วันอังคาร, มิถุนายน 09, 2558

สะท้อนใจภรรยา 'ใหญ่ แดงเดือด' นักโทษ ๑๑๒ ที่คลองเปรม

เมื่อวันที่ ๑๘ ธันวาคม ๒๕๕๗ เจ้าหน้าที่ทั้งทหารและตำรวจจำนวนหลายสิบคนได้ไปจับกุมนายเธียรสุธรรม  สุทธิจิตต์เศรณี นักธุรกิจวัย ๕๘ ปี และภรรยาถึงบ้านพัก ในข้อหากระทำความผิดตามประมวลกฏหมายอาญา มาตรา ๑๑๒ และพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ โดยนำตัวบุคคลทั้งสองไปทำการสอบสวนภายในกองบังคับการทหารราบ มลฑลทหารบกที่ ๑๑ จากนั้นปล่อยตัวผู้เป็นภรรยา แต่ควบคุมตัวนายเธียรสุธรรมไว้อีก ๘๔ วัน โดยภรรยาพยายามยื่นประกันขอปล่อยตัวชั่วคราวถึงสี่ครั้งไม่เป็นผล จนกระทั่งวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๘ ศาลพิพากษาความผิดฐานนำลงข้อความบนหน้าเฟชบุ๊คในนาม ใหญ่ แดงเดือด ๕ ครั้ง ให้จำคุกทั้งสิ้นรวม ๕๐ ปี แต่เนื่องจากจำเลยรับสารภาพทั้งหมดแต่แรก ให้ลดโทษกึ่งหนึ่งเหลือ ๒๕ ปี
                                                                      
ทั้งนี้ ความผิดทั้ง ๕ ข้อหา ตามที่บันทึกไว้โดย Freedom.ILaw (http://freedom.ilaw.or.th/th/case/649#detail) ได้แก่ ๑. วิพากษ์วิจารณ์ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ๒. ใส่ความว่ามีการบรรจุยาเสพติดให้โทษในนมถั่วเหลืองชนิดหนึ่ง ๓. โจมตีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยพาดพิงถึงพระมหากษัตริย์ ๔. บรรยายภาพดอกฝิ่นว่ามีตระกูลคนรวยเกี่ยวข้องยาเสพติด และ ๕. เขียนชื่อบุคคลชื่อหนึ่งซึ่งศาลตีความว่าอาจหมายถึงพระมหากษัตริย์

คดีใหญ่ แดงเดือดนี้เป็นที่กล่าวถึงอย่างกว้างขวางไปทั่วโลก เนื่องจากเป็นการลงโทษในความผิดฐานหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ที่รุนแรงมากอย่างเหลือเชื่อ แม้ในมาตรฐานการลงโทษของศาลไทยที่นานาชาติเอ่ยถึงว่ามีลักษณะ ‘Draconian’ อยู่แล้ว ก็ยังปรากฏว่ารุนแรงเกินไป ดังที่หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ประชาไท ให้รายละเอียดอ้างอิงว่า

นับเป็นคดีที่มีโทษจำคุกสูงที่สุดในประวัติศาสตร์คดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ แซงหน้าคดีอดีตหัวหน้าสำนักงานฝ่ายเสนาธิการในพระองค์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมารที่จำคุก ๓๔ ปี (ไม่ทราบรายละเอียด) และคดีหนุ่มนักดนตรีที่อุบลราชธานี จำคุก ๓๐ ปี (รับสารภาพเหลือโทษ ๑๓ ปี ๒๔ เดือน)”


ดูรายละเอียดเกี่ยวกับคดี ใหญ่ แดงเดือด เพิ่มเติมได้ที่





โดยที่ในบทความของประชาไทเป็นการสัมภาษณ์ภรรยาของใหญ่ แดงเดือด ถึงเบื้องหลังและความเป็นมาในการจับกุม อย่างค่อนข้างละเอียด โดยเฉพาะลึกซึ้งในผลกระทบทางภาวะจิตใจพร้อมทั้งชีวิตความเป็นอยู่ของครอบครัว

ไทยอีนิวส์ขอคัดเอามาเผยแพร่ต่อเพียงบางส่วน เป็นอุทธาหรณ์ไว้ว่า อันวิธีการลงทัณฑ์อย่างสุดโต่งโดยตีความตัวบทกฏหมายอย่างเข้มงวด เอาเป็นเอาตายยิ่งไปกว่าคนึงในหลักการแห่งสิทธิมนุษยชน ความเป็นคนถึงจะก่อผลในการทำให้ผู้ต้องโทษปวดร้าวชอกช้ำ แต่อาจไม่เกิดการหลาบจำ หรือทำให้คนอื่นๆ หวาดกลัวบ้าง มากไปกว่าความเจ็บแค้นต่อวิธีการลงโทษลงทัณฑ์เช่นนั้น

ดังคำของ ไก่ ภรรยาของใหญ่ แดงเดือด ที่กล่าวกับประชาไทในตอนหนึ่งว่า

มันแค้นแต่ไม่รู้จะทำยังไง อยากจะถามว่าเขาทำอะไรผิดขนาดนั้น ฆ่าคนตายยังเห็นประกันตัวออกมากันได้ นี่แค่ความคิดไม่เหมือนกันทำไมต้องทำกันขนาดนี้ มันแค่เรื่องทางสมอง ทำไมต้องทำกับเขาขนาดนี้”

๓. ผลกระทบ
เขาอยู่ยังทำอะไรได้ตั้งเยอะ อย่างไก่ครอบครัวไม่สมบูรณ์ ไก่เรียนมาน้อย แต่พี่ใหญ่จะเก่งเรื่องวิชาการ มันจะเป็นประโยชน์กับลูกทั้งสองของไก่ มีคนชี้แนะเขาก็จะไปได้ไกล เรื่องเรียนไก่ไม่รู้เรื่องเลย แต่ค้าขายมาเถอะได้ทุกอย่าง พี่ใหญ่ช่วยสอนสปีคอิงลิช สอนอะไรหลายๆ อย่าง ไม่ต้องไปเสียเงินเรียนพิเศษ ตอนนี้ไม่มีพี่ใหญ่ เราไม่มีเงินให้ลูกเรียนพิเศษ และเราก็ไม่มีสิ่งนี้ให้ลูกด้วย มันจบหมด
ความสัมพันธ์พี่ใหญ่กับลูกเหรอ เราถามน้องฟิล์มว่าเพิ่งเจอพี่ใหญ่ไม่นาน ทำไมถึงร้องไห้ ทำไมถึงรักพี่ใหญ่ขนาดนี้ เขาบอกว่าแม่ไม่เข้าใจหรอก แม่เข้าใจคำว่าครอบครัวไหม มันคงเป็นส่วนที่เขาขาดมาตลอด ฟิล์มเพิ่งเคยมีพ่อตอนที่เจอพี่ใหญ่นี้ล่ะ เขาจะดูบอลด้วยกัน ดูนั่นดูนี่ มีกิจกรรมด้วยกัน ถามว่าพี่ใหญ่เป็นอะไรที่เราเลือกใช่ไหม ตอบเลยว่าไม่ ลูกเราเป็นคนเลือก เราพาเขาไปเจอน้องฟิล์มกับน้องหนึ่งก่อนเลย ลูกยอมรับเขาก่อน เราก็มาศึกษากันทีหลัง
"ลูกๆ เมื่อก่อนไม่ได้สนใจการเมือง เราก็ไม่ได้ยัดเยียดอะไร แต่ตอนนี้คำถามเขาเต็มไปหมด เขามีความคิดมากกว่าเราอีก เขาบอกว่าเฟซบุ๊กเป็นของต่างประเทศ จับพ่อได้ยังไง แลวพ่อก็ไม่ได้ฆ่าคนตาย ตัดสินพ่อแรงเกินไปนะ กลายเป็นเขาไปศึกษาว่าทำไมพ่อโดนขนาดนี้ ตอนนี้ลูกฝักใฝ่หาอ่านอะไรทุกวันแล้ว มันเกิดจากความสูญเสีย เจ็บปวด แล้วคงสร้างพลังแค้น เราก็กังวล ไม่อยากให้ลูกคิดอย่างนั้น บอกแต่ว่าให้ตั้งใจเรียนนะ อย่าไปยุ่งกับการเมือง แม่ไม่มีใครแล้ว
ไก่โชคดีที่บ้านพ่อกับแม่ดูแลดีมาก คราวที่แล้วแม่ซื้อขนม ซื้อข้าวเหนียวทุเรียนมาให้ อยู่ในบ้านของแม่จะมีอาหารการกินพร้อมมาก แกสงสารหลาน แกอยากให้ไก่กับลูกเข้าไปนอนในบ้านแก เรารู้ว่ามันสบายจริง แต่เวลาเราเศร้าใจเราก็ไม่อยากให้ใครเห็น เคยแล้วตอนนั่งกินอาหารที่บ้านแม่ อยู่ดีๆ น้ำตาร่วงเพราะเราเห็นของที่เขากิน แม่เดินหนีเลย เดินหันหลังเลยแล้วบอกว่าอย่าทำอย่างนี้” 
ที่บ้านไก่เข้าใจหมด แม่บอกเลยนะ ถ้าออกมาต่อให้ไม่มีงานทำก็จะเลี้ยงกันไปนี่แหละ เราไม่ได้คิดอะไรมากเลย เราอยากให้แกออกมา อย่างน้อยก็ขอให้ได้มาเป็นปู่เป็นตาของหลานๆ
บางคนบอกจะบ่นทำไมมันก็ลำบากกันทุกคนแหละ ใช่ มันลำบากแต่มันไม่เหมือนกันทุกคนหรอก เพราะเราไม่รู้ว่าความรับผิดชอบของแต่ละคนเป็นยังไง อย่างอยู่ๆ เราเป็นแม่บ้านอยู่ดีๆ แล้วเราก็มาเป็นหัวหน้าครอบครัวโดยอัตโนมัติ มันเหนื่อยนะ จากพี่ใหญ่เลี้ยงดูเราเราต้องมาเลี้ยงดูพี่ใหญ่อัตโนมัติ
พี่ใหญ่ก็ไม่เหลืออะไรแล้วตอนนี้ แต่เราก็บอกเขาว่า เราเลี้ยงนายเอง เรากลับมาทำงานค้าขายเหมือนเดิมแล้ว
ครอบครัวเก่าทุกคนเลือกที่จะตัดแกไปเลย ลูกแกแกส่งเรียนจบต่างประเทศ ก่อนโดนจับเพิ่งไปรับมาจากสนามบิน พอโดนจับแกก็โทรบอกลูกแต่ลูกเลือกที่จะบินกลับ เขาโกรธที่พ่อเลิกกับแม่เขาด้วย แต่เขาเลิกกันนานแล้ว ผู้ใหญ่มีปัญหากัน แต่พี่ใหญ่ก็ยังทำหน้าที่พ่ออย่างเต็มที่ พยายามหาให้ทุกอย่างที่ต้องการ ตอนเขามาเจอไก่เขาไม่มีอะไรแล้วนะ มีหมาบีเกิลอยู่ตัวหนึ่ง
ตอนนี้คนจีบไก่เยอะแยะ แต่ไก่ทิ้งไม่ลง ยังไงก็ต้องดูแลแก อุดมการณ์มันทำให้ทิ้งกันไม่ได้ บอกเขาแล้วว่าจะไม่ทิ้ง ถ้าจะไม่มีไก่ก็คือไก่ต้องตายไปจากโลกนี้ แต่ถ้าจะเลิกก็ต้องรอวันที่เขาออกมา จะเลิกก็ต้องเลิกตอนที่เขาไม่ใช่แบบนี้ ทิ้งเขาไม่ได้หรอก (ร้องไห้) ไก่บอกว่าไก่จะเป็นคนมารับเขาออกจากที่นี่ เขาไม่ได้ฆ่าคนตาย เขาไม่ได้ขายยาบ้า โทษที่เห็นมันโหดร้ายมากเลย เราจะดูแลเขาให้ดีที่สุด จะรอวันที่เขาออกมา ไม่รู้ว่าจะนานแค่ไหน
๔. สภาพในเรือนจำ
ตอนนี้ยังไม่ได้ขอพระราชทานอภัยโทษ ให้แกเลื่อนเป็นนักโทษชั้นดีก่อน ตอนนี้เป็นนักโทษชั้นกลาง ตอนนี้พี่ใหญ่กำลังเป็นครูสอนภาษาอังกฤษข้างใน เจ้าหน้าที่เขาเห็นว่ามีความรู้ทั้งภาษาอังกฤษและคอมพิวเตอร์ ตรงนี้คงจะช่วยเหลือให้พี่ใหญ่ได้เลื่อนชั้นเร็วขึ้น"
การไปเยี่ยมในเรือนจำคลองเปรมเหรอ ไม่อยากจะพูดแต่ก็ต้องพูดว่าเป็นอะไรที่แย่มาก ไม่ชอบเลยขั้นตอนการตรวจเนี่ย ใช้เครื่องมืออะไรตรวจได้ไหม ทำไมต้องเอามือมาลูบ (ทำท่าเอามือลูบหน้าอกลูบก้น)  เจ้าหน้าที่ผู้หญิงแต่เราก็ไม่ชอบ จับหมดทุกสิ่ง เหรียญบาทก็ไม่ได้ สมุดก็ไม่ได้ ต้องฉีกกระดาษแค่ใบเดียว

แล้วเยี่ยมอาทิตย์ละวันก็น้อยไป หรือถ้าจะกำหนดอย่างนั้นก็ไม่น่าจะกำหนดวันเรา ให้เป็นวันไหนก็ได้เพราะบางทีวันหยุดนักขัตฤกษ์เจอไปสองจันทร์ติดกันเหมือนช่วงสงกรานต์ก็ซวยเลย ไม่ได้เยี่ยม ด้วยสุขภาพแกด้วย อายุเยอะแล้ว เราก็เป็นห่วง
ที่นี่ให้เยี่ยม ๓๐ นาที แต่มันไม่ได้เหมือนเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ที่เป็นส่วนตัวหน่อย นี่มันเหมือนเล่นแย่งอะไรกันซักอย่าง พอเข้าไปเขาจะปล่อยญาติเป็นร้อยสองร้อยคน แล้วเวลาเจอญาติมันก็มีกระจกกั้นทั้งสองด้าน ห่างกันซัก ๕ เมตร คุยผ่านโทรศัพท์ ซึ่งมันมองหน้ากันไม่เห็นเลย แสงมันสะท้อน ต้องคอยชะโงกทางนั้นทีทางนี้ที
การเข้าไปมันเหมือนกับเราไปสวนสัตว์ มันมีความรู้สึกว่าวันนี้อีหลินหุ้ยมันจะกลับเมืองจีนแล้ว อะไรแบบนั้น เราผ่านด่านตรวจหลายด่าน แล้วก็ต้องเดินซิกแซกๆ เหมือนเล่นเกม พอเข้าไปก็มีเจ้าหน้าที่ตรวจอีก เสร็จปุ๊บก็เดินแยกซ้าย แยกขวา แล้วก็เหมือนเล่นเก้าอี้ดนตรี ถ้าพี่ใหญ่ออกมาก่อนก็รีบนั่งตุ๊บ รอเรา เราก็ต้องรีบวิ่งหา ถ้าเราเดินแล้วไม่เจอ เราก็จะแยกกันให้น้องอีกคนนั่งยึดเก้าอี้ไว้ ส่วนเราเดินดู แถวยาวๆ นั่น ดูว่ามีพี่ใหญ่ไหม
สภาพจิตใจพี่ใหญ่ดีขึ้น แต่ถามลึกๆ ในใจก็ยังแย่อยู่ พูดอะไรมากไม่ได้ คดีแบบ ๑๑๒ มีทั้งคนรักและคนเกลียด อยู่ที่นู่น (ในเรือนจำ) เวลาใครถามแกบอกว่าผิด พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์
เวลาไปเยี่ยม เขาบอก แม่ไก่ แม่ไก่รู้ไหม เมื่อก่อนเขารักวันจันทร์มากเลย เพราะแม่ไก่มาเยี่ยมวันจันทร์ แต่ตอนนี้เรารักวันศุกร์มากเลย’ (เพราะย้ายแดนแล้ววันเยี่ยมถูกเปลี่ยนเป็นวันศุกร์) แล้วเขาก็ร้องไห้ เราก็ถามเขาว่าร้องทำไม เขาก็บอกว่าเพราะเขาคิดถึงแม่ไก่มากๆ แม่ไก่จำได้ไหม แม่ไก่ตื่นนอนมาเราต้องหอมแม่ไก่ทุกครั้ง เราดูแลแม่ไก่
 “พยายามทำให้ชีวิตมันสนุกเข้าไว้ เล่นเฟซก็ช่วยได้นะ การที่เราจะไประบายให้พ่อแม่เราเครียดน่ะ เราก็มาระบายให้กลุ่มเพื่อนเราดีกว่า อย่างน้อยก็จะมีคำว่าสู้ๆ ถึงมันจะไม่ได้เป็นคำที่ยิ่งใหญ่อะไร แต่อย่างน้อยมันก็เป็นความรู้สึกที่ดี
ที่ผ่านมาตั้งแต่วันที่ ๑๘ ธันวา (วันจับกุม) ไม่มีวันไหนไม่ร้องไห้เลย ไม่มี แต่น้ำตาที่ไหลมามันจะต่างกันไป แรกๆ จะสะอื้น แต่เดี๋ยวนี้กลายเป็นว่าไหลออกมานิ่งๆ

 “ห้าเดือนที่ผ่านมา ไม่เคยมีวันไหนที่เขาให้เยี่ยมแล้วไก่ไม่ไป ถามว่ามีความหวังไหม ก็มีเล็กๆ ถ้าเขามีปล่อยออกมาคงมีความสุขที่สุด อยากเห็นทุกๆ คนได้ด้วย มันเจ็บปวดนะอยู่ตรงนี้