อ่านทวี้ตของนายแบกผู้หนึ่ง @pran2844 บอก “สรุปได้ว่าคุณศิริกัญญาไม่สนับสนุนการลดดอกเบี้ย ที่จะลดภาระให้กับประชาชน” พอดูคลิปที่เขาตัดตอนเอาไว้ ไม่เห็นว่ามันเป็นเช่นที่เขาสรุปให้ เพราะคุณไหมเธอบอกว่า
“ในเรื่องของภาระประชาชน อย่าคิดว่าการที่แบ๊งค์ชาติลดดอกเบี้ย ๒๕ สตางค์แล้วแบ๊งค์พาณิชย์จะลดดอกเบี้ยให้ นั่นเป็นมายาคติที่อาจไม่เกิดผลรวดเร็วอย่างที่คิด และมันอาจไม่เกิดผลเลยก็ได้ ดูจากเมื่อคราวขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรก ๒๕%
ไม่มีแบ๊งค์พาณิชย์ที่ไหนขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้เลย ขาลงมันก็เหมือนกัน มันอาจจะต้องใช้ยาแรงกว่านี้” ศิริกัญญายังพูดด้วยว่าเธอพอเข้าใจทำไมตอนนี้ยังลดดอกเบี้ยไม่ได้ เพราะที่หลายฝ่ายพูดว่าจะทำให้กระตุ้นเศรษฐกิจหรืออะไรเนี่ย มันเป็นคนละประเด็น
คุณไหมอธิบายเรื่องการที่แบ๊งค์ชาติยังไม่ยอมลดอัตราดอกเบี้ยว่า “เราอยู่ในภาวะที่ดอกเบี้ยต่ำมานาน นานเกินไป” ตั้งแต่ก่อนโควิด มีบางช่วงสมควรขึ้นก็ไม่ขึ้น “พอมันเขยิบขึ้นมาแค่ ๑ เปอร์เซ็นต์ ก็ทำให้รู้สึกว่ามันเดือดร้อนเหลือเกิน”
เธอว่าจริงๆ แล้ว “คิดว่ามันยังมีวิธีการอื่นๆ ที่จะทำให้เข้าไปช่วยบันเทาภาวะเดือดร้อนของประชาชนลงได้ เรื่องดอกเบี้ยนโยบายก็ปล่อยเขาไป” แล้วใช้วิธีให้สถาบันการเงินของรัฐปล่อยสินเชื่อที่ถูกลง และอุดหนุนในส่วนดอกเบี้ยต่างๆ เพื่อผ่อนหนักเป็นเบา
ดังนั้น ในประโยคที่ย่อความหมายได้ว่า ศิริกัญญาไม่สนับสนุนการลดภาระให้ประชาชน จึงเป็นชั้นเชิงการใช้ถ้อยคำแบบ misleading หรือทำให้ไขว้เขว เพื่อให้ร้ายแก่ผู้ที่ถูกเอ่ยถึงเท่านั้น ด้วยตรรกะตื้นๆ เสียอีกด้วย ไม่ได้หวังดีอะไรต่อ ‘ประชาชน’ เลย
ชี้ให้เห็นว่าทุกวันนี้การห้ำหั่นกันทางการเมืองมันชักจะเข้ารกเข้าพงไปมาก โดยเฉพาะกับความเป็นความตายของผู้เห็นต่าง ดังกรณี ‘ตะวัน’ และ ‘แฟร้งค์’ ผู้ต้องหาบีบแตรใส่ตำรวจเมื่อถูกกีดกั้นบนทางด่วนเมื่อมีขบวนเสด็จ ‘พระเทพฯ’
ในรายการ ‘การเมืองชาวเน็ต’ สัมภาษณ์พ่อและแม่ของตะวัน ตอนหนึ่งผู้ประกาศถามว่ารู้สึกอย่างไรกับข้อหา “บ่อนทำลายความมั่นคง” พ่อของตะวันย้อนถามห้วนๆ โดยไม่กล่าวอะไรอีกเลย ว่า “ความมั่นคงคืออะไร” เป็นที่เข้าใจว่าเป็นข้อหาที่ใช้พร่ำเพรื่อเช่นเดียวกับ ม.๑๑๒
มันสะท้อนไปถึงการยึดมั่น ศรัทธาอะไรก็ตามจนสุดโต่ง จนขาดเหตุผล แม้กระทั่งนบนอบสยบยอมแก่ ‘กฎหมาย’ ที่ไม่เป็นธรรม ย่อมนำมาซึ่งความหายนะไม่ช้าก็เร็ว ฉะนั้นจึงต้องรำลึกกันไว้เสมอว่า แม้แต่หลักกฎหมายเองก็มีคำเตือนไว้
“ชนใดเป็นผู้เขียนกฎหมาย ย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์ของชนกลุ่มนั้นเอง”