วันพฤหัสบดี, พฤศจิกายน 24, 2565

หลักคิดจาก ‘เจ้าสัวซีพี’ คนที่จะเจริญรุ่งเรืองและประสบความสำเร็จได้ ต้องรู้จักอภัย-รู้จักเสียสละ-รู้จักเสียเปรียบ ช่างกล้าพูดนะ


CSI LA
1d

สงสัยเจ้าสัว เอา 3 องค์ประกอบนี้ เอาไว้สอนใจคู่แข่งของตัวเอง ให้รู้จักทำใจ
True จ่าย 300 ล้าน แต่ได้สิทธิ์ถ่ายทอดบอลโลกถึง 32 รายการ สามารถเก็บค่าโฆษณา แถมคนดูต้องใช้บริการของ True เท่านั้นถึงจะได้ชมบอลโลกผ่านจอแบบ HD


Voice TV
October 5

3 องค์ประกอบ ‘เจ้าสัวซีพี’ รู้จักอภัย-รู้จักเสียสละ-รู้จักเสียเปรียบ

เพจเฟซบุ๊ก We are CP เผยแพร่ข้อความเกี่ยวกับ ธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโสกลุ่มบริษัทซีพี กล่าวในการประชุมติดตามห้าประสานครั้งที่ 39 ซึ่งเกิดจากการผนึกกำลังห้าประสานของบริษัทในเครือฯ ประกอบด้วย ซีพีเอฟ ซีพีออลล์ ทรู แม็คโคร และโลตัส มีข้อความดังนี้

ธนินท์ เจียรวนนท์ แนะหลักคิดคนที่จะเจริญรุ่งเรืองและประสบความสำเร็จได้ต้องมีองค์ประกอบ 3 อย่างในชีวิต คือ กตัญญู ตอบแทนบุญคุณ และรู้จักให้ พร้อมประกาศให้ซีอีโอทุกกลุ่มธุรกิจปลูกฝังพนักงานให้ 'รู้จักอภัย' 'รู้จักเสียสละ' 'รู้จักเสียเปรียบ'

เมื่อเร็ว ๆ นี้ ท่านประธานอาวุโสธนินท์ เจียรวนนท์ เป็นประธานการประชุมติดตามห้าประสานครั้งที่ 39 ซึ่งเกิดจากการผนึกกำลังห้าประสานของบริษัทในเครือฯ ประกอบด้วย ซีพีเอฟ ซีพีออลล์ ทรู แม็คโคร และโลตัส โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อการผนึกกำลังของทั้งห้าหน่วยงาน แลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ซึ่งกันและกัน และเป็นเวทีของการแก้ปัญหาร่วมกัน

โดยจัดในรูปแบบออนไลน์ ซึ่งในการประชุมครั้งนี้ท่านประธานอาวุโสได้ตอกย้ำถึงเรื่องความกตัญญู โดยกล่าวว่าผู้ที่จะเจริญรุ่งเรืองและประสบความสำเร็จ ต้องมี 3 องค์ประกอบสำคัญ คือ กตัญญู ตอบแทนบุญคุณ และรู้จักให้ พร้อมประกาศให้ซีอีโอทุกกลุ่มธุรกิจปลูกฝังความกตัญญูแก่พนักงาน โดยต้อง 'รู้จักอภัย' 'รู้จักเสียสละ' 'รู้จักเสียเปรียบ'

เครือเจริญโภคภัณฑ์เชื่อมั่นในคุณค่าความกตัญญู ซึ่งเป็นรากฐานการดำเนินธุรกิจ ทำให้เครือฯ เติบโตมาจนถึงปัจจุบันมีอายุกว่า 100 ปี ใจความสำคัญที่ท่านประธานอาวุโส ธนินท์ เจียรวนนท์ ได้กล่าวในการประชุม คือ เครือซีพีใช้ระบบและเทคโนโลยีจากตะวันตก แต่ยังคงวัฒนธรรมตะวันออกซึ่งมีเรื่องความกตัญญู และการรู้จักตอบแทนบุญคุณ ความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ ถือเป็นการตอบแทนแผ่นดินและกตัญญูต่อประเทศชาติ รวมถึงต้องกตัญญูและตอบแทนบุญคุณพ่อแม่เป็นรากฐาน

นอกจากนี้ผู้ที่จะเจริญรุ่งเรืองและประสบความสำเร็จได้ต้องมีองค์ประกอบ 3 อย่างในชีวิต คือ ต้องเป็นคนที่มีความกตัญญู รู้จักตอบแทนบุญคุณ และต้องรู้จักให้คนอื่น เพราะยิ่งให้มากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งได้กลับคืนมามากเท่านั้น ซึ่งการให้มีหลายอย่าง ให้ได้ทั้งสิ่งของ เงินทอง ความนับถือ จิตใจ และให้กำลังใจ

หากจะให้พนักงานมีความกตัญญู บริษัทต้องให้ก่อน ให้โอกาส ให้อำนาจ ให้การสนับสนุนให้เขาก้าวหน้า ให้อนาคต กล่าวคือ ต้องให้ก่อน ได้ทีหลัง รวมถึงต้องปลูกฝังให้พนักงาน 'รู้จักอภัย' 'รู้จักเสียสละ' 'รู้จักเสียเปรียบ' ซึ่งเป็นหน้าที่ของซีอีโอ ซีโอโอ และผู้นำทุกคน

Chatechenko Yingkiattikun
20h

อัพเดตสถานการณ์เกี่ยวกับลิขสิทธิ์บอลโลกล่าสุดหลังแถลงของทรูเมื่อวาน
.
- ทรูอ้างเป็นผู้ถือลิขสิทธิ์ฟุตบอลโลก และกีดกันไม่ให้กล่องอื่นๆดูผ่านOTTได้
- ที่ทรูทำกับ กกท. ไม่ใช่แค่สัญญาเป็นสปอนเซอร์แต่เป็น 'สัญญาซื้อขายลิขสิทธิ์'ในส่วนนี้
- กสทช.ใช้คำว่าทรูแบ่งสิทธิ์มาให้ถ่ายเพิ่มคู่ขนาน16แมตซ์ สรุปใครถือสิทธิ์ ทรูหรือกสทช.?
- คำถามคือทำไมคนจ่าย300ล้าน เสียงดังกว่า600ล้าน
- กกท. กำหนดราคากลางในการซื้อขายกับทรูเท่าไร มีe-biddingไหม ได้เปิดให้คู่แข่งเจ้าอื่นเข้าแข่งหรือไม่ หรือฮั้วกัน
- แบบนี้เรียกว่า 'นิติกรรมอำพราง'หรือไม่คือรัฐไปซื้อแล้วมาขายต่อให้เอกชน
- หรือจริงๆทรูทำสองสัญญาคือสปอนเซอร์สัญญานึง ซื้อสิทธิ์ต่อจากกกท.สัญญานึง
- แล้วประเทศอื่นซื้อสิทธิ์ในส่วนนี้เท่าไร กกท.ซื้อมาแล้วขายขาดทุนเอื้อเอกชนหรือไม่
- กกท.ต้องแจงสัญญาระหว่างตัวแทนไทยกับฟีฟ่าว่า เป็นสิทธิ์สำหรับboardcastingเท่าไร และOTT เท่าไร
- แล้วส่วนไหนแพงกว่ากัน ไม่ใช่ว่าเหมือนซื้อของแถมแพงกว่าของหลักนะ แบบซื้อน้ำมันเครื่องแถมเสื้อยืด แต่เสื้อยืดราคาแพงกว่าน้ำมันเครื่อง
- ในส่วนนี้ต่างประเทศเขาซื้อขายที่เท่าไหร่ ราคาของไทยเมกเซนส์ไหม
- แล้วทำไมรัฐต้องเอาเงินไปอุ้มเอกชน ทั้งที่ถ้าทรูจะเป็นเจ้าของสิทธิ์ทั้งหมดควรจ่าย1400ล้านไม่ใช่300ล้าน
- 2ใน4 กสทช. ที่โหวตให้ซื้อลิขสิทธิ์บอลโลกกำลังโดนร้อง ม.157 จากพรรคก้าวไกล เพราะมีผลประโยชน์ทับซ้อนกับเครือซีพีใช่ไหม
.
ไม่ใช่แค่เรื่องฟุตบอลโลก อันนี้คือเรื่องผลประโยชน์ของประเทศที่มีข้อสงสัยว่ารัฐคือ กกท.และกสทช.กำลังเอื้อเอกชน ผมว่าอันนี้ทั้งรัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องต้องออกมาตอบสังคม