โอ้วข่าวดี ปีหน้าเศรษฐกิจอาจจะฟื้นได้
นี่สื่อฝรั่ง ‘บลูมเบิร์ก’ บอกนะ (แต่ว่า)
ไตรมาส ๓ ปีนี้จีดีพีโตถึง ๓.๘ เปอร์เซ็นต์
ดีที่สุดตั้งแต่ยึดอำนาจมาเมื่อ ๒๕๕๗ เพราะส่งออกเพิ่มถึงหลักสิบดีกว่าที่คาด
และการท่องเที่ยวก็ทำท่าจะทำเงินตอนถึงปลายปี
ยูจีเนีย วิคตอริโอ
นักเศรษฐศาสตร์ธนาคารออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ในสิงคโปร์ วิเคราะห์ “เราเริ่มรู้สึกมีหวังมากยิ่งขึ้นว่าการฟื้นตัว
(ของเศรษฐกิจไทย) น่าชื่นชมกว่าที่เคยคิดไว้...
ถึงอย่างนั้นก็ยังมีที่ท้าทายมากอยู่
โดยเฉพาะในด้านความสามารถของรัฐบาลทหาร จะครอบให้การลงทุนภาคเอกชนกลับมาโตใหม่อีกได้ไหม
ถ้าได้ละก็ จะจุดพลังงานให้เศรษฐกิจฟื้นแน่”
แต่...ถ้าเศรษฐกิจเริ่มฟื้นได้จริงต้นปีหน้า
แล้วจะพอหรือทันการแก้ปัญหาหนี้สาธารณะพุ่งขึ้นไม่หยุดหย่อนไหมล่ะ โดยที่ขณะนี้งบประมาณขาดดุลแล้วกว่า
๑.๓๓ ล้านล้าน ซ้ำยังไม่มีทีท่าจะลดลง
ทั้งที่ “การขาดดุลของรัฐไม่ถือว่าเป็นเรื่องเสียหายมาก
เมื่อเทียบกับการอยู่ดีกินดีของประชาชน แต่ต้องคำนึงถึงความคุ้มค่าและคุ้มทุน”
ตามตัวเลขขาดดุลงบประมาณจากปี ๒๕๕๙
เกือบสี่แสนล้านบาท พอปีนี้ (เข้าไตรมาสสุดท้ายแล้ว) กลับขาดดุลมากกว่าเดิมเกือบ ๕
แสนล้านครึ่ง เท่ากับเพิ่มจากปีที่แล้วถึง ๓๖.๙ เปอร์เซ็นต์
แม้รัฐบาล คสช. จะอ้างว่าการดุลนั้นเอาไปลงทุนสาธารณูปโภคและสนับสนุนคนจน
แถมมั่นใจการคลังไทยแข็งปั๋งช้อปแหลกอย่างไรก็ยังไม่หมด หรือมีศักยภาพกู้เพิ่มเอามาอุดกระเป๋ารั่วได้อีกเยอะก็เอะ
แต่ข้ออ้างเหล่านี้ก็หนีไม่พ้น “จะสร้างหนี้ให้ลูกหลานในอนาคต
และในส่วนของความคุ้มค่าที่ให้ประชาชนทุกภาคส่วน มันเป็นเช่นใด” ในเมื่อ “เรามีจำนวนคนจนเพิ่มขึ้น
และรายได้ของครัวเรือน ๔๐% ที่มีรายได้น้อยที่สุด
กลับมีรายได้ลดลงในยุคของ คสช.” นั่นคือจนแล้วจนอีก
แล้วไฉน สมคิด จาตุศรีพิทักษ์
รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ยังคุยแล้วคุยอีกอยู่นั่นว่า ปีหน้าจีดีพีจะเพิ่มเป็น
๔-๕ เปอร์เซ็นต์ เป็นนักเศรษฐศาสตร์สำนักเทพมีตาทิพย์มั้ง
มองเห็นฟ้าใสจากใต้กะลาได้
ในเมื่อตัวเองก็รับว่าจีดีพีปลายปี ๖๐
น่าจะอยู่ที่ ๓.๘% ยังจะดันทุรังให้ “อย่างน้อยที่สุดหาก
GDP ในปีนี้แตะ ๔% และรักษาเสถียรภาพให้มั่นคง
จะทำให้ในปีหน้า GDP ต้องไปถึง ๔-๕%” จนได้
วาดฝันโครงการต่างๆ ‘e-payment’
(การธนาคารอีเล็คโทรนิค) เอย ‘ต่อยอดประชารัฐ’
เอย สร้างเครือข่าย ‘บัตรคนจน’ ที่มีเครือข่ายประชาชนเรียกร้องให้ยกเลิกเสียเถอะอยู่เดี๋ยวนี้ (https://news.thaipbs.or.th/content/267810) เอย
ยังจะมี ‘โชห่วยไฮบริด’
และแตกหน่อ ‘ธงฟ้า’ ซึ่งล้วนทำให้เจ้าสัวยิ้มแก้มปริ
ไหนจะ ‘อีอีซี-ระเบียงตะวันออก’ ที่เพิ่งมีข่าวทุนต่างชาติไม่ค่อยกระตือรือล้นเอย
ล้วนทำท่าจะ ‘ฝันเปียก’ เสร็จสมแต่ในอารมณ์หมายไม่เสร็จจริงเสียละมาก
ไหนๆ รัฐบาลนี้ชอบมีคำถามโน่นนี่แล้วโดนประชาชนถามสวนเกือบทุกที
ก็ขอถามบ้างว่า ไอ้ที่ฝันเปียกต่างๆ ไว้นี่ มีอะไร ‘แบ็คอัพ’ หนุนหลังให้น่าเชื่อว่าจะมีทางเป็นจริงได้
ในเมื่อจะสี่ปีเข้านี่แล้วไม่เห็นมีอะไรสำเร็จให้เห็นบ้าง นอกจากแต่งกลอนแต่งเพลง
ง่ายๆ แค่เรื่องยางนั่นนะ
ค้างคามาจากรัฐบาลที่แล้วเตรียมแก้ให้ได้โลละ ๘๐ บาท โดนพวก ‘พรรคนักค้าน’ สุมหัวนักปฏิรูปก่อนเลือกตั้งตีรวนจะเอา
๑๒๐ จนลามปามไปถึงกวักมือเรียก คสช. เข้ามา เสร็จแล้วเดี๋ยวนี้โลละ ๔๐
บาทยังหืดขึ้นคอ
พอชาวสวนยางนัดหมายกันไปหาหัวหน้าใหญ่เพื่อร้องเรียนเสนอแนะ
ก็ถูกทหารประกบพาเข้าค่ายปรับทัศนคติเสียนี่ หาว่ามีเลศนัย รัฐบาลมีกลไกรับฟังอยู่แล้วผ่านศูนย์ดำรงธรรม
เหตุใดต้องพยายามเดินขบวนเข้ากรุงเทพฯ กัน
ทำนองว่าเป็นการก่อหวอดทางการเมือง จนกระทั่งพรรคนักค้านนั่นเองที่ต้องออกมาโวยวาย
ดังที่นายราเมศ รัตนะเชวง รองโฆษก และคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า
“เรื่องยางพาราราคาตกต่ำต่อเนื่องยาวนานกว่า
๓ ปี มีความเกี่ยวข้องกับความเดือดร้อนของครอบครัวชาวสวนยางพารา
และปากท้องของสมาชิกในครอบครัวของประชาชน จะให้ชาวสวนยางอยู่นิ่งเฉยคงไม่ได้...
เคยส่งคณะอดีต ส.ส.ไปยื่นหนังสือร้องเรียน
พร้อมแนวทางแก้ไขปัญหายาวพาราตกต่ำด้วยความสงบแล้ว ๒ ครั้ง แต่ก็ไม่ได้รับการแก้ไข...
และไม่ควรจับแกนนำชาวสวนยางไปกักในค่ายทหารเช่นที่ทำมา
เพราะประชาชนไม่ใช่พลทหาร ที่รัฐบาล คสช.จะสั่งให้ทำอย่างไรก็ได้”
โถ ที่จริงก็เห็นใจอยู่หรอกนะ เคยแนบสนิทชิดชอบช่วยกันตั้งรัฐบาลในค่ายทหารมาแล้ว
นึกว่าจะพูดกันได้ แล้วก็เครือข่ายของพรรคที่เรียกตัวเองว่า
กปปส. อีกล่ะ ตัวประธานคนที่หนุนลุงตูบเป็นนายกฯ อยู่ยาว เคยออกมาขอราคาโลละ ๖๐
คสช. ให้ไม่ได้แถมให้ปลูกพืชอื่นแทน