หมู่นี้พวกนักเศรษฐศาสตร์พูดกันมากเรื่องการแก้ปัญหาเศรษฐกิจในด้าน ‘โครงสร้าง’ แต่นายกฯ ไม่สนคำนี้นัก อยากได้แต่ดอกเบี้ยต่ำ ก็กดดันหน่วยงานการเงินให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเสียที ไม่ต้องรีรออะไรแล้ว
นักเศรษฐศาสตร์สองคนจากศูนย์วิจัยเศรษฐกิจสองแห่ง พิมพ์นารา หิรัญกสิ แห่งธนาคารกรุงศรีอยุธยา กับ อมรเทพ จาวะลา จาก CIMB Thai ให้ความเห็นคล้องจองกัน ว่า กนง.เขาก็ดูอยู่ แต่ใช่ว่าจะทำผลีผลามตามสั่งไปเสียทุกอย่างได้
นางพิมพ์นาราบอกว่า “การพิจารณาของคณะกรรมการนโยบายการเงินจะมองที่ภาพรวมของเสถียรภาพการเงินมากกว่า ดูที่เรื่องหนี้เสียอย่างเดียว” ถ้าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้น ก็คงจะทำในช่วงครึ่งปีหลัง อาจเป็น ๑ หรือ ๒ ครั้ง
ทางด้านนายอมรเทพ ชี้ว่าดูจากท่าทีของ กนง.แล้วน่าจะเห็นว่ายังไม่จำเป็นต้องลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในขณะนี้ตามที่นายกฯ เศรษฐาเรียกร้อง นอกจากนั้น “การลดอัตราดอกเบี้ยเพียงร้อยละ ๐.๒๕ ถึง ๐.๕ ไม่เพียงพอต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ”
ซ้ำยังจะใช้เวลาไม่น้อยกว่า ๖-๑๘ เดือนจึงจะส่งผลผ่านไปยังเศรษฐกิจจริงๆ ถ้ารัฐบาลยังดึงดันจะลดอัตราดอกเบี้ยให้จงได้ ก็ต้องลดลงถึงน้อยละ ๑.๒๕ จึงจะเพียงพอต่อการกระตุ้น ซึ่งนั่นเป็นนโยบายการเงินในภาวะวิกฤตจริงๆ เท่านั้น
ก็บังเอิญไปสอดรับกับท่าทางของแคนดิเดทนายกฯ ของพรรคฝ่ายค้าน เมื่อ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ไปปาฐกถาที่พิษณุโลก ว่าทำไมรัฐบาลไม่แก้ปัญหาที่ต้นตอ “การเน้นลดดอกเบี้ยแค่อย่างเดียว เป็นการแก้ปัญหาระยะสั้น” โดยไม่ยอมแตะโครงสร้าง
ทำไมรัฐไม่ยอมใช้มาตรการการคลังต่อไปอีกหน่อย “มันยังมีช่องว่างให้ทำได้ และเป็นอำนาจโดยแท้ของรัฐบาล แต่ไม่มีการพูดคุยกับแบ๊งค์ชาติอย่างจริงจัง...ความกังวลของนักธุรกิจคือความไม่สอดคล้องกันของนโยบายการเงิน การคลัง”
พิธายังบอกด้วยว่า เศรษฐกิจประเทศไทยตอนนี้ หัวโตตัวลีบ คือ ๔๐% อยู่ในกรุงเทพมหานคร ประเทศไทยมีการเจริญเติบโตเศรษฐกิจต่ำกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่ ๓.๖% และรายได้ประชากรต่อหัวก็ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยโลก เขาต้องการทำให้สูงกว่าค่าเฉลี่ยโลก
แต่นายกฯ คงไม่เงี่ยฟัง เพราะกำลังง่วนอยู่กับ “การปรับปรุงพัฒนาบ้านพักทหารทุกเหล่าทัพ...เนื่องจากเป็นเรื่องที่สำคัญ หากไม่ทันงบประมาณปกติปี ๒๕๖๗ ก็จะใช้งบกลางแทน” เป็นความเร่งด่วนขนาดนั้นเลยเชียว นี่พูดต่อหน้า ผบ.ทร.เลยนะ
บอกว่าจะจัดทำแม่แบบที่อยู่อาศัยของกำลังพล “พร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น จุดชาร์จรถ EV ห้องสันทนาการ ห้องออกกำลังกาย” พร้อมสรรพ ส่วนกรณีเหตุร้อนเรื่องกองทัพพม่าจับคนไทย ๑๔๘ คนไปจากท่าขี้เหล็ก
ยังไม่ทราบท่าทีนายกฯ หรือว่ายังมีงบกลางเหลือให้พอใช้ไหม แม้นว่าการจับกุมโดยกองทัพพม่าครั้งนี้ เป็นการกวาดล้างครั้งใหญ่เหมารวมกับคนพม่าและจีนทั้งสิ้นราว ๗๐๐ คน ซึ่งทำงานอยู่ตามบ่อนพนันและแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่นั่นก็ตาม
(https://twitter.com/sunaibkk/status/1761338401905598790, https://twitter.com/MorningNewsTV3/status/1761948049184571410 และ https://twitter.com/ThaiPBS/status/1761286365264920745)