https://www.facebook.com/iLawClub/videos/874426677765809
iLaw
16h ·
ชวนฟังนิว-สิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ นักเคลื่อนไหวทางการเมืองแสดงจุดยืนเห็นด้วยต่อร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมประชาชน สำหรับตัวเขาเห็นว่า มาตรา 112 ควรถูกรวมในการนิรโทษกรรมประชาชน แต่สำหรับรัฐบาลก็เห็นถึงข้อจำกัดบาง แต่รัฐบาลเพื่อไทยเองก็ควรหาทางออก ไม่ควรปล่อยให้คาราคาซังหรือปล่อยให้คนที่โดนคดี 112 ถูกดำเนินคดีไปโดยไม่สนใจและไม่แคร์ชะตากรรมพวกเขา
“สังคมประชาธิปไตยไม่ควรจะมีการดำเนินคดีทางการเมือง ถ้าจะมีคนถูกดำเนินคดีจากการแสดงความเห็นนั้นควรจะเป็นแค่การที่ไปละเมิดหรือกระทบกับสิทธิส่วนบุคคลนั้น รัฐไม่ควรที่จะดำเนินคดีหรือปิดปากประชาชน ไม่ควรแสดงให้เห็นว่าการวิพากษ์วิจารณ์รัฐต้องถูกดำเนินคดี ต้องหลีกเลี่ยงเรื่องนั้นให้มากที่สุด”
“การนิรโทษกรรมจะส่งผลดีกับประชาชนไหม...ก็อย่างน้อยทำให้ประชาชนจำนวนหนึ่งที่แสดงออกทางการเมืองโดยสุจริตวิพากษ์วิจารณ์สังคมการเมือง ใช้สิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญไม่ต้องถูกดำเนินคดีจากความพยายามยัดข้อหาต่างๆของรัฐและในเมื่อรัฐเองและรัฐบาลเองต้องการที่จะ...มีแคมเปญต้องการยุติความขัดแย้งด้วย มันก็จะทำให้กลายเป็นว่ารัฐบาลกับประชาชนจำนวนหนึ่งจะไม่กลายเป็นคู่ขัดแย้งกัน”
“ประชาชนควรที่จะร่วมกันในการที่จะร่วมกันแสดงความเห็น ร่วมกันลงชื่อในแคมเปญนิรโทษกรรมประชาชนเพราะว่า เราทุกคนนั้นอยู่ในระบบการเมืองต้องมีปัญหากับหน่วยงานของรัฐ กับรัฐบาลอยู่แล้วไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ดังนั้นการที่นิรโทษกรรมก็คือทำให้เห็นว่า รัฐบาลจะต้องการล้างการใช้เครื่องไม้เครื่องมือต่างๆของรัฐในการปิดปากประชาชนในการแสดงความเห็นนั้น ผมคิดว่า เราไม่ควรจะที่ให้เหยื่อทางการเมืองจากความขัดแย้งทางการเมืองที่ผ่านมา หรือเป็นคนที่ต้องถูกดำเนินคดีเพราะการแสดงออกทางการเมืองถูกดำเนินคดีต่อไป”
“คิดว่า ร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมมีโอกาสที่จะผ่านไหมกับทางรัฐสภา ผมคิดว่าถ้าพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคเองนั้นรวมทั้งฝ่ายค้านเองนั้นมีความเห็นร่วมกันว่าต้องการที่จะลดความขัดแย้งสลายขั้วต่างๆดังที่รัฐบาลเคยกล่าวมานั้น รัฐบาลต้องตระหนักแล้วมันไม่ใช่แค่การสลายขั้วเฉพาะฝ่ายชนชั้นนำทางการเมืองทุกฝ่าย พรรคการเมืองที่มาร่วมเท่านั้น มันก็เป็นการที่จะลดความขัดแย้งให้กับประชาชนทุกฝ่าย ในเมื่อคณะรัฐประหารออกกฎหมายนิรโทษกรรมตัวเองไปแล้ว แล้วทำไมกับประชาชนจะไม่ได้ ดังนั้นผมคิดว่ารัฐบาลแล้วพรรคร่วมเองต้องมีความใจกว้างที่มากพอ และต้องเห็นว่าปัญหาจากยุคคสช.นั้นมันส่งผลกับการที่ประชาชนนั้นถูกใช้เครื่องไม้เครื่องมือของรัฐในการลิดรอนและปิดปากไม่ให้มีการแสดงความเห็นทางการเมืองได้อย่างไร อันนี้ผมก็เป็นพอยท์ที่ต้องเข้าใจประชาชนด้วยไม่ใช่ให้มองแต่มิติของการลดความขัดแย้งเฉพาะฝ่ายการเมืองอย่างเดียว”
“ผมคิดว่าน่าจะเป็นโอกาสที่ดีนะครับ หากรัฐบาลเพื่อไทยนั้นเป็นมีโอกาสในการเป็นผู้นำในการผลักดันประเด็นในการนิรโทษกรรมประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการแสดงออกทางการเมืองและความขัดแย้งทางการเมืองที่ผ่านมา...ต้องเข้าใจในส่วนหนึ่งว่ามันก็ต้องมีการพิจารณาในหลายๆส่วนอันนั้นก็เป็นเรื่องที่รัฐบาลจะต้องไปพิจารณาไปศึกษาเอาอีกทีหนึ่ง แต่หากว่ามันจะเป็นโอกาสที่ดีกว่าถ้าได้ผลักดัน...ไม่ควรจะตั้งกรอบที่แคบแต่แรกเพราะทุกครั้งเมื่อเข้าไปสู่วาระหนึ่ง วาระสอง วาระสามมันจะถูกลดทอนถูกตัดไปเรื่อยๆ ถ้าตั้งกรอบแต่แรก แล้วพอเข้าไปสู่วาระสอง และวาระสาม มันจะเหลือน้อยลงเรื่อยๆนั้นถ้าเป็นไปได้อยากให้มีโอกาสในการเป็นผู้นำในการผลักดันและในกรอบที่กว้างที่สุดเท่าที่จะกว้างได้”
“คดีเกี่ยวกับประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ควรรวมในนิรโทษกรรมประชาชนด้วยหรือไม่ สำหรับผมเห็นว่า ควร แต่สำหรับรัฐบาลนั้นถ้าเกิดพิจารณาแล้วกับฝ่ายทางการเมืองต่างๆที่ร่วมรัฐบาลอยู่ด้วยนั้น และอิทธิพลทางการเมืองของฝ่ายขวาที่ยังมีอยู่นั้น รัฐบาลเองเพื่อไทยเองก็อาจจะฐานะที่เป็นจุดคนกลางตรงนี้ก็ต้องเสนอโซลูชั่น ทางออกที่ยังไม่ไช่เป็นการที่จะปล่อยให้ปัญหานี้มันคาราคาซังต่อไป และไม่ใช่ปัญหาที่จะปล่อยให้คนต้องโดนคดี 112 จำคุกมากกว่า 10 ปี 50 ปีอย่างที่เป็นมา อันนี้ผมว่า ต้องเป็นโจทย์ให้รัฐบาลต้องหาทางออก โซลูชั่นอะไรเสริมตรงนี้ด้วย ไม่ใช่ว่าจะปล่อยว่าไม่ให้มารวมแล้วก็ปล่อยไป ปล่อยให้คนพวกนี้ต้องติดคุกอย่างยาวนาน ทั้งๆที่หลายส่วนนั้นเนี่ยความผิดเกี่ยวกับมาตรา 112 มาจากความขัดแย้งทางการเมืองและการที่ถูกครอบ ถูกกดทับทางการเมืองจากฝ่ายคณะรัฐประหารเมื่อปี 2557 เป็นต้นมา ซึ่งมีส่วนอย่างสูงมากและความขัดแย้งทางการเมืองที่ยาวนานก็มีส่วนทำให้คนต้องออกมาแสดงความไม่พอใจหรือความเข้าใจผิดไปต่างๆเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ ผมคิดว่า รัฐบาลเองต้องหาโซลูชั่นอาจจะเป็นอะไรก็ไม่ทราบที่รัฐบาลต้องมีตรงนี้ประกอบคู่กันไม่ใช่ปล่อยให้คนที่โดนคดี 112 ถูกดำเนินคดีไปโดยไม่สนใจและไม่แคร์ชะตากรรมพวกเขา”
ฟังทั้งหมดตามคลิปเลย
iLaw
16h ·
ชวนฟังนิว-สิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ นักเคลื่อนไหวทางการเมืองแสดงจุดยืนเห็นด้วยต่อร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมประชาชน สำหรับตัวเขาเห็นว่า มาตรา 112 ควรถูกรวมในการนิรโทษกรรมประชาชน แต่สำหรับรัฐบาลก็เห็นถึงข้อจำกัดบาง แต่รัฐบาลเพื่อไทยเองก็ควรหาทางออก ไม่ควรปล่อยให้คาราคาซังหรือปล่อยให้คนที่โดนคดี 112 ถูกดำเนินคดีไปโดยไม่สนใจและไม่แคร์ชะตากรรมพวกเขา
“สังคมประชาธิปไตยไม่ควรจะมีการดำเนินคดีทางการเมือง ถ้าจะมีคนถูกดำเนินคดีจากการแสดงความเห็นนั้นควรจะเป็นแค่การที่ไปละเมิดหรือกระทบกับสิทธิส่วนบุคคลนั้น รัฐไม่ควรที่จะดำเนินคดีหรือปิดปากประชาชน ไม่ควรแสดงให้เห็นว่าการวิพากษ์วิจารณ์รัฐต้องถูกดำเนินคดี ต้องหลีกเลี่ยงเรื่องนั้นให้มากที่สุด”
“การนิรโทษกรรมจะส่งผลดีกับประชาชนไหม...ก็อย่างน้อยทำให้ประชาชนจำนวนหนึ่งที่แสดงออกทางการเมืองโดยสุจริตวิพากษ์วิจารณ์สังคมการเมือง ใช้สิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญไม่ต้องถูกดำเนินคดีจากความพยายามยัดข้อหาต่างๆของรัฐและในเมื่อรัฐเองและรัฐบาลเองต้องการที่จะ...มีแคมเปญต้องการยุติความขัดแย้งด้วย มันก็จะทำให้กลายเป็นว่ารัฐบาลกับประชาชนจำนวนหนึ่งจะไม่กลายเป็นคู่ขัดแย้งกัน”
“ประชาชนควรที่จะร่วมกันในการที่จะร่วมกันแสดงความเห็น ร่วมกันลงชื่อในแคมเปญนิรโทษกรรมประชาชนเพราะว่า เราทุกคนนั้นอยู่ในระบบการเมืองต้องมีปัญหากับหน่วยงานของรัฐ กับรัฐบาลอยู่แล้วไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ดังนั้นการที่นิรโทษกรรมก็คือทำให้เห็นว่า รัฐบาลจะต้องการล้างการใช้เครื่องไม้เครื่องมือต่างๆของรัฐในการปิดปากประชาชนในการแสดงความเห็นนั้น ผมคิดว่า เราไม่ควรจะที่ให้เหยื่อทางการเมืองจากความขัดแย้งทางการเมืองที่ผ่านมา หรือเป็นคนที่ต้องถูกดำเนินคดีเพราะการแสดงออกทางการเมืองถูกดำเนินคดีต่อไป”
“คิดว่า ร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมมีโอกาสที่จะผ่านไหมกับทางรัฐสภา ผมคิดว่าถ้าพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคเองนั้นรวมทั้งฝ่ายค้านเองนั้นมีความเห็นร่วมกันว่าต้องการที่จะลดความขัดแย้งสลายขั้วต่างๆดังที่รัฐบาลเคยกล่าวมานั้น รัฐบาลต้องตระหนักแล้วมันไม่ใช่แค่การสลายขั้วเฉพาะฝ่ายชนชั้นนำทางการเมืองทุกฝ่าย พรรคการเมืองที่มาร่วมเท่านั้น มันก็เป็นการที่จะลดความขัดแย้งให้กับประชาชนทุกฝ่าย ในเมื่อคณะรัฐประหารออกกฎหมายนิรโทษกรรมตัวเองไปแล้ว แล้วทำไมกับประชาชนจะไม่ได้ ดังนั้นผมคิดว่ารัฐบาลแล้วพรรคร่วมเองต้องมีความใจกว้างที่มากพอ และต้องเห็นว่าปัญหาจากยุคคสช.นั้นมันส่งผลกับการที่ประชาชนนั้นถูกใช้เครื่องไม้เครื่องมือของรัฐในการลิดรอนและปิดปากไม่ให้มีการแสดงความเห็นทางการเมืองได้อย่างไร อันนี้ผมก็เป็นพอยท์ที่ต้องเข้าใจประชาชนด้วยไม่ใช่ให้มองแต่มิติของการลดความขัดแย้งเฉพาะฝ่ายการเมืองอย่างเดียว”
“ผมคิดว่าน่าจะเป็นโอกาสที่ดีนะครับ หากรัฐบาลเพื่อไทยนั้นเป็นมีโอกาสในการเป็นผู้นำในการผลักดันประเด็นในการนิรโทษกรรมประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการแสดงออกทางการเมืองและความขัดแย้งทางการเมืองที่ผ่านมา...ต้องเข้าใจในส่วนหนึ่งว่ามันก็ต้องมีการพิจารณาในหลายๆส่วนอันนั้นก็เป็นเรื่องที่รัฐบาลจะต้องไปพิจารณาไปศึกษาเอาอีกทีหนึ่ง แต่หากว่ามันจะเป็นโอกาสที่ดีกว่าถ้าได้ผลักดัน...ไม่ควรจะตั้งกรอบที่แคบแต่แรกเพราะทุกครั้งเมื่อเข้าไปสู่วาระหนึ่ง วาระสอง วาระสามมันจะถูกลดทอนถูกตัดไปเรื่อยๆ ถ้าตั้งกรอบแต่แรก แล้วพอเข้าไปสู่วาระสอง และวาระสาม มันจะเหลือน้อยลงเรื่อยๆนั้นถ้าเป็นไปได้อยากให้มีโอกาสในการเป็นผู้นำในการผลักดันและในกรอบที่กว้างที่สุดเท่าที่จะกว้างได้”
“คดีเกี่ยวกับประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ควรรวมในนิรโทษกรรมประชาชนด้วยหรือไม่ สำหรับผมเห็นว่า ควร แต่สำหรับรัฐบาลนั้นถ้าเกิดพิจารณาแล้วกับฝ่ายทางการเมืองต่างๆที่ร่วมรัฐบาลอยู่ด้วยนั้น และอิทธิพลทางการเมืองของฝ่ายขวาที่ยังมีอยู่นั้น รัฐบาลเองเพื่อไทยเองก็อาจจะฐานะที่เป็นจุดคนกลางตรงนี้ก็ต้องเสนอโซลูชั่น ทางออกที่ยังไม่ไช่เป็นการที่จะปล่อยให้ปัญหานี้มันคาราคาซังต่อไป และไม่ใช่ปัญหาที่จะปล่อยให้คนต้องโดนคดี 112 จำคุกมากกว่า 10 ปี 50 ปีอย่างที่เป็นมา อันนี้ผมว่า ต้องเป็นโจทย์ให้รัฐบาลต้องหาทางออก โซลูชั่นอะไรเสริมตรงนี้ด้วย ไม่ใช่ว่าจะปล่อยว่าไม่ให้มารวมแล้วก็ปล่อยไป ปล่อยให้คนพวกนี้ต้องติดคุกอย่างยาวนาน ทั้งๆที่หลายส่วนนั้นเนี่ยความผิดเกี่ยวกับมาตรา 112 มาจากความขัดแย้งทางการเมืองและการที่ถูกครอบ ถูกกดทับทางการเมืองจากฝ่ายคณะรัฐประหารเมื่อปี 2557 เป็นต้นมา ซึ่งมีส่วนอย่างสูงมากและความขัดแย้งทางการเมืองที่ยาวนานก็มีส่วนทำให้คนต้องออกมาแสดงความไม่พอใจหรือความเข้าใจผิดไปต่างๆเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ ผมคิดว่า รัฐบาลเองต้องหาโซลูชั่นอาจจะเป็นอะไรก็ไม่ทราบที่รัฐบาลต้องมีตรงนี้ประกอบคู่กันไม่ใช่ปล่อยให้คนที่โดนคดี 112 ถูกดำเนินคดีไปโดยไม่สนใจและไม่แคร์ชะตากรรมพวกเขา”
ฟังทั้งหมดตามคลิปเลย
