วันอังคาร, มกราคม 24, 2566

เป็นเรื่อง ‘บ้าบอ’ “ประชาชนต้องออกมาเรียกร้องให้ผู้พิพากษาทำตามกฎหมาย”

การอดอาหารและน้ำของ ตะวัน กับ แบม มันไปไกลกว่าประเด็น พลีชีพเพื่อหลักการ แล้วละ “ไม่แปลกที่เด็กผู้หญิงสองคนอยากปลุกผู้คนที่หลับใหลให้ลุกขึ้นมา” ทิชา ณ นคร มองมุมกลับของเหรียญ “หรือพวกเราตายไปกันหมดแล้ว

นักกิจกรรมรุ่นป้า ผอ.ศูนย์ฝึกอบรมเด็กฯ บ้านกาญจนาภิเษก บอกกับนิตยสาร เวย์“การไม่ต่อสู้ของคนรุ่นเรา กลายเป็นภาระของคนรุ่นถัดไป” จนถึงจุดนี้ถึงได้เป็นเรื่อง บ้าบอดังที่ ลูกเกดChonthicha Jangrew @LookkateChonth1 ว่า

“ประชาชนต้องออกมาเรียกร้องให้ผู้พิพากษาทำตามกฎหมาย” ซึ่ง ธงชัย วินิจจะกูล ชี้ให้เห็นว่ามันเป็น ตลกร้ายสิ้นดี ที่กฎหมายเป็นแค่เครื่องมือในการกุมอำนาจรัฐ “ยามนี้มันอาจมืดมิกันหมด” อย่างที่ ป้ามล ว่า เรื่องที่เข้าทำนองคลองธรรมหายาก

เช่นเรื่อง “ยาใจ ทะลุฟ้า ไม่ต้องถูกถอนประกัน” ซึ่ง พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ นำไปเล่าให้ #ตะวันกับแบม ทราบ เมื่อเขาเข้าไปเยี่ยมนักกิจกรรมหญิงทั้งสอง ให้เห็นว่าบ้านเมืองนี้ยังมีแสงสว่างรอดออกมาให้เห็น แม้มิได้เจิดจ้า ก็ยังกระพริบรำไร

เมื่อ ๒๒ มกรา ๖๖ “ศาลแขวงดุสิต #พิพากษายกฟ้อง คดี พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ของ #ลูกเกดชลธิชา จากการชุมนุม #ขีดเส้นตายไล่เผด็จการ พิเคราะห์แล้ว การออก พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เป็นการออกกฎหมายเพื่อจำกัดเสรีภาพ ซึ่งย่อมทำได้

เพื่อเป็นการป้องกันและสร้างความปลอดภัยของประชาชนโดยรวม แต่ไม่ใช่เครื่องมือทางการเมือง การบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวต้องเป็นไปเพื่อบังคับใช้ในการป้องกันการแพร่กระจายของโรคโควิด-19 ไม่ใช่เพื่อปราบปรามผู้ชุมนุม...อย่างไร้เหตุผล”

บางคนถึงกับอุทาน “เซอร์ไพร์ส!! อะไรกันนี่ เพิ่งจะได้ยิน” ศาลไทยมี sensibility กับเขาด้วย ศาลยอมรับว่า “ระดับการป้องกันโควิดในการชุมนุมในขณะเกิดเหตุเป็นเรื่องที่รับได้ ไม่เสี่ยงต่อการแพร่โรค สถานการณ์ติดเชื้อ ณ ตอนนั้นเป็นศูนย์”

ครั้นเมื่อพยานโจทก์เบิกความว่าจำเลยใช้เครื่องขยายเสียงปราศรัย ศาลเห็นว่า “ในการชุมนุมดังกล่าวมีคนร่วมเป็นจำนวนหมื่นกว่าคน ถ้าไม่มีการใช้เครื่องขยายเสียงก็ควบคุมมวลชนได้ยาก ศาลไม่ถือว่าเป็นสาระสำคัญ”

คดีนั้นศาลจึง #พิพากษายกฟ้อง ชลธิชา แจ้งเร็ว

(https://twitter.com/TLHR2014/status/1617362868558794752)