จากกรณี 'ลุงไพโรจน์' ชายสูงวัยที่หมดสติ หัวใจวายเฉียบพลันในช่วงระหว่างการชุมนุมยื่นหยุดขัง ที่บริเวณหน้าศาลอาญาวันนี้ (29 ม.ค.) และได้เสียชีวิตลงแล้ว ผู้สื่อข่าวประชาไทคุยกับแก๊งเพื่อนคนเสื้อแดงของไพโรจน์เพื่อรู้จักเขาให้มากขึ้น
'ลุงไพโรจน์' เป็นหนึ่งในผู้ชุมนุมที่เดินเท้าไปศาลอาญาเพื่อยื่นประกันตัวนักโทษทางการเมือง เขามีอาการเหนื่อยอ่อนและนั่งพักอยู่ที่บริเวณป้ายรถเมล์หน้าศาล จากนั้นได้หมดสติพับลงไปนอนบนฟุตบาท มวลชนที่อยู่รอบข้างจึงช่วยปฐมพยาบาลและพาส่งรพ.ราชวิถีโดยเร็ว แต่สุดท้ายเขาเสียชีวิตก่อนถึงรพ. ด้วยอาการหัวใจวายเฉียบพลัน
ภายหลังทราบชื่อว่า ไพโรจน์ โชติศรีพันธ์พร อายุราว 67 ปี เป็นประชาชนผู้รักประชาธิปไตย เขาเข้าร่วมในการต่อสู้อย่างสม่ำเสมอมาตั้งแต่สมัยคนเสื้อแดง และในวันนี้ก็เช่นเดียวกัน
14.30 น. ที่ รพ.ราชวิถี ผู้สื่อข่าวพูดคุยกับ 'มาลีและปุ๊ย' แก๊งเพื่อนเสื้อแดงของไพโรจน์
(จากซ้าย) ปุ๊ย-มาลี
มาลี เล่าว่าเธอเจอกับไพโรจน์ในม็อบคนเสื้อแดง ต่างคนต่างมาแต่ว่าเป็นขาประจำทั้งคู่จึงทำให้สนิทสนมและคอยดูแลกันตลอดมา
"ปกติเวลาอยู่ในม็อบ พี่กับเขานี่ดูโอ้เลย เราจะคอยดูเขาตลอด แต่เมื่อเช้าพี่ไม่ได้ไป"
มาลีบอก พร้อมเล่าว่าสนิทกันมาก บ้านของเขาที่ จ.พิจิตร เธอก็เคยไปเที่ยวมาแล้ว
ไพโรจน์เป็นชายสูงวัยจาก จ.พิจิตร มีพี่สาว 2 คนอยู่ที่บ้านเกิด แต่เขามาทำธุรกิจและอาศัยอยู่กรุงเทพฯ ตัวคนเดียว
ด้วยความที่บ้านของมาลี ปุ๊ยและไพโรจน์อยู่ในละแวกเดียวกัน ปกติก็จะนัดทานข้าวด้วยกันทุกวันศุกร์ที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งที่กลุ่มเพื่อนจะมาเจอกันได้ง่าย
สำหรับคนสูงวัย ทุกศุกร์ที่ได้ออกมาเจอกัน กินข้าว คุยการเมือง ระบายเรื่องเครียด ถือเป็นช่วงเวลาที่มีคุณค่ายิ่ง
แต่ว่าเมื่อศุกร์ที่ผ่านมา (27 ม.ค.) มีกิจกรรมยืนหยุดขัง พวกเขารู้สึกเป็นห่วงเด็กๆ ที่อดอาหารอยู่ในเรือนจำจนทำให้ทานข้าวไม่ลง จึงเปลี่ยนสถานที่มานัดพบกันในม็อบที่หอศิลป์แทน ทำให้ไม่ได้มีเวลาคุยกัน
"เขายังพูดๆ อยู่ว่าเป็นห่วงเจ้าตะวัน" มาลีบอก
มาลีและปุ๊ยเล่าว่า เมื่อก่อนไพโรจน์มักนำอาหารมาแจกในม็อบ และเมื่อมีการเคลื่อนไหวของม็อบราษฎรกลุ่มต่างๆ ในปี 63 แล้วมีการจับกุมเหล่าแนวหน้า พวกตนก็ผันตัวมาเป็นท่อน้ำเลี้ยงให้กับคนหน้างาน เพื่อสนับสนุนการต่อสู้ของเด็กๆ
"เขาไปสบายแล้ว" ปุ๊ยเสริม
ผู้สื่อข่าวถามว่าทั้งคู่รู้เรื่องโรคประจำตัวของไพโรจน์บ้างไหม มาลีบอกว่า ไม่เคยรู้ว่าเขามีโรคประจำตัวใดอื่น นอกจากอาการปวดหลังที่เจ้าตัวมักบ่นเป็นประจำ ซึ่งสอดคล้องกับคำพูดของ บรรศักดิ์ เกิดชัยฤทธิ์ หรือ 'ศักดิ์' หลานเขยของไพโรจน์ที่ไม่ทราบเรื่องโรคประจำตัวเช่นกัน
"ไม่เคยเห็นกินยานะ มีแต่บ่นปวดหลัง" มาลีบอก
16.00 น. ที่หอศิลป์ กรุงเทพฯ ผู้สื่อข่าวคุยกับ 'ตึ๋ง' เพื่อนอีกคนหนึ่งของไพโรจน์และเป็นคนสุดท้ายที่ได้คุยกับเขาก่อนที่จะหมดสติล้มพับลงไป
ตึ๋ง (ขวา)
ตึ๋งบอกว่าไพโรจน์เป็นหน่วยซัพพอร์ตด้านอาหารตัวยง บางทีเขาก็เป็นคนนำกระทะมาทอดไข่ด้วยตัวเอง สอดคล้องกับที่ผู้ชุมนุมคนอื่นๆ ที่จำเขาได้ เพราะเขาเอาเฉาก๊วยมาแจก
"ก็เพิ่งรู้วันนี้นี่แหละว่าเขาเป็นโรคหัวใจ" ตึ๋งบอกว่ารู้เรื่องนี้เป็นคนแรกของแก๊ง
สำหรับเหตุการณ์ในวันนี้ ตึ๋งเล่าว่าไพโรจน์นั่ง MRT มาจากบ้าน ลงที่สถานีลาดพร้าวแล้วเดินมาที่ศาลอาญาจากนั้นคงเหนื่อย จึงนั่งพักคุยกับตนที่ตรงป้ายรถเมล์ โดยบอกข่าวว่าอาการปวดหลังที่เรื้อรังมาตลอดนั้นหายแล้ว แต่ว่าตอนนี้เจอโรคใหม่แทน นั่นคือโรคหัวใจ
มาลีและปุ๊ย ทิ้งท้ายด้วยการฝากกำลังใจถึงทะลุฟ้า พร้อมบอกว่าเด็กๆ ไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิดต่อเหตุการณ์ในวันนี้ เพราะลุงไพโรจน์จากไปด้วยโรคประจำตัว ทางข้างหน้ายังต้องสู้อีกไกล พวกตนพร้อมสนับสนุนเสมอ