลือกตั้งได้เสียงไม่เกินครึ่งสภา ต้องอาศัยพรรคอื่นตั้งรบ. ซึ่งก็คุมสส.ไม่อยู่จนต้องรปห.ตัวเองปี 2501 และปี 2514

ทหารใหญ่ที่เข้ามาเล่นการเมืองแบบเลือกตั้งก็ล้วนไม่ประสบความสำเร็จ ทั้งเกรียงศักดิ์ อาทิตย์ ชวลิต พล อ.สนธิ ฯลฯ

มียกเว้นพล อ.เปรม ที่ประสบความสำเร็จ แต่ก็ไม่ใช่ด้วยการตั้งพรรคทหาร

ปัจจุบัน พรรคทหารยิ่งไม่มีทางประสบความสำเร็จ ทางออกที่เป็นไปได้ของทหารวันนี้จึงต้องอาศัยพรรคการเมืองใหญ่ที่มีอยู่แล้วเป็นฐาน และก็มีแค่สองตัวเลือกคือ ปชป.กับเพื่อไทย!

ทายสิว่า แจ๊กพ็อตจะไปแตกที่พรรคไหน?


พิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์
6 hrs ·