ที่เรียกกันว่า นิติสงคราม กระทำกับประชาชนเห็นต่างนั้น เมื่อกระชับลงไปถึงคดีหมิ่นกษัตริย์ที่เนื้อหาห่างจากการ ‘หมิ่น’ มากนัก หากแต่เป็นกระบวนการที่ตำรวจหรืออัยการมุ่งมาดทำโทษผู้ถูกกล่าวหาร่ำไป เพื่อแสดงศักดาแห่ง ม.๑๑๒ ละก็
ต้องเรียกใหม่ว่า ‘นิติพิฆาต’ เนื่องแต่สงครามเป็นการสู้รบสองฝ่าย ไม่ว่าฝ่ายหนึ่งจะพลานุภาพล้นหลามกว่าอีกฝ่ายก็ตาม แต่พิฆาตคือการที่ผู้แข็งแรงจงใจทำร้ายฝ่ายไม่มีทางสู้ด้วยพลานุภาพที่เท่าเทียมได้ มีแต่สองมือและพลังใจ
คดีที่ สน.พระราชวังเพิ่มความรุนแรงของข้อหาแก่สองผู้ประกอบอาชีพสื่อ ‘เป้’ นักข่าวประชาไท และ ‘ยา’ ช่างภาพอิสระ ถูกหมายหัวขณะไปทำข่าวและถ่ายภาพนักกิจกรรมป้ายสีบนกำแพงวังหลวง ด้วยภาพเครื่องหมาย ‘ไม่เอา ๑๑๒’ เมื่อ ๒๘ มีนา ๖๖
เหตุการณ์ผ่านมา ๘ เดือน ทั้งสองถูกตั้งข้อหา เป็นผู้ ‘ร่วมสนับสนุน’ กิจกรรมเขียนป้ายดังกล่าว และถูกสืบนครบาลไปจับกุมตัว ถูกฝากขังแยกกัน ๑ คืน แล้วย้ายไปคุมขังที่ศาลอาญา รัชดาฯ ก่อนจะได้รับประกันตัวปล่อยชั่วคราว ด้วยหลักทรัพย์คนละ ๓๕,๐๐๐บาท
จนกระทั่งใกล้จะถึงวันนัดไปฟังคำสั่งฟ้องเมื่อ ๙ พฤษภา สน.พระราชวังแจ้งว่าคดีของเขาทั้งสอง อัยการปัดตกข้อหาเดิม ร่วมสนับสนุน เปลี่ยนมาเป็นแจ้งข้อหาใหม่ว่า เป็น ‘ตัวการ’ ทำลายโบราณสถานร่วมกับกับ นภสินธุ์ ตรีรยาภิวัฒน์
‘เป้’ ณัฐพล เมฆโสภณ และ ‘ยา’' ณัฐพล พันธ์พงษ์สานนท์ คราวนี้ถูกแจ้งความผิดอาญามาตรา ๘๓ ว่าเป็นผู้ลงมือกระทำความผิดเช่นเดียวกับศิลปินนักกิจกรรมที่พวกเขาทั้งสองไปทำข่าว จึงชัดเจนว่าทางอัยการหรืออำนาจที่สูงกว่าเพียงต้องการลงโทษคนทั้งสอง
โดยไม่คำนึงถึงหลักข้อเท็จจริงแห่งรูปคดี แม้จะไม่ต่างก็ต่างกับคดีประเภทนี้ ที่ผู้สื่อข่าวซึ่งอยู่ในที่ชุมนุม ติดร่างแหโดนข้อหาก่อกวนความไม่สงบไปด้วย ดังคดี เรียกร้องดวงตา ‘พายุ ดาวดิน’ หลังเหตุการณ์สลายชุมนุม #APEC2022
คดีนั้นศาลสั่งปรับผู้ต้องหาหลายคน คนละ ๕๐๐ บาท แต่ละเว้นจำเลยสองคนที่เป็นสื่ออิสระ “ศาลเห็นว่าทางการนำสืบพยานโจทก์ ไม่ชี้ให้เห็นว่าจำเลยทั้งสองเข้าร่วมชุมนุมอย่างไร พิพากษายกฟ้อง” ความแตกต่างน่าจะอยู่ที่
คดีชุมนุมเอเปค ข้อกล่าวหาเป็นเรื่อง พรบ.จราจร และการชุมนุม ไม่ได้มี ม.๑๑๒ ข้องเกี่ยว สามารถตัดสินตามครรลองคลองธรรมได้ ไม่เหมือนคดีหมินกษัตริย์
(https://x.com/TLHR2014/status/1800728809450414575 และ https://prachatai.com/journal/2024/06/109511)