“สิ่งนี้เกิดจากกฎหมายกำหนดไว้ก่อนว่าลักษณะเช่นไรที่เป็นความผิด เมื่อมีข้อเท็จจริง กกต.ก็ดำเนินการไปตามข้อเท็จจริง” แต่ข้อเท็จจริงไม่ทำให้สั่งยุบพรรคได้ทันที มันมีกระบวนการไต่สวน และเปิดให้ผู้ถูกร้องชี้แจงรวมอยู่ด้วย
ยังจะมีหน้าว่าเหน็บว่าแนมโดยไร้จิตสำนึกอันควรที่องค์กรแห่งรัฐควรมี จะปฏิเสธอย่างไรว่า “ตั้งแต่ตนมารับตำแหน่งเลขาธิการ กกต.ไม่มีใบสั่ง หรือคำชี้นำจาก กกต. หรือจากข้างนอก” ก็ฟังไม่ขึ้น เพราะการ ‘ชงตามธง’ นั่นต่างหากที่ กกต.ทำ
นายแสวงบอกว่า “ได้ส่งพยานหลักฐานเพิ่มเติมไปแล้วเมื่อวันศุกร์ที่ ๑๔ มิถุนายนที่ผ่านมา” เป็นเอกสารเพิ่มเติมบางอย่างที่เป็นข้อกฎหมาย แม้นว่า “คำวินิจฉัยเพียงพอแล้ว” ไม่ต้องมีพยานบุคคลอะไรกันอีก นี่ก็เป็นการ ‘ตีกัน’ ไม่ให้คู่กรณีโต้แย้ง
การอ้างอย่างยะโสว่า “เรารู้ว่าเราต้องทำอะไร” ส่วนความเชื่อมั่นจากประชาชนที่เสียไปอย่างมากมายในเรื่องลุแก่อำนาจนี้ จะอ้างว่า “เราก็ทำตามกฎหมาย” เป็นกระต่ายขาเดียวย่อมไม่ได้ แบบนี้ในประเทศตะวันตกเรียกว่า ‘Hubris’
พวกถือดีว่ามีอำนาจอยู่ในมือ มักแสดงอาการข่มเหง หรือเหยียดคู่กรณีทางการเมือง ซึ่งนี่ชั่วร้ายกว่าพวก ‘ไอแบก’ ที่ส่วนใหญ่ไม่ได้มีอำนาจหนุนหลัง แต่การใช้โวหารบิดเบือนแม้แต่ข้อกฎหมาย ทำได้แบบเดียวกัน
