ที่มา ประชาชาติธุรกิจ
สิ่งที่มาพร้อมๆ กับ ตำแหน่ง นายกรัฐมนตรีคนที่ 29 ของ "พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา" หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) คือความเสี่ยง
เพราะ นับจากนี้เป็นต้นไป ถ้า "พล.อ.ประยุทธ์" ทำผลงานได้ดีก็มีแค่เสมอตัว ไม่ถูกด่า แต่หากพลาดขึ้นมา ชีวิตของหัวหน้า คสช.ประหนึ่งยืนอยู่บนเส้นด้าย และเมื่อควบตำแหน่งนายกฯ ก็เท่ากับว่าขาก้าวพ้นปากเหวไปแล้วข้างหนึ่ง
เพียงแค่ พล.อ.ประยุทธ์ก้าวขึ้นนายกฯ ปัจจัยที่ท้าทายอำนาจผู้นำสูงสุดก็โผล่ขึ้นทันควัน เมื่อ สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย นำโดย "ศรีสุวรรณ จรรยา" เลขาธิการ ยื่นคำร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน เพื่อให้นำความเสนอศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย กรณี สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช.เป็นนายกฯ เนื่องจากจะถือว่าเป็นการกระทำที่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว พ.ศ. 2557 และประมวลจริยธรรมของนักการเมืองโดยชัดแจ้ง ประเด็นดังกล่าว
เป็นเรื่องของผลประโยชน์ทับซ้อน เนื่องจากตามรัฐธรรมนูญชั่วคราวระบุถึงขั้นตอนการปลดนายกฯ โดยจุดเริ่มต้นอยู่ที่ "หัวหน้า คสช." มีอำนาจเสนอความเห็นไปให้ประธาน สนช.บรรจุญัตติให้ สนช.โหวตปลดนายกฯ แต่ทว่าเมื่อหัวหน้าคสช.กับนายกฯเป็นคนเดียวกัน การปลดนายกฯย่อมไม่มีทางเป็นไปได้ในทางปฏิบัติ
แต่ "พรเพชร วิชิตชลชัย" ประธาน สนช.ไม่ขอตอบคำถามใด ๆ บอกว่าเป็นเรื่องนอกสภา เพียงแค่ 24 ชั่วโมงหลัง ที่ประชุม สนช.มีมติ 191 เสียง เลือก "พล.อ.ประยุทธ์" นั่งเก้าอี้นายกฯ ก็เริ่มมีการท้าทายอำนาจ โดยไม่ต้องรอให้เครือข่ายเสื้อแดง หรือเครือข่ายพรรคเพื่อไทยอันเป็นคู่ขัดแย้งโดยตรงของ คสช.ออกมาป่วน
"พ.ต.ท .ทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้อยู่เบื้องหลังพรรคเพื่อไทย ก็มองแฟกเตอร์นี้ออก จึงสั่งการให้เครือญาติ-ลูกพรรคให้อยู่นิ่งสงบที่สุดห้ามเคลื่อนไหวการเมือง
ห้าม ตอบโต้ คสช. และองค์กรอิสระเช่น คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่เตรียมจัดคดีให้กับ "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" อดีตนายกฯ คนน้อง และพวก จากผลพวงจำนำข้าว และทัวร์นกขมิ้น
ปล่อยให้กลไกทุกอย่างเดินหน้าไม่ต้องขวาง แต่กำชับให้แก้ตัวทีละประเด็นเพื่อประคองสถานการณ์ไม่ให้แย่ไปกว่านี้เป็นพอ
และ ที่สำคัญปล่อยให้รัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ทำงานบริหารประเทศได้อย่างเต็มที่ เพราะเชื่อว่าทหารอยู่เต็มที่ได้แค่ 1 ปี หรือปีครึ่ง หากอยู่นานกว่านั้นผลลบจะตกอยู่ที่ คสช.
แหล่งข่าว ใกล้ชิดระบุว่า ที่นายใหญ่แห่งพรรคเพื่อไทยออกคำสั่งเช่นนี้ เพราะมองออกว่าต่อจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จะเริ่มเจอแรงเสียดทานหนักขึ้น
ทั้ง จากแรงต่อต้านจากต่างประเทศที่ไม่ยอมรับนายกฯ ที่มาจากคณะรัฐประหาร ทั้งจากปัญหาเศรษฐกิจที่เป็นปัญหาขั้นพื้นฐาน ไปจนถึงปัญหาระดับชาติ
ขณะเดียวกัน "พ.ต.ท.ทักษิณ" ได้ให้ ส.ส.ทุกพื้นที่ใช้เวลาระหว่าง "ตกงาน" การเมือง สำรวจความเป็นมา-เป็นไปทุกพื้นที่ทั่วประเทศตั้งแต่มีการยึดอำนาจ ผลจากการสำรวจพบว่า นับตั้งแต่การยึดอำนาจเม็ดเงินในระบบไม่มีการหมุนเวียน แม้ คสช.กดปุ่มจ่ายเงินโครงการจำนำข้าวให้ชาวนาไปแล้วหลายแสนล้านบาท
แต่ ชาวนาก็นำเงินไปใช้หนี้ที่กู้มาระหว่างที่ยังไม่ได้เงินจากรัฐบาล ดังนั้น เมื่อชาวนาไม่ได้นำไปใช่จ่าย เศรษฐกิจก็ไม่หมุนเวียนอย่างที่ คสช.เคยระบุไว้
โดยเฉพาะปัญหาราคายางพาราตกต่ำในพื้นที่ภาคใต้ ส่งผลให้เกิดภาวะเงินฝืด ชาวสวนยางไม่มีเงินไปผ่อนค่ารถปิ๊กอัพ รถจักรยานยนต์ จนบางส่วนถูกยึดคืน
นักท่องเที่ยวต่างประเทศแถบยุโรป อเมริกา ก็ลดลงเป็นจำนวนมาก มีแต่ทัวร์ของนักท่องเที่ยวชาวจีนเป็นส่วนใหญ่ เพราะหลังการยึดอำนาจบริษัทประกันภัยด้านการท่องเที่ยวไม่จ่ายเงินประกันใน ประเทศที่ประกาศใช้กฎอัยการศึก ทำให้รายได้จากการท่องเที่ยวลดลงจำนวนมาก อาทิ จ.เชียงใหม่
ปัจจัยเหล่านี้ หากไม่เร่งแก้ไขก็จะเป็นปฏิกิริยาเร่งให้คนออกมาบั่นทอนเสถียรภาพรัฐบาลทหารหนักขึ้น
ทั้งหมดเป็นข้อมูลพื้นฐานที่ส่งตรงไปให้ "พ.ต.ท.ทักษิณ" และทีมงานวิเคราะห์ ก่อนจะสั่งให้ลูกทีมอยู่เฉยๆ
ยัง ไม่นับปฏิกิริยารายวันของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ทีมหัวกะทิของพรรคเพื่อไทยวิเคราะห์ว่า หากรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ พลาดพลั้งเมื่อใด พรรคประชาธิปัตย์ย่อมฉวยโอกาสสวมบทผู้รักษาประชาธิปไตย ออกมาตำหนิการบริหารงานของรัฐบาลทหารแน่นอน
ในทางร้ายแรงกว่านั้น ที่พรรคเพื่อไทยประเมินไว้ว่า อาจเลยไปถึงขั้นขยายเวลาการเลือกตั้งออกไปจาก ที่ "พล.อ.ประยุทธ์" ประกาศไว้ 1 ปี เพราะในรัฐธรรมนูญชั่วคราวกำหนดเดดไลน์การยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ให้แล้วเสร็จภายใน ก.ย. ก็จะครบ 1 ปีที่มีรัฐบาลพอดี
หากมีกระบวนการขัดขวาง คสช.หรือการร่างรัฐธรรมนูญไม่เสร็จตามกำหนด คสช.ก็สามารถขยายเวลาการควบคุมอำนาจออกไปมากกว่า 1 ปีได้
หนทางข้างหน้าของ คสช. จากนี้ไป "พ.ต.ท.ทักษิณ" ประเมินว่า จบทันทีที่ พล.อ.ประยุทธ์รับตำแหน่งนายกฯ
เป็นคำตอบว่า ทำไม "พ.ต.ท.ทักษิณ" ถึงไม่เคลื่อนไหวใดๆ เลย เพียงแค่รอจังหวะที่ คสช.เพลี่ยงพล้ำเท่านั้น