เมื่อวันที่ 12-13 ม.ค. 2566 ทนายความได้เดินทางไปที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เพื่อเข้าเยี่ยมผู้ต้องการเมืองที่ถูกคุมขังระหว่างต่อสู้คดี จำนวน 9 ราย ได้แก่ สมบัติ ทองย้อย, พรพจน์ แจ้งกระจ่าง, “ต๊ะ” คทาธร, “เพชร” คงเพชร, “เก่ง” พลพล, “แบงค์” ณัฐพล, “ต้อม” จตุพล, “อาร์ม” วัชรพล และ “แน็ค” ทัตพงศ์ เขียวขาว ในจำนวนนี้ 8 ราย ถูกคุมขังมาเป็นระยะเวลาเกิน 200 วันแล้ว โดยอีกประมาณ 20 วันต่อจากนี้ 3 ใน 8 รายนี้จะถูกคุมขังเกิน 300 วันแล้ว หรือคิดเป็นประมาณ 10 เดือน
ทั้งนี้ จนถึงปัจจุบัน (18 ม.ค. 2566) มีจำนวนผู้ถูกคุมขังระหว่างต่อสู้คดีในคดีที่เกี่ยวข้องกับการเมือง อย่างน้อย 16 รายแล้ว โดยเป็นคดีตามมาตรา 112 ถึง 8 รายด้วยกัน นอกจากนี้ยังมีผู้ต้องขังที่คดีสิ้นสุดแล้วและต้องถูกคุมขังในฐานะนักโทษเด็ดขาด อย่างน้อย 6 ราย
เก่ง พลพล – เผลอ ‘ทำร้ายตัวเอง’ อีก หลังลืมกินยารักษาซึมเศร้า
เราสังเกตว่าวันนี้เก่งดูใต้ตาคล้ำและกะพริบตาบ่อยกว่าปกติ เขาบอกว่าช่วงนี้ ‘นอนไม่ค่อยหลับ’ เพราะมีเรื่องให้ต้องครุ่นคิดหลายอย่าง โดยเฉพาะเรื่องการถูกขังเป็นระยะเวลานานและไม่ได้ประกันตัวสักที
ช่วงที่เก่งถูกคุมขังแรกๆ เขาได้แสดงออกด้วย ‘การกินยาเกินขนาด’ เพื่อพยายามฆ่าตัวตายและประท้วงศาล หลังจากนั้นไม่นานเขาได้เข้าพบแพทย์และได้รับการวินิจฉัยว่าอาการที่เก่งเผชิญอยู่ ไม่ว่าจะเป็นการนอนไม่หลับ วิตกกังวล ไม่อยากอาหาร และอยากทำร้ายตัวเอง เข้าข่ายภาวะซึมเศร้า แพทย์จึงจ่ายยาให้เก่งทานบรรเทาอาการมาโดยตลอดหลายเดือนแล้ว
เราเห็นผ้าพันแผลที่นิ้วเก่งเลยถามว่าเป็นอะไรหรือเปล่า เก่งบอกว่า “บางทีพอไม่ได้กินยามันก็จะรู้สึกหงุดหงิด อยากทำร้ายตัวเอง เลยแกะเล็บตัวเอง แต่เลือดมันไหลเยอะเลยต้องไปทำแผล”
เมื่อวานนี้ (12 ม.ค. 2566) เก่งลืมกินยาจึงมีอาการนอนไม่หลับ รวมถึงมีอาการอยากจะทำร้ายตัวเองอีกครั้ง
“ผมเครียด คิดถึงข้างนอก อยู่ข้างในก็เจอแต่อะไรเดิมๆ คิดถึงแต่เรื่องครอบครัว เป็นห่วงน้องที่รถคว่ำนิ้วขาดครึ่ง เป็นห่วงพ่อที่ต้องรับภาระคนเดียว แถมยังต้องส่งเงินให้เราใช้ในคุกอีก”
“ส่วนที่ผมกะพริบตาบ่อย เพราะกลางคืนผมนอนไม่หลับ ก็เลยนอนมองไฟ” เนื่องจากในห้องขัง จะไม่มีการดับไฟ แม้ในเวลากลางคืน ซึ่งผู้ต้องขังนอนหลับ
“ฝากบอกคนข้างนอกว่าสู้ๆ นะครับ พวกผมก็สู้อยู่ ผมเก็บสะสมจดหมายที่ได้รับไว้กับตัวตลอดเลยครับ” เก่งยังมีกำลังใจฝากถึงผู้คนข้างนอก
อ่านเรื่องของพลพลเพิ่มเติม
อาร์ม วัชรพล – ตั้งคำถามหลังได้อ่านคำฟ้อง “ประชาชนมือเปล่า จะไปเผารถ คฝ.ที่อาวุธครบมือได้ยังไง”
อาร์มบอกว่าสบายดี กินอาหารได้ตามปกติ ตอนนี้ในเรือนจำมีกิจกรรมให้ได้ซ้อมมวยด้วย อาร์มชอบมาก เพราะสมัยเด็กๆ อาร์มเคยเป็นนักมวยมาก่อน นอกจากนี้เรือนจำยังมีการจัดแข่งกีฬาอยู่อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะฟุตบอล ตะกร้อ หรือวอลเลย์บอล
“เมื่อวานที่เรือนจำมีการแข่งตะกร้อระหว่างคนไทยกับคนพม่า สรุปพม่าชนะ ก็เขาเก่งอะ”
ตอนนี้อาร์มได้รับมอบหมายให้ทำงานช่วย “กองงานพัฒนาแดน” มีหน้าที่คอยทำความสะอาดพื้นที่ส่วนต่างๆ ของเรือนจำ และหากมีเวลาว่างก็จะนั่งเล่น ฟังพี่ๆ ผู้ต้องขังเล่นกีต้าร์ ร้องเพลง เวลามีคนเข้าใหม่มาเป็นคดีการชุมนุม อาร์มและเพื่อนก็มักจะไปยืนรอรับถึงหน้าแดนเลย และมักจะบอกผู้ต้องขังใหม่เสมอว่า “หลังเลิกแถวมาเจอกันนะ, ช่วยๆ ดูแลกันไป”
ปีใหม่ที่ผ่านมาหัวหน้าในเรือนจำ ซึ่งเป็นผู้ต้องขังที่อาร์มนับถือได้เลี้ยงไอติมและอาหารหลายอย่าง พวกปลาและกุ้งที่ในเรือนจำไม่เคยมีให้กิน เมนูที่อาร์มชอบที่สุดคือ “ต้มเลือดหมู” ช่วงปีใหม่เขาได้กินอาหารเยอะ จนบอกว่าตอนนี้น้ำหนักตัวขึ้น
“ในคืนข้ามปี ผมได้ยินเสียงพลุด้วยนะ (ยิ้ม) อยู่ข้างในนี้ ถ้าไม่คิดเรื่องข้างนอกมันก็อยู่ได้ ตอนนี้ผมเลยไม่ได้คิดมากเรื่องประกันละ แต่เดือนหน้าก็จะถูกขังเข้าเดือนที่ 7 แล้ว …”
“อ้อ ผมได้อ่านคำฟ้องแล้ว ในคำฟ้องมีแต่เรื่องโควิด แล้วก็เขียนว่าพวกผม 4 คน เป็นคนลงมือเผารถตำรวจ, มันจะเป็นไปได้ยังไง! พวกเราเป็นแค่ประชาชนมือเปล่า จะไปเผารถ คฝ.ที่มีอาวุธครบมือได้ยังไงกัน”
อ่านเรื่องของวัชรพลเพิ่มเติม
สมบัติ ทองย้อย – ขอบคุณอาหารที่ทุกคนส่งให้ช่วงปีใหม่
หลังผ่านพ้นเทศกาลปีใหม่ 2566 ทนายความได้ถือโอกาสเข้าไปเยี่ยมและสวัสดีปีใหม่“สมบัติ ทองย้อย” สมบัติมีสีหน้ายิ้มแย้มดี อาจจะเพราะผู้เป็นลูกสาวเพิ่งเข้ามาเยี่ยม สมบัติฝากขอบคุณคนที่ส่งอาหารมาให้เขาและผู้ต้องขังคนอื่นในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมา
อาหารที่ว่า สมบัติหมายถึงเมนูอาหารที่เรือนจำเปิดให้คนภายนอกสั่งให้ผู้ต้องขังเป็นเฉพาะในโอกาสพิเศษอย่างวันปีใหม่เท่านั้น ซึ่งมีหลายเมนูด้วยกัน เช่น พิซซ่า ไก่ทอด เค้ก เป็ดพะโล้ ปลากะพงทอดน้ำปลา ซูชิคละหน้า ผัดไทยกุ้งสด ฯลฯ โดยเปิดให้สั่งล่วงหน้าเพียง 3 วันเท่านั้น และผู้ต้องขังจะทยอยได้รับตั้งแต่วันที่ 30 ธ.ค. 2565 – 2 ม.ค. 2566
หลังรับได้อาหารในวันขึ้นปีใหม่ สมบัติได้แบ่งอาหารให้กับเพื่อนๆ ผู้ต้องขังร่วมแดนด้วย โดยเฉพาะผู้ต้องขังที่ไม่มีญาติเข้าเยี่ยม “เหมือนทุกคนได้ร่วมทำบุญในเรือนจำไปด้วย รู้สึกมีความสุขมาก”
สมบัติยังพูดถึง “ก้อง” อุกฤษฏ์ สันติประสิทธิ์กุล” และ “เอก” 2 ผู้ต้องขังที่เพิ่งถูกคุมขังในคดี ม.112 ว่าตอนนี้ทั้งสองถูกคุมขังอยู่ที่แดน 4 ด้วยกันกับสมบัติแล้ว โดยทั้งสองคนนอนอยู่ชั้นบนของเรือนนอน ส่วนสมบัตินอนอยู่ชั้นล่างเพราะบอกว่าตัวเองแก่แล้ว ไม่อยากจะเดินขึ้นลงบันไดบ่อยนัก
เดือนมกราคมนี้ ย่างเข้าเดือนที่ 9 ของการถูกคุมขังแล้ว สมบัติฝากสวัสดีปีใหม่และขอบคุณทุกคนที่ดูแลกันมาโดยตลอด สมบัติยังคงดีใจที่ได้รับจดหมายอย่างสม่ำเสมอ ทั้งจากที่ลูกสาวเป็นผู้รวบรวมส่งเข้ามาให้ รวมถึงจดหมายที่แอมเนสตี้อาสาเป็นตัวกลางรับฝากข้อความถึงผู้ต้องขังในเรือนจำ
นอกจากนี้สมบัติเล่าว่าได้รับจดหมายจาก “เพื่อนคนอเมริกา” คนหนึ่ง ซึ่งส่งเข้ามาหาบ่อยมาก แต่ก็ยังไม่รู้เลยว่าเขาคนนั้นเป็นใคร
อ่านเรื่องของสมบัติเพิ่มเติม
แบงค์ ณัฐพล – เครียดหลังถูกขังยาวนาน จนต้องใช้ ‘ยานอนหลับ’ เป็นตัวช่วย
แบงค์บอกว่า ช่วงนี้รู้สึกเบื่อๆ เซ็งๆ เพราะถูกคุมขังมาเป็นเวลานานแล้ว ตอนนี้ได้รับมอบหมายให้ทำงานในกองงาน “สุขาภิบาล” มีหน้าที่ช่วยดูแลเรื่องการคัดแยกขยะในเรือนจำก่อนจะถูกกำจัดทิ้ง
อาหารของเรือนจำยังคงเป็นสิ่งที่ไม่ถูกปากผู้ต้องขังแทบจะทุกคน แต่หากใครที่มีญาติฝากเงินให้ก็จะสามารถซื้ออาหารในเรือนจำเพิ่มได้ ทั้งนี้ พลพลและผู้ต้องขังคดีการเมืองคนอื่นๆ ยังคงได้รับความช่วยเหลือจากประชาชนข้างนอกฝากเงินให้ได้ใช้กันบ้าง เงินจำนวนนี้นอกจากจะจำเป็นต่อการซื้อของใช้ส่วนตัว อย่างสบู่ แปรงฟัน ยาสีฟัน เสื้อยืด ซึ่งบางครั้งจะหมดหรือหายก่อนจะถึงรอบที่เรือนจำจะแจกจ่ายอีกครั้งแล้ว ยังจำเป็นต่อการซื้อของแห้งไว้กักตุนกิน รวมถึงซื้ออาหารในเรือนจำได้อีกด้วย
“กับข้าวข้างในแพงมาก ถุงละ 50 – 60 บาทเลย เมนูโปรดของผม คือ ‘บะหมี่หมูแดง’”
อย่างไรก็ตาม แบงค์เล่าว่าช่วงนี้จำเป็นต้องใช้ “ยานอนหลับ” ช่วย เพราะเขากังวลและมีความเครียดสะสมจากการที่ไม่ได้ประกันตัวเรื่อยมา ทำให้มีอาการนอนไม่หลับ กว่าจะข่มตานอนได้เวลาก็ล่วงไปจนดึกในเวลา 4 – 5 ทุ่มแล้ว
“พวกเราเข้าเรือนจำเดือนที่ 7 แล้ว ในขณะที่จำเลยคดีเดียวกันได้ประกันตัวไปหมดแล้ว ก็เลยรู้สึกเครียด”
สุดท้ายแบงค์คิดว่า สำหรับคดีนี้หากตำรวจและอัยการไม่มีหลักฐานอะไรเพิ่มเติมก็น่าจะยกผลประโยชน์ให้จำเลย “เพราะข้อเท็จจริง คือ พวกเราไม่ใช่คนเผา เราแค่เข้าไปช่วยไม่ให้น้องโดนไฟคลอกเฉยๆ” แบงค์พูดทิ้งท้ายและหวังว่าศาลจะอนุญาตให้ประกันตัวสักที
อ่านเรื่องของณัฐพลเพิ่มเติม
ต้อม จตุพล – อยากฝึกเขียนคำร้องประกันยื่นศาลเอง
น้ำเสียงของต้อมดูสดใสขึ้น ก่อนเริ่มเล่าว่า ช่วงนี้ต้อมได้รับมอบหน้าที่ให้ประจำอยู่ที่ “หน้าแดน” เพื่อคอยให้คำปรึกษาและเป็นเสมือน “พี่เลี้ยง” ให้กับผู้ต้องขังใหม่ที่เพิ่งก้าวเข้ามาในเรือนจำ ตอนนี้ต้อมค่อนข้างรู้สึกคุ้นเคยกับการใช้ชีวิตในเรือนจำแล้ว
ต้อมและผู้ต้องขังชุดเก่าคนอื่นๆ ได้เจอกับ “เอก” และ “ก้อง-อุกฤษฏ์” สองผู้ต้องขังในคดีมาตรา 112 แล้ว หลังได้พูดคุยและทำความรู้จักกัน ตอนนี้ได้อยู่กลุ่มเดียวกันแล้ว โดยก้องกับเอกได้รับมอบหมายให้ทำงานช่วยงานอยู่ที่ห้องสมุด มีหน้าที่คอยช่วยจัดหนังสือ ดูแลเรื่องการยืมและคืนหนังสือของผู้ต้องขัง
“ผมจัดหนังสือที่พี่เพนกวินเคยอ่าน ให้พี่ทั้งสองคน (เอกและก้อง) แบบเต็มแม็กเลย” พูดพร้อมหัวเราะ
“แต่พี่ก้องบอกเดี๋ยวค่อยมาอ่าน แค่นี้ก็เยอะแล้ว พี่ก้องอ่านหนังสือ ‘กว่าจะครองอำนาจนำ’ ของ อาสา คำภา จบภายใน 5-6 วันเลยนะ อ่านเร็วเหมือนพ่อแซมเลย (แซม-พรชัย ยวนยี) แต่ผมไม่ได้อ่านหรอก ศัพท์เยอะ ปวดหัว!” ต้อมพูดเสร็จก็หัวเราะ
“ช่วงนี้ผมก็จะเตะตะกร้อ เตะฟุตบอล เล่นวอลเลย์บอล แต่ตอนนี้อ้วนกว่าเดิมซะงั้น เพราะได้กินของที่ผู้ใหญ่ในเรือนจำสั่งมา พี่ๆ เขาแบ่งให้เราได้กิน เราก็จะช่วยล้างจานให้ ส่วนของหลวงผมไม่ค่อยกิน ก็รู้ๆ กันอยู่ว่ามันเป็นยังไง”
“ผมยังนอนหลับได้นะ ปกติผมจะนอนตรงบล็อกกั้นใกล้ๆ ห้องน้ำ เพราะมันเย็นดี ไม่ต้องเงยหน้าดูทีวีด้วยเพราะมุมมันได้พอดี เมื่อคืนเก่ง (พลพล) มันนอนดิ้น เอาขามาพาดตัวผม (หัวเราะ) ผมก็เลยต้องปลุกมันมานอนดีๆ”
สุดท้ายต้อมฝากคำขอว่าอยากได้เอกสารคำร้องขอประกันตัวเขาในคดีที่ถูกคุมขังอยู่นี้ เพราะอยากอ่านและจะฝึกเขียนคำร้องยื่นศาลด้วยตัวเองบ้าง โดยอาจจะให้คนที่พอรู้กฎหมายในเรือนจำเป็นคนช่วยดูให้
อ่านเรื่องของจตุพลเพิ่มเติม
เพชร คงเพชร – ฝากกำลังใจถึงเก็ท-ใบปอว่า “อยากให้เข้มแข็ง”
คงเพชรฝากสวัสดีปีใหม่ทุกๆ คน และเล่าว่าช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา เรือนจำจัดกิจกรรมให้ผู้ต้องขังได้ร่วมสนุกหลายอย่างด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นการสวดมนต์ข้ามปี ประกวดร้องเพลง หรือประกวดแต่งกายเป็นมาสคอต โดยเพชรรับหน้าที่ดูแลเวทีประกวดร้องเพลงและมาสคอตร่วมกับพี่ๆ ผู้ต้องขังคนอื่น
เพชรเพิ่งทราบข่าวเรื่องเก็ทและใบปอต้องถูกเพิกถอนประกันและต้องถูกคุมขังอีกครั้ง เพชรอยากฝากบอกกับทั้งสองว่า “อยากให้เข้มแข็ง”
สุดท้ายเพชรบอกว่า วันที่ 7 ก.พ. ที่จะถึงนี้เป็นวันเกิดของเขา โดยปีนี้เพชรจะอายุครบ 19 ปีแล้ว แต่เพชรกลับบอกว่า “มันเป็นปีที่แย่มากเลย ถูกกักขังนาน”
อ่านเรื่องของคงพชรเพิ่มเติม
ต๊ะ คทาธร – น้ำตาไหลแทบจะทุกครั้งที่ ‘เพื่อน’ ไม่ได้ประกันหรือถูกขังเพิ่ม
ต๊ะเองก็ได้ทราบข่าวเรื่องเก๊ท ใบปอ และตะวัน ซึ่งต้องกลับเข้าเรือนจำอีกครั้งแล้ว จากการถูกถอนประกันและถอนประกันตัวเอง ต๊ะบอกว่ารู้สึกโกรธแค้น ทุกครั้งที่ได้รู้ข่าวที่ไม่เป็นธรรม อย่างที่เพื่อนๆ นักกิจกรรมไม่ได้ประกันตัว หรือถูกถอนประกัน เขาก็จะรู้สึกอ่อนไหวจนเผลอร้องไห้ออกมาแทบจะทุกครั้ง
“แม้ว่าตอนนี้จะอายุ 25 แล้ว ก็ยังรู้สึกอ่อนไหวกับเรื่องพวกนี้อยู่ดี”
นอกจากนี้ ต๊ะเล่าว่าช่วงปีใหม่ที่ผ่านมาได้เห็นดอกไม้ไฟหน้าเรือนจำด้วย ประมาณ 30 ลูกได้ เขาได้ฝากขอบคุณทุกคนที่มาจัดกิจกรรมเคาท์ดาวน์หน้าเรือนจำในคืนข้ามปีไปด้วยกัน และจุดพลุให้ได้เห็นตามสัญญา
อ่านเรื่องของคทาธรเพิ่มเติม
พรพจน์ แจ้งกระจ่าง – เปิดเหตุผลว่าไม่ใช่แค่นอนพื้นแข็งที่ทำให้ ‘ปวดหลัง’
พรพจน์เล่าว่า ช่วงนี้รู้สึกปวดหลังมาก อยากจะขอผ้าห่มจากเรือนจำเพิ่มอีกผืนหนึ่งมารองนอน ปกติเรือนจำจะให้ผ้าห่มบางๆ คนละ 3 ผืนเท่านั้น บางคนจะใช้ห่ม 1 ผืน อีก 2 ผืนจะใช้ปูพื้นรองนอน แต่ช่วงหลายเดือนมานี้อากาศช่วงกลางคืนค่อนข้างหนาว บางคนจึงจะใช้ห่มไปเลยทั้ง 3 ผืนก็มี
พรพจน์เริ่มปวดหลังหนักขึ้นทุกวัน เขาคิดว่าน่าจะเป็นปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพร่างกายภายในด้วย รวมถึงเป็นผลจากความเครียดสะสมเรื่องความเป็นห่วงครอบครัวและการไม่ได้ประกันตัวมาเป็นระยะเวลานานด้วย
พรพจน์ถือว่าเป็นผู้ต้องขังที่ถูกขังระหว่างต่อสู้คดีเป็นระยะนานที่สุดเป็นอันดับ 2 รองจากคทาธรและคงเพชร โดยเดือนมกราคมนี้เป็นการถูกคุมขังเข้าเดือนที่ 10 แล้ว ขณะเดียวกันเขากังวลว่าหากได้รับการประกันตัวออกไปแล้วในสักวันแล้วจะใช้ชีวิตอยู่ข้างนอกอย่างไร การหาเงิน หางาน และเริ่มต้นใหม่เป็นสิ่งที่สร้างความกังวลให้เขาพอสมควร
อ่านเรื่องของพรพจน์เพิ่มเติม
แน็ค ทัตพงศ์ – ตั้งคำถามเหตุถึงยังไม่ได้ประกันตัวสักที
เมื่อวาน (11 ม.ค. 2566) พี่ชายของแน็คมาเยี่ยมด้วย พี่ชายบอกว่าอยากจะยื่นประกันแน็คด้วยตัวเองอีกแรงหนึ่ง เผื่อว่าน้องชายจะได้ประกันสักที
แน็คตั้งคำถามด้วยความสงสัยว่า “ไม่รู้ว่าทำไมถึงยังยื่นประกันไม่ได้สักที ทั้งที่รุ่นน้องที่โดนคดีปืน พยายามฆ่าก็ได้ประกันตัวออกไปแล้ว อยากรู้ว่าทำไมศาลไม่ให้ประกันสักที” ตอนนี้แน็คเล่าว่าทำได้แต่เพียงเฝ้ารอให้ญาติมาเยี่ยม อาทิตย์ละ 1-2 ครั้งเท่านั้น
ที่มา ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน
18/01/2566