มนุษย์กรุงเทพฯ
14h
“พ่อของเราเคยติดคุกจากการโพสต์เฟซบุ๊กถึงหมุดคณะราษฎร ก่อนหน้านั้นเราสนใจการเมืองอยู่บ้าง เพราะพ่อเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยที่สนใจการเมือง เหตุการณ์นั้นทำให้เราที่กำลังจะจบ ม.6 สนใจการเมืองมากขึ้น เพราะโดนผลกระทบกับตัวเอง เราทั้งโกรธและเจ็บปวด มันไม่ยุติธรรม แค่โพสต์เฟซบุ๊กไม่ควรถึงขนาดติดคุก ย้อนกลับไปเมื่อหลายปีก่อน กว่าเราจะรู้ว่าพ่อติดคุกก็ผ่านไปหลายวัน และกว่าจะได้ประกันตัวก็อีกเป็นเดือน เราออกมาชุมนุมวันนี้ (26 มกราคม 2566) เพื่อเรียกร้องให้ปล่อยพี่ๆ ที่โดนจับ บางคนกำลังอดอาหารอยู่ด้วย มันคือวิธีการต่อสู้ทางการเมือง เขายอมแลกสุขภาพของตัวเองเพื่อทำให้ผู้คนเห็นความอยุติธรรมของศาลที่ไม่ให้ประกันตัวผู้ต้องหา
“การออกมาชุมนุมทางการเมืองคือการออกเสียงของประชาชน ไม่มีใครอยากอยู่ในสังคมแย่ๆ หรอก เราอยากให้ผู้คนในสังคมเห็นคุณค่าความเป็นมนุษย์ ทุกวันนี้รัฐจับคนที่ออกมาเรียกร้องสิทธิเข้าคุก ทั้งที่การแสดงออกนั้นคือการแสดงคุณค่าความเป็นมนุษย์ เพราะเขาได้พูดในสิ่งที่ตัวเองคิด เราเพิ่งเรียนจบด้านปรัชญา ความตั้งใจคืออยากเป็นนักเขียน สิ่งที่เราอยากสื่อสารผ่านงานเขียนคือ หยุดสร้างปีศาจและหยุดสร้างความสมบูรณ์แบบในตัวบุคคล เราทุกคนเป็นมนุษย์ ไม่จำเป็นต้องน่าเกลียดน่ากลัวและไม่จำเป็นต้องเพอร์เฟกต์ เราควรมองโลกตามความเป็นจริง ถ้าเรามองว่าใครเป็นปีศาจ เราอาจทำความรุนแรงกับคนนั้นโดยไม่รู้สึกผิด อาจเอาเก้าอี้ฟาด โดยลืมไปว่าเขาก็เป็นมนุษย์เหมือนกับเรา”
มนุษย์กรุงเทพฯ
11h ·
“ผมเริ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองตั้งแต่ปี 2549 ตอนนั้นยังไม่ได้ออกเต็มที่ เพราะตัวเองยังทำงานอยู่ พอปี 2552-2553 ผมเปลี่ยนงานไปอีกที่ เลยตัดสินใจออกมามากขึ้น พอรัฐประหาร 2557 ผมก็ออกมาไล่พลเอกประยุทธ์ ทำงานไปด้วย เคลื่อนไหวไปด้วย จนกระทั่งปี 2558 ผมไม่ได้ทำงานอะไรแล้ว หลังจากตกงาน อายุมากขึ้นก็หางานยาก เราไม่ได้เรียนสูง แถมไม่มีความสามารถอะไร ทุกวันนี้เลยช่วยงานน้องชาย เป็นคนเฝ้าของที่โกดัง พักที่นั่นเลย เขาให้เงินครั้งละ 300-400 บาท ไม่ได้ให้ทุกวันนะ ผมเอาเงินนั้นเป็นค่ารถไปถนนราชดำเนิน รับข้าวที่มีคนมาแจกฟรี บางครั้งก็ได้เป็นเงินด้วย
“เวลาผมออกไปรับข้าวที่ถนนราชดำเนิน ความรู้สึกที่เกิดขึ้นคือ ทำไมสังคมไทยถึงเป็นแบบนี้ไปได้ มีแต่คนขาดโอกาสเต็มไปหมด หลายคนแย่กว่าผมอีก พวกเขาลำบากกันมาก ไม่มีบ้าน ไม่มีเงิน ไม่มีญาติพี่น้อง ไม่มีใครคอยช่วยเหลือ ต้องใช้ชีวิตตามมีตามเกิดเท่าที่ได้ หลายคนต้องนอนข้างถนน โดยมีความคิดว่า ถ้าชีวิตได้แค่นี้ก็อยู่แค่นี้ ช่วงแรกที่ผมออกไปรับข้าว รู้สึกอายนะ แต่นานไปก็ต้องยอมรับ ยังไงเราต้องใช้ชีวิต กลั้นความอดสูไว้ ผมว่าหลายคนที่ต่อแถวรับข้าวก็ไม่ได้อยากทำแบบนั้นหรอก แต่พวกเขาไม่มีทางเลือก ผมยังโชคดีที่มีน้องชายคอยช่วยเหลืออยู่บ้าง
“ผมอายุเยอะแล้ว เป้าหมายโดยส่วนตัวเลยไม่มีอะไรแล้ว ผมออกมาวันนี้ (26 มกราคม 2566) เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม ต่อสู้กับผู้ใหญ่ในบ้านเมืองที่กดขี่และเอาเปรียบประชาชน การเปลี่ยนแปลงไม่ใช่เรื่องง่ายหรอก แต่ผมมีความหวังว่าสังคมไทยจะค่อยๆ ดีขึ้น ไม่ใช่แค่พัฒนาทางวัตถุอย่างเดียว แต่ต้องยกระดับความคิดให้มากกว่านี้ด้วย ทุกวันนี้คนในสังคมสนใจแต่เรื่องของตัวเอง ไม่สนใจเรื่องการเมือง รัฐบาลในปัจจุบันก็เป็นเผด็จการ สนใจแต่คนพวกเดียวกัน ไม่ได้สนใจประชาชนส่วนใหญ่ที่ยากจน สิ่งเหล่านี้ต้องเปลี่ยนแปลง”