เสวนาครบรอบ ๑๐ ปีรัฐประหาร คมช. เมื่อวาน (๑๙ ก.ย.) ณ ห้องประกอบ หุตะสิงห์ มธ. เกิด overheated ร้อนฉ่าทำท่าจะไหม้ ผู้จัดเลยต้องหยุดกลางคัน เมื่อการสนทนาที่แสบซ่าดำเนินไปได้เพียงครึ่งชั่วโมงกว่าๆ
เชิญทัศนากันได้จากบันทึกเฟชบุ๊คของ Noppakow Kongsuwan ที่นี่ https://www.facebook.com/Noppakow.kong
กลุ่มผู้จัดอันมีนักศึกษาประชาธิปไตยใหม่ ธรรมศาสตร์เสรี ปชต. และหนุ่มสาวรามคำแหง แถลงว่า “มุ่งหมายที่จะให้เกิดการแสดงและรับฟังความคิดเห็นของฝ่ายต่างๆ ในสังคม ต่อความขัดแย้งทางการเมืองในรอบ ๑๐ ปีที่ผ่านมา”
จึงได้เชิญ ‘อี้’ แทนคุณ จิตอิสระ อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ไปสนทนากับ ‘บก.ลายจุด’ สมบัติ บุญงามอนงค์ ในหัวข้อ ‘ย่ำอยู่กับที่ ๑๐ ปีสังคมไทย’ ท่ามกลางบรรยากาศที่ผู้ฟังบางคนออกจะก้าวร้าวไปหน่อย ส่งเสียงดังกลบคนอื่น
การสนทนาออกรสดีเพราะได้ฟังความเห็น ‘ต่าง’ จากเสื้อแดงของแทนคุณ แม้นว่าเขาเป็นฝ่ายเหลืองคนเดียวที่ถูกทหารเรียกตัวไปปรับทัศนคติ เพราะได้แสดงออกอย่างโจ่งแจ้งว่าคัดค้านการรัฐประหาร
จนกระทั่งราวนาทีที่ ๑๗-๑๘ เป็นต้นไป อี้ได้พูดในสิ่งที่เร่งเร้าอารมณ์ปรปักษ์ของผู้ฟัง ด้วยการอ้างนิรโทษกรรมเหมาเข่ง ‘สุดซอย’ ว่าเป็นการคอรัปชั่นรูปหนึ่งที่ฝ่ายทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ ทำให้การต่อต้านของสุเทพ เทือกสุบรรณ และ กปปส. ‘จุดติด’
อี้พูดว่า พรบ. สุดซอยนั้นคือการทรยศประชาชน นี่ทำให้เกิดเสียงค้านเสียงโต้มาจากฝั่งผู้ฟัง ที่อี้ทำท่าคล้ายส่ายหัว แล้วอธิบายต่อไปว่าถึงแม้ทางฝ่ายประชาธิปัตย์ก็มีการคอรัปชั่นเหมือนกัน
“แต่ว่าเขาก็สู้ในกระบวนการยุติธรรมได้ มิใช่หรือ ไม่เห็นจำเป็นต้องเหมือนคุณทักษิณ ต้องหนีไป” ถึงตอนนี้เสียงอึงอื้อจากฝั่งผู้ฟังเริ่มดังขึ้น
บก. ลายจุดพยายามที่จะสืบเนื่องประเด็นการสนทนาต่อไปด้วยคำถามว่า “เมื่อ พรบ.นิรโทษกรรมสุดซอยถอยออกจากสภาแล้ว ทำไมคุณและ กปปส. จึงไม่หยุด”
คำตอบของอี้กลับยิ่งเป็นเชื้อเพลิงโหมไฟเข้าไปอีก “คนเสื้อแดงที่ถูกฆ่า...คุณไม่อยากรู้หรือว่าใครทำ...ทั้งคุณอภิสิทธิ์คุณสุเทพถูกกล่าวหา เขาก็ยังเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
ขณะเดียวกันคุณทักษิณคุณยิ่งลักษณ์ออกมาบอกว่านิรโทษกรรมให้หมดเลย...อย่างนี้แฟร์เหรอครับ รับผิดชอบแค่นี้เองหรือครับ...นี่คือคนเสื้อแดงยอมรับแบบนี้เหรอครับ ตอบผมสิครับว่ายอมรับแบบนี้เหรอ”
มิใยที่ ‘หนูหริ่ง’ พยายามจะดึงกลับสู่ประเด็นโต้วาทีอีกครั้ง “คำถามก็คือ คุณต้องการให้คุณยิ่งลักษณ์แสดงการรับผิดชอบอะไรที่มากกว่าการยุบสภา ทำไมคุณถึงไม่เลิก”
นายแทนคุณก็พยายามเหมือนกันที่จะตอบประเด็นดังกล่าว แต่เสียงแย้งเสียงโต้จากฝั่งผู้ฟังยังไม่ลดละ อี้เลยสรุปว่า “เอางี้ เอางี้ ผมใจเย็น ผมคุยได้ แต่ถ้าท่านไม่พร้อมจะฟัง ผมก็ไม่พูดดีกว่า”
บันทึกของนพเก้าตอนหนึ่งเล่าบรรยากาศก่อนจบ “มีป้าๆ เสื้อแดงจำนวนหนึ่งเดินไปเปิดอกคุยกะอี้ ทำความเข้าใจกับอี้ แลกเปลี่ยนกับอี้ ในสถาณการณ์ที่มีความชุลมุน
ป้าเสื้อแดงคนหนึ่งคุยกับอี้ว่า ‘ตัวป้าและเพื่อนป้าทนฟังสิ่งที่อี้เห็นต่างได้ และเสียดายที่มันล่ม แต่อี้ก็ต้องยอมรับว่า เราทุกคนล้วนมีส่วนทำให้มันล่ม’ ต่างคนต่างขอโทษ และก็แลกเปลี่ยนกันเล็กน้อย ก่อนที่จะพากันกันตัวอี้ออกไป”
เอวัง จึงมีด้วยประการฉะนั้น