วันอาทิตย์, พฤศจิกายน 20, 2565

การทำงานของไอโอหรือfc รัฐบาล กับการให้การอันเป็นเท็จ + โต้โฆษกตำรวจ ว่าภาพถ่ายตำรวจยิงกระสุนยางเป็นภาพเก่า


Patipat Janthong
10h

ชี้แจงกรณี โฆษกตำรวจระบุว่าภาพถ่ายตำรวจยิงกระสุนยางเป็นภาพเก่า
.
วันนี้ 19 พ.ย. 65 พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง โฆษกกองอำนวยการร่วมรักษาความปลอดภัยและการจราจรการประชุมเอเปค 2565(โฆษกกอ.ร่วมฯ) แถลงข่าวเหตุการณ์สลายการชุมนุมที่ถนนดินสอ(18 พ.ย. 65) ระบุ
.
"ภาพถ่ายดังกล่าวไม่ใช่เหตุการณ์ที่ถนนดินสอ แต่เป็นภาพเก่าที่เกิดขึ้นในการชุมนุมครั้งก่อนหน้านี้ ซึ่งขณะนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้หารือกับฝ่ายกฎหมายตรวจสอบโพสต์ดังกล่าวแล้วว่า จะเข้าข่ายโพสต์ข้อมูลอันเป็นเท็จ ยั่วยุ หรือทำให้เกิดความเสื่อมเสียต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติหรือไม่ หากเข้าข่ายก็ต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย"
.
ในฐานะคนถ่ายภาพนี้ขอชี้แจงว่าภาพดังกล่าวนั้นเป็นภาพที่บันทึกขึ้นจริงบริเวณถนนดินสอ เมื่อวันที่ 18/11/2565 เวลา 12:34:05 ตามข้อมูล metadata จากภาพต้นฉบับ
.
ฝาก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ช่วยตรวจสอบว่าการให้ข่าวของโฆษกตำรวจนั้นเป็นข้อมูลอันเป็นเท็จหรือไม่ และฝากติดตามสืบสวนหาผู้กระทำผิดในการใช้กำลังกับผู้ชุมนุมและผู้สื่อข่าวด้วยครับ
ขอบคุณครับ



.....
Noi Thamsathien
1d

เราชักเริ่มเห็นแพทเทิร์นบางอย่างนะ
ตามอ่านทวีต เราเห็นการทำงานของไอโอหรือfc รัฐบาลในทวิตเตอร์หนนี้ ต้องชมว่าพร้อมเพรียงหนักแน่นมาก จู่โจมทุกจุด ปล่อยมุขโต้ทั้งดันทั้งรับทุกเม็ด แนวทางสำคัญของพวกเขาหนนี้ เริ่มต้นจากการยกสถานะการประชุมให้แตะต้องไม่ได้ มันเป็นหน้าเป็นตาประเทศ การแสดงออกซึ่งปัญหาหรือคัดค้านใดๆคือป่วนให้ประชุมล่มและส่อเจตนาทำร้ายชาติ คือผลักให้ผู้ออกไปชุมนุมเป็นคนเลวรับไม่ได้ไปเลย พวกเขาขานรับรัฐบาลที่พยายามทำให้การประชุมเอเปคเป็นเรื่องห้ามแตะต้องใครทำมีสถานะเป็นผู้ร้ายต้องจัดการเด็ดขาด
แฟนคลับในโซเชียลมีเดียนี่แหละออกมาชูประเด็นว่าการคุมม๊อบต้องทำแบบสากลและแบบสากลคือต้องเด็ดขาด ทั้งจับทั้งจัดหนัก คือสนับสนุนให้ใช้มาตรการหนัก ไม่ต้องการให้ใช้มาตรการเบา อ้างว่าสากลต้องทำแบบนี้ อันที่จริงแล้วมีเฉพาะ ‘บางสากล’ เท่านั้นที่จัดหนัก ไม่ใช่สากลทั้งหมด
ฟค/ไอโอพวกนี้โต้ทุกรายการ ตั้งแต่เรื่องคุณค่าของการจัดประชุมไปจนถึงเรืองการจัดการผู้ชุมนุม การโต้เรื่องความชอบธรรมของการชุมนุมเป็นปกติอยู่ละสำหรับพวกเขา เขาจะนำในเรื่องแสดงความสะใจ การซ้ำเติม ฯลฯ คือพยายามระดมความเกลียดชังต่อม๊อบ ให้ภาพว่าสังคมรับไม่ได้ ถึงขั้นเรียกร้องให้ลงมือและลงมือหนักๆ บางรายหนักกว่านั้นก็มี มีมุขใหม่ๆโผล่มาเรื่อยๆ หลังสุดที่เปิดมุขสื่อปลอมออกมาแล้ว
มันรู้สึกเหมือนสร้างกระแสต่อต้านม๊อบ สร้างความเกลียดชังเป็นระบบมาก สร้างความชอบธรรมให้กับการใช้มาตรการหนัก
ส่วนตร.คฝ. เราว่านี่เป็นอีกหนที่ชัดว่าหลายคนคุมตัวเองไม่อยู่ การต้องการคุมม๊อบอาจจะทำให้เหนื่อยเครียดได้ แต่มันมากกว่านั้น มันเหมือนโดนปลุกมาแล้ว เราบอกได้เลยจากประสบการณ์ทำข่าวในอดีตที่มีการใช้กำลังสลายการชุมนุมว่า ทุกครั้งที่จนท. สลายการชุมนุมด้วยกำลัง มันเริ่มที่ในหัว มันมีทัศนคติบางอย่างต่อผู้ชุมนุมแต่ต้นแล้ว และการทุบนักข่าวทั้งๆที่เขาบอกว่าเป็นสื่อ การพยายามเคลียร์คนจากพท.ประชุมเอเปคให้เร็วให้ภาพว่ารัฐบาลกวดขันจนท.ให้ทำให้พท.นี้ ‘เรียบร้อย’ สอดคล้องทัศนะการยอมรับอำนาจ/อยู่ภายใต้อำนาจ เป็นทัศนะที่ทั้งรัฐบาลและผู้สนับสนุนพยายามโปรโมทให้เป็นคุณค่าของคนไทย ใครออกจากกรอบนี้เป็นคนเลว เป็นกรอบคิดที่แฟนคลับ/ไอโอพยายามปลุกด้วย เช่นตั้งคำถามว่าเขาห้ามแล้วทำไมออกไป คำถามประเภทนี้แสดงให้เห็นชัดเจน ส่วนจนท.เป็นส่วนสำคัญของกลไกนี้อยู่แล้ว ที่จริงแค่ทำหน้าที่ก็พอแล้วแต่บางคนท้าทาย กวักมือเรียก ทุบโดยไม่จำเป็นแปลว่ามีทัศนะติดลบ เราเชื่อว่ามีทั้งคิดแบบนี้เป็นทุนเดิม บวกกับถูกติวมาแบบนี้ คือเรากำลังบอกว่า รัฐบาลออกแบบมาแต่ต้นที่จะใช้มาตรการแรง ขนาดคนที่ถูกจับ ถูกตีหัวจนปวดหัว ตร.ยังไม่ให้ไปหาหมอ heavy handed measure + an attitude
แต่ใครก็ตามที่ออกแบบการจัดงานแบบผักชี สวยสงบราบคาบ คือไม่เข้าใจแล้วว่าโลกไม่ได้ operate แบบนี้ ประเทศคุ้นชินระบบปชต.ไม่มีใครเขาแคร์หรอก ยกเว้นที่ไม่ใช่ ที่จริงนายกเองกับทีมงานก็รู้ พวกเขารู้ว่าตะวันตกไม่แคร์เรื่องการชุมนุมเพราะทนได้กับการแสดงออก การประชุมระดับโลกไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งในประเทศอย่างสหรัฐฯ ในยุโรป มีคนไปชุมนุมต่อต้านมันเกิดได้ พวกเขาไม่ได้คาดหมายให้ทุกอย่าง ‘เรียบร้อย’ เพราะมีรัฐบาลก็มีการด่ารัฐบาลเป็นปกติ การไม่ยอมให้มีการแสดงออกมากกว่าที่เป็นประเด็น ทีมงานนายกก็น่าจะรู้ และนั่นเป็นเหตุผลส่วนหนึ่งที่ทำให้พล.อ.ประยุทธ์ไม่เครียดเมื่อเจอป.มาครองของฝรั่งเศส ประกอบกับมาครองให้เกียรติด้วย ภาพเลยออกมาดูดีกว่าตอนเจอป.สีจิ้นผิง ซึ่งมีท่าทีเหมือนมาตรวจงานลูกน้อง อย่าลืมว่าก่อนผู้นำจีนจะมามีกระแสต้านจีนปรากฎ จีนนั้นรู้กันว่าไม่ค่อยมีประวัติว่าทนกับอะไรแบบนี้ นั่นอาจจะทำให้พล.อ.ประยุทธ์ประหม่า ขณะที่อีกฝ่ายดูไม่ยี่หระเลย การที่ป.ไบเดนไม่มา ทำให้การมาของป.จีนเป็นจุดพีคของลุงตู่ และในระหว่างผู้นำประเทศต่างๆ ใครล่ะที่มาจากระบบรับความแตกต่างไม่ได้ และใครล่ะที่เป็นพี่เบิ้มที่ไทย ‘เกรงอกเกรงใจ’ ที่สุดเวลานี้ ดังนั้นการจัดการอย่างรุนแรงกับม๊อบ เป็นการออกแบบมาเพื่อเอาใจผู้นำบางประเทศโดยที่มองข้ามหัวผู้นำประเทศตต. ไปเลย เราเชื่อว่าผู้นำตะวันตกในที่ประชุมคงเซ็ง แต่ไทยไม่แคร์ ต้องการเอาใจคนที่คุ้นชินกับการที่ปชช อยู่ในกรอบและกับมาตรการจัดหนักที่ต้องการผลักดันให้เป็น ‘สากล’ ที่ขณะนี้มีประเทศอย่างไทยเป็นหนึ่งในหัวหอกร่วมผลักดันด้วยไปแล้วเรียบร้อย ไม่ว่าจะด้วยคุณค่า nature ที่ไปด้วยกันได้ หรือจะด้วยความอยากเอาใจก็ตาม
นาทีนี้เราคิดแบบนี้นะ อาจจะผิดก็ได้ แต่ประเมินเอาจากที่ได้เห็น
.....

ภาพนี้พอได้มะ
มิตรท่านหนึ่ง