กลายเป็นประเด็นร้อนละเนี่ย เรื่องให้บิ๊กตู่อยู่ต่ออีกซักสองปี
ทั่นผู้ณรรมทำอ้ำอึ้งบอก “ผมไม่อยากอยู่ต่อ” แต่ “ถ้าให้ผมทำ” ก็ต้อง “ไปสร้างความเข้าใจกับประชาชน กับต่างประเทศ...” โน่นแน่ะ
แถมย้ำว่าต้องให้ประชาชนเรียกร้อง ไม่ใช่จาก สนช. ทั้งที่ตัวหัวจ่าสภานิติบัญญัติอุตส่าห์โยนหินถามทางไว้แล้ว
“เรื่องที่มีการเสนอในที่ประชุมแม่น้ำ ๓ สาย ให้มีการทำประชามติเพื่อปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง โดยมีระยะเวลา ๒ ปี ซึ่งถ้ามีการทำประชามติจริง และประชามติผ่าน ก็เท่ากับว่ารัฐบาลชุดนี้จะอยู่บริหารประเทศอีก ๒ ปี...”
(http://www.innnews.co.th/shownews/show?newscode=622804)
ไพบูลย์ นิติตะวัน เพิ่งมาเปลี่ยนใจปฏิเสธภายหลังว่าข้อเสนอปฏิรูปก่อนเลือกตั้งนั่นไม่เกี่ยวกับการให้หัวหน้า คสช. นั่งนายกฯ ต่อ ทั้งที่รับลูกกันเป็นกะพรวนกับพระสุวิทย์นักปิดแจ้งวัฒนะ ที่ชงเรื่องไปยังกรรมาฯ ร่าง รธน. ว่า
“คัดค้านการถอนร่างสมัชชาพลเมืองแห่งชาติและสมัชชาคุณธรรมแห่งชาติออกจากร่างรัฐธรรมนูญ และเสนอให้มีการปฏิรูปเสร็จสิ้นก่อนให้มีการจัดการเลือกตั้ง...
โดยจะรวบรวมรายชื่อ ๕ หมื่นรายชื่อให้ได้ก่อนวันที่ ๑๐ มิถุนายนนี้เพื่อสนับสนุนให้เกิดการแก้รัฐธรรมนูญและทำประชามติ เพื่อให้เกิดปฏิรูปให้จบแล้วมีการ...ไม่เช่นนั้นปัญหาต่างๆที่ค้างอยู่ก็จบไม่เสร็จสิ้น
หากรัฐบาลคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้อยู่ได้นาน สัก ๑-๒ ปี เชื่อว่าปัญหาที่เกิดขึ้นจะถูกแก้ไขไปได้”
(http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1433474279)
นี่ก็อีกแหละ ฉายหนังซ้ำตามถนัด ไม่แน่ใจเจ้าอาศรมอ้อน้อยพูดถึงปัญหาไร ในเมื่อปัญหาที่เกิดอยู่บัดนี้ ที่เป็นมาแรมปีหลังจากการปิดแจ้งวัฒนะของท่านสำเร็จผลให้พี่ๆ บูรพาพยัคฆ์เถลิงอำนาจนั้นน่ะ มันอยู่ที่
หนึ่ง กีดกั้นและกดขี่ต่อการแสดงออกทางความคิดอย่างเสรี กรณีล่าสุด ทางการตำรวจเข้าไปสั่งปิดรายการแถลงรายงานสิทธิมนุษยชนหลังรัฐประหารหนึ่งปี ที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศ
สอง ขาดทักษะทางการบริหารเศรษฐกิจการค้า ยังหาเงินไม่ค่อยได้ แต่จับจ่ายมือเติบ กรณีล่าสุด เรื่องทักษะภาพมันฟ้อง เมื่อทั่นรองฯ นั่งหลับขณะทั่นผู้ณรรมกำลังจ้อ (มีคนทักว่าเดี๋ยวก็โดน ปตอ. อย่างเกาหลีเหนือ)
ส่วนเรื่องจับจ่าย พี่ป้อม ณ กลาโหมเพิ่งอนุมัติเพิ่มเงินเดือนข้าราชการตำรวจเป็นสองเท่าทวีคูณช่วงใช้กฏอัยการศึก เช่นเดียวกับที่เพิ่มให้ข้าราชการทหารไปแล้ว
(http://www.lokwannee.com/web2013/?p=149938)
สาม มาตรฐานการจับฉ้อราษฎร์บังหลวงสูงมากหากเป็นพวกเดียวกัน กรณีล่าสุด ปปช. ไม่รับคำร้องคดีการจัดจ้างจัดทำสติ๊กเกอร์ ‘ไลน์’ ค่านิยม ๑๒ ประการ ราคา ๗ ล้านบาท อ้างว่าราคานี้ไม่แพง และเป็นการจัดซื้อ ‘วิธีพิเศษ’ ยังไงก้ไม่ผิด
(http://thaipublica.org/2015/06/nacc_10/)
สี่ มดเท็จต่อสื่อและรัฐบาลต่างประเทศเรื่องสิทธิมนุษยชนในประเทศ ที่ว่ามีประชาธิปไตย ๙๙.๙๙ เปอร์เซ็นต์ไม่เคยเป็นความจริง หากเกิดจากความเห็นต่าง วิพากษ์วิจารณ์และต่อต้านเผด็จการ
กรณีล่าสุด นักศึกษาที่จัดกิจกรรมหนึ่งปีรัฐประหารหน้าหอศิลป์ปทุมวันแล้วถูกทหารนอกเครื่องแบบทำร้ายและควบคุมตัว ท้ายสุดยินยอมปล่อยตัวโดยไม่มีเงื่อนไขออกมาแล้ว ขณะนี้กลับถูกหมายเรียกไปรับฟังข้อหา
(http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php…)
บ้างถูกตามรังควาญ ดังที่ ดร. พิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์ โพสต์ไว้บนเฟชบุ๊ค
“เป็นไปตามคาด ยอมปล่อยตัวทั้งหมดในเช้าวันนั้น ก็เพื่อมาตามสอยทีละคน คุกคามเรียงตัวถึงนศ. ถึงครอบครัว แต่ยิ่งทำคนก็ยิ่งเกลียด ยิ่งเข้ารกเข้าพง ยิ่งเผยธาตุแท้ของคนที่สั่งให้ทำ”
นี่จากนักศึกษาคนหนึ่ง Pakinai Chomsinsubmun
“ผมขอแจ้งสถานการณ์ของผมตอนนี้ให้ทุกคนรับรู้นะครับ (ถ้าแชร์ได้ช่วยแชร์สเตตัสนี้เลย)...เมื่อวานกับวันนี้ มี ตร. ชุดหนึ่งตามไปข่มขู่กดดันถึงที่บ้าน...ไม่มีหมาย ไม่มีการแจ้งข้อหาอะไร แต่มันไปก็ถ่ายรูปๆๆๆๆๆๆๆๆๆ แสดงตัวอย่างชัดเจนเพื่อข่มขู่และกดดัน
ตรงนี้ต้องบอกให้ทุกคนรู้เอาไว้ว่าผมกำลังโดนตามข่มขู่คุกคามจากอำนาจรัฐเผด็จการทหาร...ถ้าใครเจอสเตตัสนี้ให้เก็บเอาไว้เป็นข้อมูลนะครับ...ถ้าเกิดอะไรขึ้นอีก ผมจะเข้ามาแจ้งอีกที”
นี่หมาดๆ จากโพสต์ของ ‘ธรรมศาสตร์เสรี.ปชต @LLTD_TU’
“๔ ผู้ต้องหาพลเมืองโต้กลับ ถูกนำตัวไปฝากขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ รอฟังคำประกันตัวคืนนี้”
แต่กับพวกเป่านกหวีด-ปิดกรุงเทพฯ ที่ไปอาศัยผ้าเหลืองจัดชุมนุมเกิน ๕ คนบ่อยไปที่สวนโมกข์ ไม่เพียงลอยนวล เดี๋ยวนี้ชักเริ่มมีบทบาทท่าทีโดดเด่นอีก
วันก่อนเปรยว่าจะสึกเพื่อไปทำงานภาคประชาชน ไม่เอาพรรคการเมือง วันนี้บอกใหม่ว่ามีสถานการณ์บ้านเมือง จะต้องเข้าไปช่วยซะแล้ว
ที่มา ประชาไท
5 มิ.ย. 2558 สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยออกแถลงการณ์ค้านนายกรัฐมนตรี “อยู่ต่อ” อย่าเดินรอยตาม “เสียสัตย์เพื่อชาติ” เดี๋ยวจบไม่สวย โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
แถลงการณ์
5 มิ.ย. 2558 สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยออกแถลงการณ์ค้านนายกรัฐมนตรี “อยู่ต่อ” อย่าเดินรอยตาม “เสียสัตย์เพื่อชาติ” เดี๋ยวจบไม่สวย โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
แถลงการณ์
สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย
ค้านนายกรัฐมนตรี “อยู่ต่อ” อย่าเดินรอยตาม “เสียสัตย์เพื่อชาติ” เดี๋ยวจบไม่สวย
ตามที่นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนที่ทำเนียบรัฐบาลว่า “ถ้าทุกคนอยากให้ผมอยู่ ผมก็อยู่” โดยแสดงเจตนารมณ์ที่จะอยู่ในอำนาจที่ได้มาโดยไม่ชอบธรรมต่อไปอีก 2 ปีนั้น ถือว่าเป็นการตระบัดสัตย์โดยชัดแจ้ง เพราะก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2557 เคยให้สัมภาษณ์ชัดเจนว่า “ไม่อยู่ ไม่มีคำว่าถ้า” แต่เมื่อเวลาผ่านไปความหอมหวนแห่งอำนาจ กลับทำให้คนๆเดียวกันสามารถเปลี่ยนแนวความคิดเพียงแค่ระยะเวลาไม่นาน
ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีอย่าได้เหลิงไปกับกลุ่มพวกเชลียร์ต่าง ๆ ในแม่น้ำ 5 สายที่ชอบหยอดคำหวานอาบยาพิษ เพียงเพื่อให้ตนเองจะได้เกาะพ่วงอยู่ในอำนาจโดยไม่ชอบธรรม ไม่เป็นไปตามหลักประชาธิปไตย และขัดต่อรัฐธรรมนูญต่อไปเท่านั้น ซึ่งการกระทำดังกล่าวย่อมไม่เป็นที่ยอมรับของสังคมโลก และอาจจะนำไปสู่การบั่นทองทางเศรษฐกิจ การค้า การลงทุนของชาติได้
ประวัติศาสตร์ชาติไทยเพียง 20 กว่าปีที่ผ่านมานายกรัฐมนตรีไม่ควรลืมเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ที่ทำให้คนไทยต้องสูญเสียเลือดเนื้อและน้ำตามาแล้วกับกรณี “การเสียสัตย์เพื่อชาติ” เพราะหลงในคำเยินยอจนลืมหลักการของชายชาติทหาร และอย่าเพ้อไปว่าตลอดระยะเวลากว่า 1 ปีที่ผ่านมานายกรัฐมนตรีและพวกจะบริหารราชการแผ่นดินจนประสบผลสำเร็จไม่ เพราะประชาชนคนที่ทุกข์ยาก คนที่ถูกรังแก คนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมทั่วทั้งแผ่นดิน ข้าวยังยาก หมากยังแพง น้ำมันยังสูงกว่าตลาดโลก ต้นยางพาราของคนจนยังถูกไล่ตัดฟัน ยางพารา-ปาล์มยังถูก น้ำเน่าเสียที่ลำโดมอุบลฯ ภูเขาหัวโล้นเพราะปลูกข้าวโพดส่งให้นายทุนขุนศึกไม่แก้ไข ฯลฯ ปัญหาเหล่านี้คงไม่มีลิ่วล้อคอยชงให้รับรู้ จึงทำให้ท่านนายกรัฐมนตรีกล้าที่จะพูดว่า“ถ้าทุกคนอยากให้ผมอยู่ ผมก็อยู่” ซึ่งสมาคมฯขอเป็นคนหนึ่งที่คัดค้าน “ไม่ขอให้ท่านอยู่ต่อ” เพราะอยากให้ท่านนายกฯลงจากอำนาจ ลงจากหลังเสือ ตามโรดแมปอย่างสง่างามเท่านั้น
ประกาศมา ณ วันที่ 5 มิถุนายน พ.ศ.2558
นายศรีสุวรรณ จรรยา
เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย