“ธีระชัยหวั่นไทยเสียดินแดน แนะรัฐบาลยื่นประท้วงรัฐบาลกัมพูชาทันที ให้ทำลายสันเขื่อนที่สร้างยื่นลงไปในทะเลใกล้หลักเขตที่ ๗๓ ติดด่านคลองใหญ่ และแจ้งว่าไทยจะไม่ยอมรับเส้นแบ่งครึ่ง หากกัมพูชาใช้สันเขื่อนดังกล่าวอ้างอิงตามกติกาเขตทะเลของสหประชาชาติ”
ธีระชัยนั้นเก็บความมาจากการอภิปรายของ สว. พลเรือเอกพัลลภ ตมิศานนท์ ประเด็นสำคัญว่า “มีสิ่งก่อสร้างยื่นยาวลงไปในทะเล” ซึ่ง “โดยปกติแนวของสันเขื่อนจะต้องวางขนานกับชายฝั่ง แต่สันเขื่อนนี้วางแนวจากชายฝั่งมุ่งออกไปยังทะเลอ่าวไทย”
ทั้งนี้ พลเรือเอกพัลลภ เห็นว่า “ต้นตอของปัญหาอยู่ที่กติกาเขตทะเลของสหประชาชาติ ปี ๑๙๘๒ ข้อ ๑๑” ให้นับฝั่งทะเลจาก “สิ่งก่อสร้างตอนนอกสุดของเขตท่า” ซึ่งถือว่าเป็นส่วนประกอบ “อันแยกออกมิได้ของระบบการท่านั้น”
รสนา ระบุว่า “อธิบายแบบง่ายก็คือ การมีสันเขื่อนนี้จะทำให้กัมพูชาสามารถอ้างเขตทะเลได้กว้างขึ้น” ยื่นเข้ามาในอ่าวไทย “ขอแนะนำให้รัฐบาลของท่านนายกฯ เศรษฐา มีหนังสือประท้วงรัฐบาลกัมพูชาทันที”
สมัยก่อนเคยมีเหตุจลาจลในกรุงพนมเปญ สถานทูตไทยถูกฝูงชนห้อมล้อมปิด ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกฯ ไทยสมัยนั้นสั่งเครื่องบิน ซี ๑๓๐ กองทัพอากาศไปรับคนไทยกลับทันที เรียกว่า “ปฏิบัติการโปเชนตง” สร้างชื่อเสียงแก่ทักษิณมาก
สมัยนี้พูดกันว่าทักษิณสนิทสนมเป็นเพื่อนซี้กับสะเด็ดฮุนเซนของกัมพูชา ซึ่งมี ‘ฮุนมาเน็ต’ ลูกชายเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่ อีกทั้งเร็วๆ นี้เอง ‘อุ๊งอิ๊ง’ แพทองธาร ลูกสาวผู้รับช่วงดีเอ็นเอของทักษิณเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เพิ่งไปเยือนชื่นมื่น
ดังนั้นปัญหานี้น่าจะแก้ง่าย ให้ทักษิณต่อสายคุยกับฮุนเซน ขอให้รื้อสันเขื่อนเสียไวๆ อย่าได้รอช้าให้คู่กัดเก่าคอยกระทุ้ง สำเร็จเมื่อไร ทักษิณพร้อมขึ้นเป็นประธานที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีเมื่อนั้น ไม่ต้องรอให้ดีเอ็นเอขึ้นเป็นก็ได้