ที่มา ไทยรัฐอนไลน์
โดย ทีมข่าวการเมือง
10 ก.ค. 2558
โรครุม เพราะ “โลกรุม”
ในสถานการณ์ที่ปัจจัยภายนอกรุมเร้าประเทศไทย จากปัญหาไอยูยู กลุ่มยุโรปควักใบเหลืองประมงไทยต้องแก้ปัญหา จะเข้มกฎหมายให้เข้ามาตรฐานก็สะเทือนภาคประมงไทยที่นอกกรอบกันจนชิน
“แก้แห” กันวุ่นวายอยู่ตอนนี้
ปมปัญหาการค้ามนุษย์ก็ต้องเร่งปรับมาตรฐาน ก่อนถึงเดดไลน์ประเทศสหรัฐอเมริกาจะชี้วัด ต่างจากคิวล่าสุดมีข่าวว่ามหาอำนาจจ่ออัพเกรดปรับระดับเป็นเทียร์ 2 ให้มาเลเซีย
พญาอินทรีเลือกจิ้มเลือกเคาะ ยังแช่แข็งไทย
ยังไม่รวมกรณีองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ไอซีเอโอ) ยังปักธงแดงสายการบินจากประเทศไทยค้างไว้
เท่านั้นไม่พอ ถึงบรรเทาปัญหาชาวโรฮีนจาอพยพ ล้างปมค้ามนุษย์ไปได้เปลาะหนึ่งแล้ว
แต่ล่าสุดมีปมร้อนใหม่เข้ามาแทรก กรณีที่ทางการประเทศไทยจับกุมชาวอุยกูร์ จากมณฑลซินเกียง ชาวมุสลิมอพยพหลบหนีเข้าเมือง และควบคุมตัวก่อนส่งต่อไปประเทศตุรกี อีกทางส่งกลับประเทศจีน
ว่าไปตามข้อเท็จจริง พิสูจน์สัญชาติแล้วส่งไปที่ต้นทาง
แต่เรื่องชักไม่ง่าย ทั้งประเทศจีนก็บีบให้ส่งชาวอุยกูร์กลับ ส่วนตุรกีก็อยากรับตัวไป
โดนบีบทั้งสองด้าน ประเทศไทยก็กระอักกระอ่วนเต็มที
จนเป็นเรื่องเป็นข่าวจนได้ กลางดึกวันที่ 9 ก.ค. ที่ผ่านมา สถานกงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ที่นครอิสตันบูล ประเทศตุรกี ถูกชาวตุรกีนัดชุมนุมประท้วง บุกรุกเข้าไปในสำนักงานกงสุลฯ ทำลายประตูและสิ่งของ
แสดงออกถึงความไม่พอใจต่อไทยในเรื่องชาวอุยกูร์ที่เข้าไทยโดยผิดกฎหมาย
เหมารวมกระแสต่อต้านรัฐบาลจีน
ปมร้อนที่นายเสข วรรณเมธี อธิบดีกรมสารนิเทศ ระบุเตือนนักท่องเที่ยวไทยที่เดินทางไปตุรกีควรเพิ่มความระมัดระวัง ไม่ควรใช้ธงชาติไทยเป็นสัญลักษณ์ เลี่ยงสถานที่ชุมนุม ไม่ถ่ายภาพการชุมนุม ฯลฯ
ขณะที่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช.ต้องต่อสายตรงพูดคุยกับผู้นำประเทศตุรกี เพื่อให้ช่วยดูแลความปลอดภัยเจ้าหน้าที่สถานทูตและคนไทย
“งานเข้า” ประเทศไทยต่อเนื่อง ทำ “บิ๊กตู่” งานชุก แก้ปมร้อนไม่หยุดไม่หย่อน
ในจังหวะปัจจัยภายนอกประเทศรุมเร้า ปมปัญหาภายในโหมดความมั่นคงคลายแรงกระเพื่อมไปได้หลังศาลทหารไม่อนุญาตให้ควบคุมตัว 14 นักศึกษา
“ถอนฟืน” จากกองไฟ เพลาดีกรีร้อนไปในระดับหนึ่ง
ในขณะที่อีกปัญหาใหญ่ เศรษฐกิจซึมหนักยังปลุกไม่ขึ้น เป็นอีก “แผลกดทับ” ส่อเรื้อรัง
ถึงหัวหน้าทีมเศรษฐกิจรัฐบาลอย่าง “คุณชายอุ๋ย” ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกฯ จะยืนยันตัวเลขเศรษฐกิจดีทุกด้าน แต่ล่าสุดต้องเร่งเปิดแผนฟื้นเศรษฐกิจเร่งด่วนในครึ่งปีหลังตามไฟต์บังคับ
ทั้งออกมาตรการช่วยชาวนา สวนยาง ล้างท่อการลงทุนภาครัฐ บริหารค่าเงิน-ดอกเบี้ยเอื้อส่งออก ใช้เศรษฐกิจดิจิตอลอีโคโนมี สร้างรูปแบบเศรษฐกิจใหม่ผ่านสินค้านวัตกรรม ออกโรดโชว์ต่างประเทศ ฯลฯ
ปลุกความหวัง ภาวะเศรษฐกิจประเทศกระเตื้อง
แต่ที่หักมุมเลย ในการประชุม ครม.ล่าสุด มีการรายงานสถานการณ์เศรษฐกิจ “บิ๊กตู่” เห็นข้อมูลแล้วแสดงความไม่พอใจในหลาย
ด้าน ทั้งสั่งให้ไปรวบรวมตัวเลขหนี้สินครัวเรือน และแนวทางแก้ไข มาให้ชัด
และจุดที่ “บิ๊กตู่” ท้วงตรงๆแรงๆ หลังฟังรายงานจาก “คุณชาย อุ๋ย” ถึงตัวเลขการเบิกจ่ายงบฯ ในส่วนกระตุ้นเศรษฐกิจ 3 เดือนแรกปีงบฯ 2558 เปิดอัดฉีดไปได้เพียง 50 เปอร์เซ็นต์
“อย่างนี้จะกระตุ้นเศรษฐกิจได้ไง”
ในจังหวะที่เครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจอาการหนักเกือบทุกตัว ที่พอขับเคลื่อนไปได้อย่างภาคการท่องเที่ยวก็เสี่ยงสะดุดอีก การ
ลงทุนภาครัฐจึงเป็นเครื่องยนต์หลักที่ “บิ๊กตู่” หวังช่วยฉุดเศรษฐกิจให้เคลื่อนไปได้
เช่นเดียวกับการหวังพึ่ง ผู้ขับเคลื่อนหลักอย่าง “คุณชายอุ๋ย”
ถึงได้เครดิตจากผู้นำเลือกใช้บริการ แต่หากกัปตันเศรษฐกิจขับเคลื่อนไม่ไหว ทำเครื่องสะดุดบ่อยๆ
ก็อาจกระทบกับ “ตั๋วยาว” ที่ถือไว้ในมือ.
ทีมข่าวการเมือง
ooo
ปัจจัยภายนอก แซะความมั่นคงรัฐบาล
ภาพจาก ไทยรัฐ |
ที่มาเรื่อง โลกวันนี้
On July 10, 2015
อยู่ๆก็มีข่าวใหญ่ทะลุกลางปล้อง เมื่อปรากฏภาพข่าวชาวตุรกีจำนวนหนึ่งบุกเข้าทุบทำลายสถานกงสุลไทยในเมืองอิสตันบูล เนื่องจากไม่พอใจที่ไทยส่งตัวผู้ลี้ภัยอุยกูร์กลับประเทศจีน
ต้องจับตาดูว่ากรณีนี้จะบานปลายไปแค่ไหน อย่างไร แต่ที่แน่ๆหลังเกิดเหตุมีการประกาศเตือนคนไทยที่ไปเที่ยวหรืออยู่อาศัยในตุรกีอย่าแสดงตนว่าเป็นคนไทย เพราะจะเป็นอันตราย และมีการเพิ่มกำลังรักษาความปลอดภัยทั้งสถานทูตไทยในตุรกี สถานทูตตุรกีและสถานทูตจีนในไทย
นอกจากนี้สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยสหประชาชาติยังออกแถลงการณ์ตำหนิการทำงานของไทย โดยชี้ชัดว่าเป็นการกระทำที่ละเมิดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ
เรื่องเกี่ยวกับจีนที่จะส่งผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมกับไทยยังมีประเด็นทางเศรษฐกิจที่คนในทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลยอมรับว่าการถดถอยของเศรษฐกิจจีนจะกระทบต่อเศรษฐกิจไทยมากกว่าเรื่องปัญหาหนี้สินของประเทศกรีซ
ในยามที่ไทยมีปัญหากับยุโรป สหรัฐ จีนถือเป็นขอนไม้ใหญ่ท่อนสุดท้ายที่ลอยมาให้ไทยเกาะ ถ้าจีนมีปัญหาย่อมกระทบกับไทยแน่นอน
ปัญหาเรื่องเศรษฐกิจไม่ใช่ปัญหาเล็กๆอย่างที่รัฐบาลพยายามบอกกับคนไทย
สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรมได้ขึ้น “ไฟเหลือง” ระบบเตือนภัยเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เผยแพร่ในเว็บไซต์สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม http://www.oie.go.th โดยระบุว่าเป็นการคาดการณ์เดือนมิถุนายน-สิงหาคม 2558 ซึ่งถือได้ว่าเป็นการเตือนภัยระยะต้นจากระบบเตือนภัย
ทั้งนี้ เนื่องจากดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจของไทย (BSI) ส่งสัญญาณชะลอลงตามความเชื่อมั่นที่ปรับลดลงในเกือบทุกองค์ประกอบ โดยเฉพาะด้านการผลิต และผลประกอบการ รวมถึงปัจจัยอื่นๆ และปัจจัยเศรษฐกิจต่างประเทศประกอบกัน
ขณะที่เว็บไซต์ศูนย์สารสนเทศยานยนต์ http://data.thaiauto.or.th ของสถาบันยานยนต์ ได้แจ้งเตือน “ไฟแดง” ของระบบสัญญาณเตือนภัยภาคอุตสาหกรรมยานยนต์เดือนสิงหาคม 2558 มีข้อความกำกับว่า “ระบบเตือนภัยส่งสัญญาณเตือนไม่ปรกติในระยะรุนแรง” ทั้งนี้ เป็นผลมาจากยอดขายรถในประเทศติดลบอย่างต่อเนื่องและไม่มีแนวโน้มจะดีขึ้น
ล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ออกอาการหงุดหงิดกับการเบิกจ่ายงบประมาณล่าช้าของหน่วยงานต่างๆ ทั้งที่จำเป็นต้องกระตุ้นเศรษฐกิจ
เสาหลักเศรษฐกิจ 4 ต้น ทั้งการส่งออก การบริโภคในประเทศ การลงทุน และการใช้จ่ายภาครัฐ ที่ทรุดลงพร้อมกันยังไม่มีทีท่าจะดีขึ้น หากจีนมีปัญหาเศรษฐกิจถดถอย ฟองสบู่ในตลาดหุ้นแตก ไทยจะยิ่งไม่มีที่พึ่งพิง
ยิ่งถ้ามีมิติด้านความมั่นคงจากการดำเนินนโยบายต่างประเทศผิดพลาดผสมโรงจะยิ่งไปกันใหญ่
อำนาจในมืออาจคุมสถานการณ์ในประเทศไทยได้ แต่ผลกระทบจากภายนอกต้องใช้ฝีมือล้วนๆในการแก้ปัญหา
ความมั่นคงของรัฐบาลทหาร คสช. ไม่ได้เกิดจากการเคลื่อนไหวต่อต้าน ประเด็นหลักอยู่ที่เศรษฐกิจที่กำลังวิกฤตหนักขึ้นเรื่อยๆ