 |
| ภาพจากเพจ เสรีไทย ปราบกบฏ 2014 |
พรเพ็ญกล่าวว่า การเข้าพบครั้งนี้ต้องการทราบความชัดเจนของการควบคุมตัวว่าอยู่ที่ใด และหากเป็นไปตามการแถลงข่าวจับกุมนายยงยุทธตามหมายจับเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ควรให้สิทธิของผู้ต้องหาในการพบทนายความ แต่เมื่อไม่ได้รับข้อมูลใดนอกจากเอกสารที่ระบุว่าเขาสมัครใจขออยู่ในความดูแลของเจ้าหน้าที่ต่อไป ก็ทำให้ยังมีความห่วงกังวลเรื่องสวัสดิภาพของเขาอยู่
ทั้งนี้ เรื่องสิทธิของผู้ต้องหาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 7/1 ระบุว่าผู้ถูกจับหรือผู้ต้องหาที่ถูก ควบคุมหรือขัง มีสิทธิแจ้งหรือขอให้เจ้าพนักงานแจ้งให้ญาติหรือผู้ซึ่งผู้ถูกจับหรือผู้ต้องหาไว้วางใจทราบถึงการถูกจับกุม และสถานที่ที่ถูกควบคุมในโอกาสแรก และให้ผู้ถูกจับหรือผู้ต้องหามีสิทธิดังต่อไปนี้ด้วย (1) พบและปรึกษาผู้ที่จะเป็น ทนายความเป็นการเฉพาะตัว (2) ให้ทนายความหรือผู้ซึ่งตนไว้วางใจเข้าฟัง การสอบปากคำตนได้ ในชั้นสอบสวน (3) ได้รับ การเยี่ยมหรือติดต่อกับญาติได้ตามสมควร (4) ได้รับการรักษาพยาบาลโดยเร็วเมื่อเกิดการเจ็บป่วย และให้พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจซึ่งรับมอบตัวผู้ถูกจับหรือผู้ต้องหามีหน้าที่แจ้งให้ผู้ถูกจับหรือผู้ต้องหานั้นทราบในโอกาสแรกถึงสิทธิดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้มีการส่งต่อข่าวในเฟซบุ๊กระบุว่า นายยงยุทธถูกตำรวจและทหารราว 40-50 นายเข้าจับกุมที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีผู้เห็นเหตุการณ์คือเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำสถานทูตอังกฤษ ต่อมาวันที่ 1 ส.ค.ตำรวจภูธรภาค 1 ได้แถลงข่าวการจับกุมนายยงยุทธตามหมายจับศาลจังหวัดนนทบุรี เลขที่299/2557 ลงวันที่ 18 ก.ค.57 โดยทหารควบคุมตัวได้ที่เชียงใหม่ก่อนส่งตัวให้ตำรวจ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รอง ผบ.ตร. ระบุว่าการจับกุมนี้เป็นการขยายผลในคดีอาวุธสงคราม และนายยุทธรับสารภาพว่าเป็นผู้ร่วมก่อเหตุยิงระเบิด M79 ใส่อาคารชินวัตร3, เวที กปปส.แจ้งวัฒนะ, ขว้างระเบิด RGD5 ใส่เวทีกปปส.ระยอง ธนาคารไทยพาณิชย์สาขาถนนเลียบคลอง2, ยิง M79 ใส่ห้างโลตัส สาขาสุวินทวงศ์และแจ้งวัฒนะ และเป็นผู้มีส่วนรู้เห็นในการยิง M79 ใส่สำนักงาน ป.ป.ช. เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน กระทำให้เกิดระเบิดจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่ทรัพย์ของผู้อื่น มีเครื่องกระสุนปืนซึ่งนายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย และมียุทธภัณฑ์ ประเภทวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่สามารถออกให้ได้ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า หากนับตั้งแต่มีข่าวการจับกุมตัวนายยงยุทธที่แพร่สะพัดในเฟซบุ๊ค ถือว่าเขาถูกควบคุมรวมทั้งสิ้น 12 วันแล้ว
เพื่อนผู้ใกล้ชิดนายยงยุทธให้ข้อมูลว่า นายยงยุทธเป็นชาวร้อยเอ็ด ทำงานก่อสร้างเช่นเดียวกับแม่และพ่อเลี้ยง เขามักไปชุมนุมกับกลุ่มคนเสื้อแดง อย่างน้อยตั้งแต่ปี 2553 เป็นต้นมา โดยมีเอกลักษณ์เป็นที่รู้จักของผู้ชุมนุมเนื่องจากมักจะใส่เสื้อกล้ามสีแดง กางเกงสีแดง และใส่วิกผมหยิกฟูสีแดง ต่อมายงยุทธได้รับจ้างทำงานก่อสร้างให้กับคนเสื้อแดงที่เขารู้จัก
เพื่อนเล่าด้วยว่า ยงยุทธไปชุมนุมบ่อยครั้งแต่ไม่ได้เป็นนการ์ด เป็นคนอารมณ์ดี ชอบดื่มเหล้า คนเสื้อแดงก็ชอบซื้อเหล้าให้ดื่มประจำ เมื่อดื่มเหล้าแล้วก็จะไม่ลุกไปไหนและเคยหลับอยู่จนยุติการชุมนุมก็มี
เมื่อวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา แม่ของยงยุทธได้พยายามติดตามหาลูกชาย โดยไปสอบถามที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และ สน.แห่งหนึ่ง จากนั้นจึงไปที่กองบังคับการปราบปราม โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจที่กองปราบแจ้งว่าหลังจากมีการแถลงข่าวการจับกุมแล้วทหารก็ได้นำตัวยงยุทธไปโดยไม่ทราบว่านำไปไว้ที่ใด
..
ข้อมูลเพิ่มเติมจาก
ยงยุทธ บุญดี หรือ "โย แดงชินจัง" ถูกจับกุมตัวเมื่อวันที่ 28 กรกกฎาคม 2557 ปัจจุบันเกินอำนาจการควบคุมตัวแล้วยังไม่ทราบว่าถูกควบคุมตัวอยู่ที่ใด ญาติยังไม่สามารถติดต่อได้
11 มิถุนายน 2557
ยงยุทธ บุญดี มีรายชื่อให้มารายงานตัวในคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ แต่ไม่ปรากฏข้อมูลว่ายงยุทธ บุญดี ได้เข้าไปรายงานตัวกับคณะรักษาความสงบแห่งชาติแต่อย่างใด
28 กรกฎาคม 2557
ข่าวจากเพจ "เสรีไทย ปราบกบฏ" รายงานว่า เวลาประมาณ 21.00 น. ยงยุทธ บุญดี ถูกตำรวจและทหารประมาณ 40 – 50 นาย จับกุมที่จังหวัดเชียงใหม่ ผู้พบเห็นเหตุการณ์คือ เจ้าหน้าที่่รักษาความปลอดภัยประจำสถานกงสุลอังกฤษ
1 สิงหาคม 2557
ตำรวจภูธรภาค 1 ได้แถลงข่าวการจับกุมยงยุทธ บุญดี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนนทบุรี ฐานร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น โดยไตร่ตรองไว้ก่อน กระทำให้เกิดระเบิด มีเครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด และยุทธภัณฑ์ ไว้ในครอบครอง ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจับกุมได้
ทางศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนได้ติดต่อไปที่เรือนจำกลางคลองเปรม, เรือนจำจังหวัดนนทบุรี, ตำรวจภูธรภาค 1 และกองปราบปราม แต่ไม่ปรากฏข้อมูลว่านายยงยุทธถูกควบคุมตัวอยู่สถานที่ใด และขณะนี้เขาถูกควบคุมตัวเป็นเวลา 12 วันแล้ว ซึ่งเกินอำนาจการควบคุมตัวตามกฎอัยการศึก 7 วัน และอำนาจการควบคุมตัวในชั้นตำรวจที่ต้องไม่เกิน 48 ชั่วโมง
11 June 2014
Yongyuth Boondee's name appeared on the NCPO summon order but there was no information whether he went to report or not.
28 July 2014
Facebook page "Seri Thai Prab Kabot" (Free Thai fight against the rebel) reported that Yongyuth was arrested by 40 - 50 police and military officers around 9 pm in Chiang Mai. The eyewitness who has seen his arrest was a security personal of the British Consulate.
1 August 2014
The Provincial Police Region 1 held a press conference, informed that Yongyuth was arrested under the warrant issued by the Nonthaburi Provincial Court for attempt to murder other person by premeditation, for made explosion and for the procession of lethal war weapons.
At the present
The Thai Lawyer for Human Rights contacted the Klong Prem Central Prison, the Provincial Police Region 1 and the Crime Suppression Division to inquire concerning Yongyuth's whereabout, however there were no information. Yongyuth had been held for 12 days which exceed than the period that was authorized by the Martial Law (7 days) and exceed than the period that the police can hold the person at the police station. (48 hour)
