วันพุธ, พฤศจิกายน 30, 2565

เหตุผลมากมายในการประท้วงจีน "นโยบายโควิดเป็นศูนย์สามารถเกิดขึ้นได้เฉพาะในจีนหรือเกาหลีเหนือเท่านั้น… และรัฐบาลไม่เคยเปิดเผยความจริงให้ผู้คนรู้"


เจ้าหน้าที่ตำรวจปิดถนนวูรุมมูชีในนครเซี่ยงไฮ้เมื่อวันที่ 27 พ.ย. เพื่อหยุดการประท้วงต่อต้านนโยบายปลอดโควิดของจีน

ประท้วงจีน : เจ้าหน้าที่ตำรวจจีนตรึงกำลังแน่นหลังผู้ประท้วงปักหลักชุมนุมหลายวัน

29 พฤศจิกายน 2022
บีบีซีไทย

การประท้วงต่อต้านนโยบายโควิดเป็นศูนย์ที่เข้มงวดของรัฐบาลจีน ซึ่งปะทุขึ้นในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ดูเหมือนว่าจะยุติลงแล้ว หลังมีรายงานว่า ทางการได้เพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนเข้าควบคุมฝูงชนในเมืองต่าง ๆ ของจีน

ทางการยังตั้งเครื่องกีดขวางขนาดใหญ่และแนวกั้นตามแนวถนนหลักที่ใช้เป็นสถานที่ประท้วงในนครเซี่ยงไฮ้ โดยมีรายงานว่า ตำรวจได้เข้าควบคุมตัวผู้ชุมนุมแล้วหลายคน

เจ้าหน้าที่ตำรวจยังขัดขวางไม่ให้ผู้คนถ่ายรูปการประท้วงและให้ลบรูปภาพในอุปกรณ์ของพวกเขา

การประท้วงทั่วประเทศขยายตัวขึ้นหลังจากเกิดไฟไหม้อาคารสูงในเมืองอุรุมชี ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตกของจีน เหตุไฟไหม้ดังกล่าวคร่าชีวิตผู้คนไป 10 คน เมื่อวันที่ 24 พ.ย. ที่ผ่านมา

เป็นที่เชื่อกันอย่างแพร่หลายว่า ผู้อยู่อาศัยในอะพาร์ตเมนต์แห่งนี้ไม่สามารถหลบหนีไฟได้เนื่องจากมาตรการโควิด แต่เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นได้โต้แย้งข้อกล่าวหาดังกล่าว

เอ็ด ลอว์เรนซ์ ผู้สื่อข่าวของบีบีซีในประเทศจีนถูกจับกุมระหว่างติดตามทำข่าวการประท้วงในนครเซี่ยงไฮ้ เมื่อวันที่ 27 พ.ย. ลอว์เรนซ์รายงานว่าเขาถูกทำร้ายและถูกเตะ และถูกกักตัวอยู่หลายชั่วโมงก่อนที่จะได้นรับการปล่อยตัวในเวลาต่อมา

นายเจมส์ เคลเวอร์ลี รัฐมนตรีต่างประเทศสหราชอาณาจักร ทวีตข้อความแสดงความ "วิตกกังวลอย่างยิ่ง" ต่อการจับกุมผู้สื่อข่าวบีบีซี


มีการสร้างเครื่องกีดขวางตามสถานที่ประท้วงหลักบนถนนวูรุมมูชี ของนครเซี่ยงไฮ้ หลังจากเกิดการประท้วงของคนจำนวนมากต่อมาตรการควบคุมโควิดที่เข้มงวด

จีนกลายเป็นประเทศมหาอำนาจทางด้านเศรษฐกิจประเทศเดียวที่ยังมีนโยบายโควิดเป็นศูนย์ที่เข้มงวด ที่มีเจ้าหน้าที่จากภาครัฐเข้าควบคุมพื้นที่ในทันทีแม้จะพบการระบาดเพียงเล็กน้อย พร้อมจับทุกคนตรวจหาเชื้อ กักตัว และออกมาตรการล็อกดาวน์ทันที

ภาพการประท้วงต่อต้านการล็อกดาวน์เกิดขึ้นมากมายในนครเซี่ยงไฮ้และเมืองหลวงอย่างปักกิ่ง รวมถึงเมืองใหญ่อื่น ๆ เช่น เฉิงตูและอู่ฮั่น

การเซ็นเซอร์ไม่ให้เข้าถึงแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ของจีน เริ่มเกิดขึ้นบ่อยขึ้น นับตั้งแต่เกิดการประท้วงเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อยับยั้งไม่ให้ผู้คนเห็นและพูดถึงการประท้วงที่เกิดขึ้นตามเมืองต่าง ๆ

โพสต์หลายสิบล้านรายการถูกกรองออกจากผลการค้นหา ในขณะที่สื่อจีนต่าง ๆ เลี่ยงไม่รายงานข่าวเกี่ยวกับสถานการณ์การประท้วง และหันไปนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับฟุตบอลโลกและความสำเร็จด้านอวกาศของจีนแทน

ผู้ประท้วงหลายสิบคนรวมตัวกันในใจกลางฮ่องกงเมื่อวานนี้ (28 พ.ย.) และที่วิทยาเขตของมหาวิทยาลัยจีนแห่งฮ่องกง (Chinese University of Hong Kong) เพื่อแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันกับการชุมนุมที่เกิดขึ้นทั่วประเทศจีน



ปัญหาด้านวัคซีนของจีน

ถึงแม้ว่าประเทศจีนได้พัฒนาวัคซีนป้องกันโควิดเป็นของตัวเอง แต่คุณภาพก็ไม่ดีเท่ากับวัคซีนที่ใช้เทคโนโลยีแบบ mRNA อย่างเช่นวัคซีนของไฟเซอร์และโมเดอร์นาที่มีการใช้กันทั่วโลก

การได้รับวัคซีนของไฟเซอร์/ไบโอเทคครบโดส (2 โดส) จะทำให้อัตราการป้องกันไม่ให้เกิดอาการรุนแรงหรือเสียบชีวิตจากโรคได้ถึง 90% ในขณะที่วัคซิโนแวคให้การปกป้องได้เพียง 70%

วัคซีนยังไม่ได้รับการแจกจ่ายให้กับผู้คนอย่างเพียงพอ ขณะนี้จีนยังมีผู้สูงอายุจำนวนไม่มากที่ได้รับวัคซีน ซึ่งกลุ่มนี้เป็นกลุ่มเปราะบางและมีแนวโน้มว่าจะเสียชีวิตจากโควิดมากที่สุด

นอกจากนี้ ชาวจีนยังมี "ภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติ" ที่จะเกิดขึ้นจากการติดโควิด น้อยมาก อันเป็นผลมาจากมาตรการโควิดที่พยายามไม่ให้ประชาชนติดโควิด

นั่นหมายความว่า โควิดสายพันธุ์ใหม่แพร่กระจายได้เร็วกว่าไวรัสที่เกิดขึ้นเมื่อสามปีที่แล้ว และมีความเสี่ยงอย่างต่อเนื่องที่จะถูกนำเข้าจากประเทศที่ปล่อยให้ไวรัสแพร่กระจาย

สิ่งเหล่านี้ก่อให้เกิดความท้าทายทางการเมืองอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนสำหรับประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน โดยทั้งประเทศกำลังจับตาดูอยู่ดูว่าเขาจะมีท่าทีอย่างไร

ผู้ประท้วงจำนวนมากถือกระดาษเปล่า ซึ่งเป็นกลยุทธ์ในการประท้วงโดยหลีกเลี่ยงการตรวจสอบหรือจับกุม



ชาวกรุงปักกิ่งออกมาประท้วงนโยบายปลอดโควิดของรัฐบาล หลังเกิดเพลิงไหม้ที่อะพาร์ตเมนต์ในเมืองอุรุมชีทำให้มีผู้เสียชีวิต 10 คน

แต่ก็มีอีกหลายคนที่มีข้อเรียกร้องไปไกลกว่านั้นมาก และเรียกร้องให้นายสีออกจากตำแหน่ง

แม้จะมีการเซ็นเซอร์อย่างหนัก แต่ข่าวการประท้วง วิดีโอ และรูปภาพก็แพร่กระจายผ่านสื่อสังคมออนไลน์และแอปพลิเคชันรับส่งข้อความอย่างต่อเนื่อง

อ้าย เหว่ยเหว่ย ศิลปินและนักสร้างภาพยนตร์แนวหน้าของจีน เปรียบนโยบายโควิดที่เข้มงวดของจีนกับเรื่องอื้อฉาวด้านสาธารณสุขของประเทศในปี 1990 ในมณฑลเหอหนาน ที่ผู้คนทำรายได้จากการขายเลือด ซึ่งทำให้ผู้คนนับแสนติดเชื้อเอชไอวี

นายอ้าย ผู้วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลจีนอย่างตรงไปตรงมา กล่าวว่า มีความคล้ายคลึงกันหลายประการในแง่ของความพยายามของรัฐบาลในการควบคุมข้อมูลข่าวสาร

"นโยบายโควิดเป็นศูนย์สามารถเกิดขึ้นได้เฉพาะในจีนหรือเกาหลีเหนือเท่านั้น… และรัฐบาลไม่เคยเปิดเผยความจริงให้ผู้คนรู้" เขากล่าวกับรายการ PM ของบีบีซี

"เศรษฐกิจกำลังพังทลาย คนหนุ่มสาวไม่มีงานทำ นักเรียนไม่มีอนาคต บัณฑิตไม่สามารถหางานได้ ซึ่งสร้างเหตุผลมากมายสำหรับการประท้วงในลักษณะนี้"