“ให้เป็นไปตามกฎหมาย” วลีนี้ที่จริงก็ใช้กันมาทุกยุคสมัย เป็นคำตอบสำเร็จสำหรับผู้ปฏิบัติหน้าที่ไม่ว่าระดับไหน ตั้งแต่หมู่-จ่าไปถึงนายกฯ ส่วนมากก็ในประเด็นถูกซักแล้วไม่อยากลงรายละเอียด (หรือไม่รู้) แก่นแท้ของข้อเท็จจริง
คราวนี้มีต้นตอมาจากการเซ็นคำสั่งให้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล กลับเข้าดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งนายวิษณุ เครืองาม แถลงว่า “ขอให้ทั้งสองฝ่ายปรองดองกันในงานราชการ” อันหมายถึงต่อศักดิ์กับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.
“แต่ส่วนตัวจะมีอะไรและใครทำผิดให้ดำเนินการไปตามกฎหมาย การทำงานต้องให้เกิดประโยชน์กับประชาชน ไม่ให้ประชาชนรู้สึกเสื่อมศรัทธา” วิษณุทำหน้าที่พี่สอนน้องแทนนายกฯ ที่ออกลูกเด็ดขาดหน่อยว่าถ้ายังขืนทะเลาะกันอีก
ก็ต้องย้ายคนใดคนหนึ่งเข้ากรุสำนักนายกฯ อีก โดยไม่ยอมตอบเรื่องที่ฝ่ายค้านเรียกร้องต้องการให้เปิดเผยผลสอบสวน เพียงแต่ย้ำเรื่องความปรองดอง “เดินหน้าแก้ไขปัญหาตามหน้าที่ ทั้งปัญหาการพนันออนไลน์ ยาเสพติด การโจรกรรมต่างๆ ที่ต้องดีขึ้น”
เหล่านั้นซึ่งเป็นต้นตอของการทะเลาะเบาะแว้งแต่แรก เมื่อ ผบ.ตร.คนใหม่ที่ข้ามห้วยมาจากรั้ววัง เข้าไปล้างบางรอง ผบ.ตร.ที่จ่อรอตำแหน่งบัญชาการอยู่ ด้วยข้อหาว่าเป็นปลายทางของมิจฉาชีพแวดวงตำรวจ ฝ่ายคนเก่าก็เลยแจ้งความการทุจริตฝ่ายนี้บ้าง
แต่ปัญหาที่พวกนักข่าวติดใจ เรื่องมีคำสั่งปลดออกจากราชการรอง ผบ.ตร.ออกมาแล้ว แต่ถูก ‘บิ๊กโจ๊ก’ ร้องค้าน ตกลงจะต้องมีการคืนตำแหน่งให้แก่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ด้วยหรือไม่ อันนี้วิษณุเป็นผู้ตอบแทนนายกฯ ไปก่อนแล้วว่า
“คำสั่งให้ออก (จากราชการของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์) อยู่ระหว่างนำขึ้นกราบบังคับทูล แต่คำสั่งไม่ถูกต้อง” ก็เลยยังคาราคาซังอยู่ แม้แต่วิษณุเองยังบอกไม่ได้ ว่าสุดท้ายผลการวินิจฉัยเป็นอย่างไร เพียงแต่ไม่ได้ใช้วลีสำเร็จรูปแบบนายกฯ
ที่ว่า “จะต้องเป็นไปตามกฎหมาย” กรณี “ฝ่ายค้านจะขอผลสอบสวนได้หรือไม่”
(https://www.facebook.com/thestandardth/posts/LUVx6yidw36i และ https://x.com/PorntipMorngyai/status/1803655400849649829)