สงสัยจริง ‘ขาลง’
อย่าง นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ว่าแล้วละ ผอ.โรงพยาบาลจะนะ อดีตแนวร่วม
กปปส. ไล่ยิ่งลักษณ์ กวักมือเรียกทหารท่านนี้ ออกมาสนับสนุนแฮ้ชแท็ก #เทใจให้เทพา
เมื่อการชุมนุมคัดค้านการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพาถูกเจ้าหน้าที่เข้าสลาย
เกิดกระแทกกระทั้นกันเล็กน้อย เจ็บทั้งสองฝ่าย แต่ผู้ชุมนุมเจ็บกว่า เพราะแกนนำ ๑๖
คนโดนจับตัวไปควบคุมไว้ที่โรงพักสงขลา
พวกนักวิชาการและนักกิจกรรมพยายามยื่นหลักทรัพย์ขอประกันตัวจำเลย
แต่ถูกปฏิเสธไม่ให้ประกันตัว ศาลอ้างว่า “มีข้อกำหนด จะต้องเป็นญาติกันเท่านั้น”
จึงต้องหันไประดมเงินเพื่อประกันตัวแกนนำทั้งหมด รวมทั้งสิ้น ๑.๓ ล้านบาท
แต่ปรากฏว่าหาเงินไม่ทัน
บรรดาแกนนำที่ถูกจับกุมก็เลยต้องติดคุก นอนมุ้งสายบัวกันไปแล้วหนึ่งคืน จนกลายเป็นหนังหมาแปะหน้าผากรัฐบาลประยุทธ์
ในสายตาของพวกนั่งร้านให้ คสช. ยึดอำนาจเมื่อเกือบสี่ปีที่แล้ว
“สิ่งที่พี่น้องคนไทยทั้งประเทศ
จะช่วยชาวบ้านเทพา-จะนะได้ ก็คือการช่วยกันประนามรัฐบาลไปก่อน ขาลงอยู่แล้ว
ช่วยคนละไม้ละมือ จะได้ช่วยกันให้ลงเร็วขึ้นอีกครับ” นพ.สุภัทร
เขียนบนหน้าเฟชบุ๊คของเขา
ไม่เท่านั้นอดีตแนวร่วม กปปส.
คนสำคัญอีกราย ไทกร พลสุวรรณ อดีตนักการเมืองพรรคประชาธิปัตย์
ผู้ก่อตั้งขบวนการอีสานกู้ชาติทำการต่อต้านระบอบทักษิณ ก็เขียนเฟชบุ๊ค “ขอโทษประชาชน”
บอกว่า
“ผมเสียใจที่เคยแถลงข่าวสนับสนุนพลเอกประยุทธ์เป็นนายกฯ
ผมไม่รู้ว่าธาตุแท้ของเขาจะเป็นเช่นนี้ เสียใจจริงๆ”
อีกด้าน นางอังคณา นีละไพจิตร กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
กล่าวถึงการสลายชุมนุมโรงไฟฟ้าถ่านหิน ที่มีการแชร์ภาพแกนนำคนหนึ่ง (นายมุสตาซีดีน
วาบา) ถูกเจ้าหน้าที่หิ้วปีก แล้วหายตัวไปตั้งแต่วันที่ ๒๗ ว่า สามารถติดต่อนายมุสตาซีดีน หรือ ‘แบร์มุส’
ได้แล้ว เขาปลอดภัยดี
คาดว่า “คงมีคนพาออกไปจากจุดที่ชุลมุน
เพียงแต่เขาไม่ได้ติดต่อกับครอบครัวและเพื่อนจึงหากันไม่เจอ”
ทั้งที่ก่อนหน้านี้ พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกห่านอู
แถลงด้วยคำพูดส่อเสียดเหยียดหยาม ทำนองว่าเขาอาจหลบไปกับหญิงอื่นที่ไม่ใช่ภรรยา นางอังคณาบอกว่า
“คำพูดลักษณะนี้เป็นการเหยียดเพศ
ถ้าหากว่ามีคำถามว่าเขาหายไปไหน ทางรัฐบาลก็แค่ตอบว่าเขาอยู่ที่ไหนก็จบแล้ว
ไม่ควรใช้เรื่องเพศมาลดทอนความน่าเชื่อถือ”
ความน่าเชื่อถือที่หายไปนั่นกลับเป็นรัฐบาล คสช. เมื่อขบวนการ ‘มาราปาตานี’
ออกโรงประนามการสลายชุมนุมคัดค้านโรงงานไฟฟ้าถ่านหินเทพาและจับกุมแกนนำของรัฐบาลไทย
แถลงการณ์ระบุว่า
“รัฐบาล คสช.
ล้มเหลวอีกครั้งที่จะแสดงถึงความใจกว้างต่อการฟังเสียงประชาชน” และ “ประชาชนมีสิทธิเปี่ยมล้นในการตัดสินว่าอะไรเป็นสิ่งที่พวกเขาต้องการ
หรือไม่ต้องการ”
องค์กรอันเป็นศูนย์กลางของขบวนการมุสลิมต่างๆ
ในแถบสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่เจรจากับรัฐบาลไทยค่อนข้างราบรื่นในช่วงก่อนที่
คสช.จะยึดอำนาจ ประกาศด้วยว่า “เราขอยืนหยัดเป็นภราดรภาพกับชาวบ้านเทพา
และขอเตือนรัฐบาลว่าการดึงดันไม่ยอมรับข้อเรียกร้องต้องการของประชาชน
และตอบโต้ด้วยกำลังรุนแรง นอกจะทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงไปใหญ่แล้ว
มันอาจก่อให้เกิดผลลัพท์อันไม่พึงปรารถนาแบบเดียวกับเหตุการณ์กรือเซะและตากใบก็ได้”
ในส่วนที่รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
อ้างว่าผู้ชุมนุมทำร้ายเจ้าหน้าที่ จึงได้มีการจับกุมแกนนำนั้น นางอังคณาย้อนว่า “มีข้อมูลว่าผู้ชุมนุมบางคนก็บาดเจ็บเช่นกัน”
ประจวบกับขณะนี้สถานการณ์น้ำท่วมเริ่มจะหนักขึ้นอีกในภาคใต้
ตั้งแต่ปัตตานีขึ้นมายะลา เข้านราธิวาส เป็นประดุจความยากแค้นซ้ำเติม โดยที่รัฐบาล
คสช. ไม่สามารถขจัดความทุกข์ยากของชาวบ้านได้ ทั้งที่มีอำนาจล้นพ้น เงินล้นมือ
ครั้นเมื่อชาวบ้านตากหน้าไปหาที่พึ่งกับพบกับความฉุนเฉียว วางอำนาจตวาดใส่
เหมือนกับว่าการไปร้องเรียนหัวหน้ารัฐบาลต้องกราบกรานคลานเข้าไปหา จะพูดเร็วพูดรัวไม่ได้
ต้องอ่อนน้อมอ่อนช้อย จ๊ะจ๋า ละหรือ
มันเป็นความเคยตัว ‘spoiled’ ถึงขั้นเน่า ‘rotten’ เสียจนประชาชนจำนวนมากเข้า ข้ามเส้นแบ่งสี นอกจากไม่อยากให้อยู่ยาวแล้ว
ยังกำลังจะพากันทนไม่ไหวไสส่งให้ ‘ไป’
เสียทีเร็วไว