ถ้าให้ตีความถ้อยคำของนายจอห์น แคร์รี่ รมว. ต่างประเทศสหรัฐ
ตอนไปปาฐกถาที่ศูนย์ออก-ตก (East-West Center) สถาบันวิจัยและให้ข้อมูล ซึ่งอยู่ติดกับมหาวิทยาลัยฮาวาย ในฮอโนลูลู โอกาสสิ้นสุดการเดินทางเยือนเอเซียหนึ่งสัปดาห์
คงได้เป็นนิยามสามคำสั้นๆ ว่า "ชมชอบ-เปี่ยมหวัง-ระอา"
ลองเล่นเกมประกบคำให้เข้าคู่กับประเทศในภูมิภาคเอเซีย แปซิฟิค ที่นายแคร์รี่เอ่ยถึงดูที มี อินโดนีเซีย พม่า และไทย
จากเนื้อหาบางตอนดังนี้
“เรารู้ว่าความมั่นคงและความก้าวหน้าของอเมริกาเกาะเกี่ยวมากยิ่งขึ้นและใกล้ชิดกับภาคพื้นเอเซียแปซิฟิค นั่นแหละที่ทำให้ประธานาธิบดีโอบาม่าริเริ่มในสิ่งที่เรียกว่าการสร้างสมดุลอีกครั้งกับเอเซียในปี ค.ศ. ๒๐๐๙ นี่เองที่ท่านสั่งให้ผมเพิ่มความพยายามเป็นสองเท่าเพื่อการนี้ในช่วงสองปีครึ่งต่อไปข้างหน้า และนี่คือเหตุที่ผมต้องการคุยกับท่านทั้งหลายในวันนี้ถึงโอกาสดีๆ สี่ประการ (ได้แก่) สร้างเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยืนยง เติมกำลังให้แก่การปฏิวัติด้านพลังงานสะอาดปราศจากเขม่า ส่งเสริมความร่วมมือในภูมิภาค และอัดฉีดความแข็งแกร่งให้แก่ประชาชน”
“ประวัติศาสตร์สอนให้เรารู้ว่าประเทศที่มีนโยบายให้ความเคารพและสะท้อนถึงสิทธิมนุษยชนสากลและเสรีภาพพื้นฐาน มักจะพบกับความสงบสันติและเจริญรุ่งเรือง สามารถนำเอาความเปรื่องปราชญ์สามารถในหมู่ประชาชนของตนมาทำประโยชน์อย่างเต็มที่ได้เหนือกว่าใครๆ และเป็นเพื่อนร่วมงานที่ได้ผลดียิ่งกว่าไหนๆ
เช่นนี้การเผชิญหน้าข้อที่สี่ ข้อสุดท้ายจึงมีความสำคัญยิ่งยวด เราจำเป็นต้องเปลี่ยนปัญหาด้านสิทธิมนุษยชนให้เป็นโอกาสสำหรับการเติมเต็มพลังแรงแห่งมนุษยชาติ จุดสุกใสนั้นมีอยู่ทั่วไปในภูมิภาค แต่เราก็ได้เห็นการลื่นไถลเช่นกัน ดังเช่นการถอยหลังของประชาธิปไตยในประเทศไทย
เราทราบกันว่าบางประเทศในภูมิภาคให้ความหมายสำหรับประชาธิปไตยในเรื่องธรรมาภิบาล และการปกป้องสิทธิมนุษยชนต่างออกไป แม้ว่าบางครั้งเราเห็นต่างในเรื่องเหล่านี้กับรัฐบาลของประเทศ แต่ผมไม่เห็นว่าเราจะมีความขัดแย้งโดยพื้นฐานแต่อย่างใดกับพวกประชาชน”
“ผมไปเยือนอินโดนีเซียเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ผมได้เห็นความหวังในอนาคตทางประชาธิปไตยแจ่มจ้า ประเทศประชาธิปไตยอันกว้างใหญ่เป็นอันดับสามของโลกกำลังสร้างตัวอย่างที่แสนวิเศษให้ทั้งโลกได้เห็น และสหรัฐก็เข้าไปมีส่วนร่วมเต็มเปี่ยมในการเป็นหุ้นส่วนอย่างครบวงจร
อินโดนีเซียมิได้เป็นแค่เพียงการแสดงให้เห็นถึงวัฒนธรรม ภาษา และศรัทธาที่แตกต่างออกไป แต่ด้วยการหลอมลึกในระบอบประชาธิปไตย และรักษาขนบธรรมเนียมแห่งการมีน้ำอดน้ำทนของตนเอาไว้ด้วย ทำให้เป็นแบบอย่างของการที่ค่านิยมแบบเอเซียนกับหลักการประชาธิปไตย ให้ความกระจ่างและกระชับพลังซึ่งกันและกันได้อย่างดี"
ในประเทศไทยซึ่งเป็นทั้งเพื่อนสนิทและพันธมิตร เราไม่สบายใจอย่างยิ่งที่ประชาธิปไตยถอยหลังลงไป และเราหวังว่ามันเป็นเพียงทางขรุขระชั่วคราว เราขอเรียกร้องให้ผู้ยึดครองอำนาจยกเลิกข้อจำกัดในด้านการดำเนินกิจกรรมทางการเมือง และการแสดงความคิดเห็น ให้กลับไปสู่การฟื้นคืนมาของการปกครองโดยพลเรือน และกลับไปสู่ระบอบประชาธิปไตยด้วยการเลือกตั้งที่เสรีและให้โอกาสแก่ทุกผู้ทุกนาม"
ในพม่าเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ผมได้เห็นด้วยตาตนเองต่อความก้าวหน้าเบื้องต้นที่ประชาชนและรัฐบาลได้ทำให้เกิดขึ้น และผมมีความภูมิใจในบทบาท พวกคุณก็ควรที่จะภูมิใจด้วยเหมือนกัน ที่สหรัฐได้แสดงให้เห็นมาตลอดหนึ่งในสี่ของศตวรรษในการกระตุ้นให้เกิดความก้าวหน้าเช่นว่านั้น”
http://www.state.gov/secretary/remarks/2014/08/230597.htm
https://www.youtube.com/watch?v=nmQTmYotmKs&feature=youtu.be
...
เรื่องเกี่ยวข้อง...
เรื่องเกี่ยวข้อง...
