วันอาทิตย์, พฤศจิกายน 27, 2565

#MetooTH ยุติความรุนแรงต่อผู้หญิง ความจริงของหญิงคนหนึ่ง ที่ถูกบังคับขืนใจทางเพศ


Kanchana Di-ut
Yesterday

ความจริงของมนุษย์คนหนึ่ง: ฉันเป็นผู้หญิงที่รอดจากการเคยถูกข่มขืนซึ่งกระทำโดยผู้ชายที่เป็นเหยื่อของระบบสังคมชายเป็นใหญ่
ขอให้ความจริงเยียวยาเราทุกคน ทั้งผู้ถูกกระทำและผู้เผลอกดขี่คนอื่น
สวัสดีค่ะทุกคน สิ่งที่กานต์กำลังจะเล่าต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับความรุนแรง หากรู้สึกไม่สบายใจ สามารถหยุดฟังได้ทุกเมื่อ และอาจกระตุ้นความทรงจำเลวร้ายเกี่ยวกับประสบการณ์เคยได้รับความรุนแรงโดยเฉพาะความรุนแรงทางเพศ แนะนำว่าเตรียมรับมืออาการทรอม่าไว้ก่อนก็ดีนะคะ
กานต์ขอบคุณความกล้าหาญของผู้หญิงแรงงานข้ามชาติที่ตัดสินใจฟ้องคดีเพราะถูกผู้ชายไทยข่มขืนและเขาก็ถูกศาลพิพากษารับโทษแล้วเมื่อสิบกว่าปีก่อน
ขอบคุณความกล้าหาญของคุณเอิน-นลินรัตน์ ตู้ทับทิม ผู้หญิงที่ออกมาเปิดเผยเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2563 ในการชุมนุม #บ๊ายบายไดโนเสาร์ ซึ่งจัดขึ้นโดยกลุ่มนักเรียนเลว คือเรื่องเมื่อครั้งคุณเอินเรียนอยู่ชั้นมัธยมปลาย ที่เธอถูกครูผู้ชายคนหนึ่งลวนลาม การได้อ่านเรื่องราวของเธอทำให้ภาพวันที่กานต์ถูกข่มขืนไหลผ่านเข้ามาในความรู้สึกนึกคิดอย่างหยุดไม่ได้ จนกานต์ตัดสินใจรวบรวมพลังทั้งหมดเท่าที่มีออกมาเล่าความจริงของกานต์ในวันนี้ได้
เรื่องที่ถูกข่มขืน
เมื่อหน้าร้อนปี 2543 หลังตัดสินใจเข้าร่วมการชุมนุมครั้งแรกในชีวิตเพื่อต่อต้านความอยุติธรรมอันเป็นผลของการกู้เงินจากธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย หรือเอดีบี โดยเข้าร่วมขบวนกับสหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนนท.) และพี่น้องชาวบ้าน องค์กรภาคประชาสังคมต่างๆ
หลังการชุมนุมจบ กานต์ได้ทำงานเป็นผู้ช่วยทำงานบ้านและงานจิปาถะต่างๆ ให้กับผู้ชายอาวุโสที่ให้การสนับสนุนขบวนการนักศึกษาประชาชนครานั้น กานต์ประทับใจ ศรัทธา ชื่นชม และไว้วางใจในตัวเขามาก
วันหนึ่งเขาเชิญให้กานต์เป็นนางแบบนู้ดให้เขา แล้วเขาก็โถมตัวทับร่างกานต์ กานต์ช็อคนิ่ง ทำอะไรไม่ได้ เขาข่มขืนกานต์
กานต์ร้องไห้เสียใจอย่างหนัก ไม่รู้จะทำอย่างไรดี หลังพยายามคิดอย่างรอบด้านว่า หากบอกแฟน ครอบครัว เพื่อน อาจารย์ที่ตนเองรู้จักในมหาวิทยาลัย จะเกิดอะไรขึ้น กานต์พบว่ามีโอกาสที่ตนเองจะถูกประนาม ถูกหาว่าทำให้ครอบครัวและชุมชนแปดเปื้อน และเป็นความผิดของกานต์เองที่เปลื้องผ้าเป็นนางแบบให้เขา กานต์ได้ถามเขาด้วยว่าหากใครรู้เข้าจะทำอย่างไร เขาบอกว่า “ผมก็จะบอกว่าไม่จริง และคุณก็ไม่ต้องบอกใครนะ”
เขาเป็นคนมีชื่อเสียงระดับประเทศ มีคนนับหน้าถือตาเขามากมาย อาจมีกระทั่งบางคนไม่เชื่อกานต์แล้วว่าร้ายกานต์กลับ
กานต์เห็นว่าไม่มีทางออกอื่นใดเลย นอกจากบอกตนเองว่า ให้ลืมมันซะ ให้ทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพราะหากใครรู้เข้า ชีวิตเธอก็จะมีแต่พังทลาย
กานต์กลัวมาก แม้กระทั่งจะหายหน้าไปก็ไม่กล้า กานต์จึงบังคับให้ตนเองทำงานเป็นผู้ช่วยจิปาถะให้เขาต่อไปและยอมให้เขานอนด้วยยามที่เขาต้องการ เพราะหากจะปฏิเสธตามที่ใจตนเรียกร้อง ก็กลัวว่าหากขัดใจเขา เขาอาจทำให้กานต์ตกที่นั่งลำบาก เช่น เขาอาจจะบอกแฟนกานต์ กานต์รักแฟนคนแรกในชีวิตมาก หากแฟนรู้เข้า เขาต้องเสียใจมากๆ
จนกระทั่งเลิกกับแฟนคนแรก และต่อมากานต์ได้พบกับผู้ชายอีกคนหนึ่งที่กานต์รู้สึกรักเขาอย่างท่วมท้น พร้อมจะสร้างครอบครัวกับเขา และอยากปกป้องความรักของเรา ก่อนค่ำวันหนึ่งกานต์ได้ขี่มอเตอร์ไซค์ไปหาผู้ชายคนที่ข่มขืนกานต์ บอกเขาว่า ต่อไปนี้กานต์จะไม่ยอมให้เขานอนกับกานต์อีกแล้ว เขาถามว่าเพราะอะไร กานต์ตอบไปว่า “เพราะหนูสัญญากับแม่หนูไว้” เขาทำสีหน้าตกใจและพูดออกมาทันทีว่า “ห๊ะ แม่คุณรู้เรื่องนี้เหรอ” กานต์ตอบไปว่า หนูสัญญากับแม่ว่าจะเป็นคนรักที่ดีของแฟนคนปัจจุบันของหนูค่ะ ความจริงตอนนั้นกานต์ไม่ได้บอกแม่ แต่ที่ต้องเอาแม่มาเป็นข้ออ้าง เพราะกานต์มองไม่เห็นใครอื่นอีกแล้วที่จะสามารถทำให้เขายอมเลิกนอนกับกานต์ หลังจากกานต์ได้บอกออกไปด้วยเสียงชัดเจนแบบนั้น กานต์ก็รู้สึกโล่งใจมากและ เขาก็ไม่เคยขอนอนกับกานต์อีกเลย
แต่กานต์ก็ยังทำงานต่อไป ไม่กล้าแม้จะหายหน้าไป เพราะกลัวใครจะสงสัยและอาจรู้ว่ากานต์เคยนอนกับเขา บวกกับความจำเป็นที่จะต้องหารายได้เพิ่ม และเขาก็จ่ายค่าจ้างให้กานต์ในอัตราที่สูงกว่าที่อื่น กานต์จึงทำงานให้เขาต่อมา จนกานต์ขับรถได้ ก็ได้เป็นคนขับรถให้เขาด้วย
กานต์กับเขาจึงสนิทสนมกันระดับหนึ่ง เพื่อนๆ ที่อยู่แถวชุมชนหน้าวัดอุโมงค์ไล่ไปจนถึงชุมชนวัดโป่งน้อยจะเห็นกานต์กับเขาไปไหนด้วยกันเป็นประจำ บางคนเข้าใจผิดว่ากานต์เป็นลูกของเขาก็มี ในช่วงที่กานต์มีปัญหาหนักบางเรื่องจนร้องไห้ กานต์ก็ปรึกษาเขา เขาเองก็เคยเล่าเรื่องที่ติดค้างในใจให้กานต์ฟัง ระหว่างเดินเล่นวันหนึ่งในบริเวณบ้านเขา เขาชี้ให้กานต์ดูตำแหน่งที่เคยเป็นกระท่อมหลังหนึ่งแล้วบอกประมาณว่า “หากคนนั้นรู้ว่าเตียงมันสูงแบบนั้น เขาจะรู้ว่าไม่ใช่การข่มขืน”
กานต์กับเขาสนิทกัน ในระดับที่เราเป็นห่วงเป็นใยกัน มาจนถึงวันนี้ กานต์ก็ยังรู้สึกว่าเขาคือเพื่อนคนสำคัญคนหนึ่งของชีวิตกานต์ และกานต์ก็รับความช่วยเหลือภายใต้ระบบอุปถัมป์จากเขาด้วย
เขาได้รับรางวัลศิลปินแห่งชาติ
แต่หลังจากเขาได้รับรางวัลศิลปินแห่งชาติในปี 2560 กานต์ก็รู้สึกกลัวขึ้นมาจับใจว่าใครๆ อาจรู้ว่าเขาเคยนอนกับกานต์ กานต์รู้สึกกลัวจนตัวสั่น
กานต์เล่าแผนที่ตนจะไปเยี่ยมเขาให้เพื่อนคนที่กานต์ไว้ใจฟัง ว่ากานต์จะไปเยี่ยมเขา เพื่อนคนนี้พอจะทราบเรื่องระหว่างกานต์กับเขาบ้างแต่ไม่รู้รายละเอียด เพื่อนได้บอกกานต์ว่า “เขาทำร้ายเธอแล้วเธอยังจะไปหาเขาอีกเหรอ”
นั่นเป็นครั้งแรกที่กานต์ยอมรับเต็มๆ ว่า เขาคือคนที่ทำร้ายกานต์ แล้วทำไมกานต์จะต้องบังคับตนเองให้ดูแลเขาอย่างเดียว ทำไมกานต์ไม่ดูแลความรู้สึกของตนเองด้วย
แต่กานต์ก็ยังไม่รู้จะดูแล เยียวยาความป่วยไข้ของตนเองอย่างไร กานต์พอจะทราบขึ้นมาแล้วว่า อาการซึมเศร้า ไบโพลาร์ ที่กานต์เป็นมาโดยตลอดนั้น สาเหตุสำคัญหนึ่งคือการข่มขืนครั้งนั้นที่เขาทำต่อกานต์
วันหนึ่ง กาต์เห็นภาพในจินตนาการของตนเองว่า กานต์ไปเยี่ยมเขาที่จังหวัดน่าน บ้านเกิดกานต์ ที่เขาย้ายไปพักถาวรจนถึงปัจจุบัน ภาพผุดขึ้นมาในหัวกานต์คือ กานต์เดินเล่นกับเขาแล้วกานต์ผลักเขาตกบ่อน้ำตาย กานต์ตกใจมาก และรู้ว่าตนเองจะต้องทำอะไรสักอย่าง เพราะในความรู้เนื้อรู้ตัว กานต์ไม่ได้คิดจะฆ่าเขาเลย กานต์ไม่ได้อยากทำร้ายใครเลย เพราะกานต์รู้ว่า คนที่ถูกทำร้าย มันเจ็บปวดเพียงใด
จนวันนี้ กานต์เห็นว่า ความจริงจะเยียวยาเราทุกคน ทั้งกานต์ เขา และสังคมที่ป่วยไข้ ที่ยังมีการข่มขืนอยู่ทุกวันนี้
กานต์พยายามคิดหาคำตอบ พอจะได้ใจความสำคัญว่า
• ที่กานต์ไม่กล้าเล่าความจริงให้ใครฟัง เพราะกานต์ยอมรับเอาการโทษเหยื่อ ว่าผู้หญิงที่ถูกข่มขืน คือผู้หญิงที่แปดเปื้อน ทำให้กานต์รู้สึกว่าตนเองไม่ดีพอ ไม่มีค่าที่จะเป็นที่รักอย่างแท้จริงของใคร กานต์จึงพยายามทำงานอย่างหนัก จนหนักเกินไปและป่วยมาหลายรอบ เพื่อที่ตนเองจะเป็น ลูกสาวที่ดี แม่ที่ดี คนทำงานที่ดี เป็นคนดีของสังคม แต่กานต์ไม่ได้เป็นคนดีของตนเองเลย
อาการป่วยต่างๆ ของกานต์ส่งผลกระทบทำให้กานต์ทำงานได้ไม่ดีเท่าที่ควร จนถึงขั้นถูกให้ออกจากงานโดยไม่มีความผิด แต่เพราะความป่วย ช่วงที่ต้องพักปรับตัวรับยาลิเทียมถึงสามเดือน กานต์ดูแลลูกเองไม่ได้ ต้องเอาลูกไปฝากบ้านญาติ ลูกร้องไห้เพราะไม่อยากจากแม่ แต่กานต์ก็ทำอะไรไม่ได้เลย ร่างกายกานต์ทนไม่ได้กับอาการข้างเคียงต่างๆ ของยาทุกชนิด ยาชนิดหนึ่งทำให้กานต์สวิงไปเป็นขั้วเฟื่อง ช่วงอาการหนักๆ กานต์ออกจากบ้านเวลากลางคืน อยู่ในสภาพเสียสติ และนอนกับผู้ชายไปหลายคนอย่างไม่สนใจอะไรเลย และมันก็ทำให้กานต์เสียใจและเกลียดตนเองมากขึ้นเรื่อยๆ เป็นต้น
กานต์เคยคิดฆ่าตัวตายมาแล้วหลายครั้ง
ล่าสุด ในระหว่างร่าง เรียบเรียง สิ่งที่จะพูดนี้ ระหว่างขับรถ กานต์คิดถึงเรื่องนี้อย่างควบคุมตนเองไม่ได้ ขาดสติ เกิดอุบัติเหตุรถชนกำแพงกั้นกลางถนน ตอนนี้รถยนต์ก็ยังจอดรอซ่อมอยู่ที่อู่
แล้วอะไรหล่ะที่ทำให้เขาข่มขืน
o จากที่เขาเล่าให้ฟัง เช่น เขาถูกล้อว่าหน้าตาไม่หล่อเลย จนกระทั่งเขารู้สึกว่าสิ่งที่ดูดีที่สุดในร่างกายเขาคือเท้าของเขาเท่านั้น ที่ดูดีจนเป็นแบบให้ปั้นเท้าได้ เขาไม่มั่นใจในตนเองและไม่รู้วิธีแสดงความรักอย่างถูกต้อง เขาเคยถูกบูลลี่มาก่อน ดังนั้นการจะมีสัมพันธ์กับผู้หญิง เขาต้องใช้ความกล้า และ
o ในยุคที่เขาเติบโตมา พระเอกหนังก็ใช้วิธีบอกรักนางเอกด้วยการโถมตัวใส่นางเอก ใช้การข่มขืนนางเอกเป็นการบอกรัก เขาเคยบอกว่ารักกานต์ด้วย และกานต์เข้าใจว่าเขาเลียนแบบพระเอกหนังในยุคเขา เพราะสื่อเหล่านั้นบอกว่าทำได้ พระเอกใจกล้าต้องกล้าโถมตัวเข้าหาผู้หญิง
o นอกจากนั้น ความมีชื่อเสียง การมีคนนับหน้าถือตาของเขา ความเป็นนักเขียนและศิลปินวาดภาพที่โด่งดังระดับประเทศ การเป็นผู้ร่วมก่อตั้งมูลนิธิเด็ก และเขาก็มีเพื่อนที่อยู่ในตำแหน่งมีอำนาจมากมาย อำนาจและบารมีที่เขามีก็ทำให้เขารู้ว่า ใครๆ จะฟังเขา เชื่อเขา มากว่าจะฟังหรือจะเชื่อผู้หญิงที่เขาโถมตัวใส่
o และเขาก็ใช้เงินและทรัพย์ต่างๆ ที่เขามี อันได้มาจากการเขียนและการวาดภาพของเขา เพื่อมาจ่ายค่าตอบแทนให้กานต์ในอัตราสูงกว่างานที่กานต์ทำที่อื่น ๆ ความสัมพันธ์เชิงอุปถัมป์ ได้ช่วยปิดปากคนที่รับการอุปถัมป์จากเขาเช่นกานต์มาโดยตลอด เพราะหากกานต์พูดไป กานต์จะถูกใครๆ หาว่า อกตัญญูได้
แต่ ณ วันนี้ กานต์เห็นแล้วว่า สภาพแบบนี้ ยิ่งทำให้เราพากันรักษาไว้ซึ่งความรุนแรงต่อผู้หญิง
กานต์ไม่อยากเป็นส่วนหนึ่งในการสืบทอดอำนาจนิยมปิตาธิปไตยอีกต่อไปแล้ว
กานต์ไม่อยากให้ใครถูกข่มขืนหรือถูกละเมิดทางเพศอีกแล้ว และเชื่อว่าความรุนแรงทุกรูปแบบควรยุติลง
กานต์จึงพร้อมแล้วที่จะพูดความจริง เพื่อเยียวยาทุกคน ทั้งตัวกานต์เอง เขา และสังคมที่ใช้ความรุนแรง เพื่อร่วมกันสร้างการเปลี่ยนแปลงเพื่อสังคมที่ทุกคนมีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์เท่ากัน
ผู้ชายคนที่ข่มขืนกานต์คือ เทพศิริ สุขโสภา ที่ปัจจุบันคือศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ ประจำปี พ.ศ. 2560 ของประเทศไทย
ทางออกของปัญหาการทำความรุนแรงทางเพศต่อผู้หญิงนั้น ต้องมุ่งยุติที่สาเหตุระดับโครงสร้างและความเชื่อ
กานต์เห็นว่าเทพศิริ ก็คือผู้ที่ถูกระบบสังคมชายเป็นใหญ่และอำนาจนิยม สร้างให้เป็นคนที่ข่มขืนผู้อื่น ดังนั้นเทพศิริ และทุกคนที่ข่มขืนผู้อื่น รวมทั้งคนที่ปกป้องคนที่กระทำการข่มขืน ควรได้รับการแก้ไขความเข้าใจเสียใหม่ กานต์เชื่อว่ามนุษย์เปลี่ยนแปลงได้ กานต์จึงมุ่งให้เราเข้าใจความเป็นมาเป็นไปในภาพรวมทั้งหมด เพื่อจะป้องกันไม่ให้ใครกลายเป็นนักข่มขืนอีก
และสมาชิกครอบครัวของเทพศิริควรได้รับความเห็นอกเห็นใจ ไม่ควรถูกมุ่งร้าย เพราะสิ่งที่เทพศิริทำ ไม่ควรให้คนอื่นมารับผิดชอบแทนเขา แม้แต่เทพศิริเอง เขาก็ควรได้รับความยุติธรรมด้วยในฐานะที่สังคมปิตาธิปไตยและอำนาจนิยมได้ทำลายความเป็นมนุษย์ในด้านนี้ของเขาลง
หากเทพศิริยังพอมีสติระลึกรู้ได้ และสามารถเรียนรู้ว่า การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้รับความยินยอม คือการละเมิดทางเพศ คือการข่มขืน คือความรุนแรง หากเทพศิริยอมรับว่าทำผิด กานต์ก็พร้อมจะรับฟังคำขอโทษ ถึงแม้การข่มขืนจะเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ก็ตาม
แต่กานต์จะไม่ปล่อยให้ความโกรธครอบงำจิตใจกานต์เพราะมันจะทำลายตัวกานต์เอง กานต์อยากใช้พลังชีวิตที่เหลืออยู่และความรักในความเป็นมนุษย์เพื่อร่วมกันกับทุกคนสร้างสรรค์สังคมให้น่าอยู่ขึ้นค่ะ
กานต์เชื่อในข้อความว่า “เกลียดกลัวบาป แต่ไม่เกลียดกลัวคนที่ทำบาป” เหมือนที่กานต์ไม่เห็นด้วยกับโทษประหารค่ะ เพราะลำพังการมุ่งเอาผิดระดับบุคคลที่กระทำการข่มขืนไม่สามารถแก้ปัญหาได้อย่างแท้จริงแบบถอนรากถอนโคน กานต์จึงมุ่งแก้ที่สาเหตุคือระบบปิตาธิปไตยที่ผู้ชายกดขี่ผู้หญิงและเพศสภาพอื่น หรือ lgbtiqp+
เราสามารถเสริมอำนาจให้ผู้ที่ผ่านการละเมิดและความรุนแรงทางเพศได้เยียวยาตนเองได้ เช่น ให้มีกลไกการร้องเรียนที่ปลอดภัยและการบริการที่อ่อนไหวต่อความรู้สึกและสถานการณ์ของผู้ได้รับความรุนแรงทางเพศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีที่เป็นเด็ก นักเรียน นักศึกษา แรงงาน ที่ผู้ชายผู้กระทำอยู่ในตำแหน่งที่มีอำนาจมากกว่า
ตราบใดที่ผู้หญิงไม่ปลอดภัย ทุกคนก็ยังไม่ปลอดภัยจากความรุนแรง เพราะอำนาจนิยมกับปิตาธิปไตยและความเป็นชายที่เป็นพิษนั้นคือการใช้ความรุนแรงต่อทุกคนที่มีอำนาจน้อยกว่า
ยุติวัฒนธรรมลอยนวลพ้นผิด เริ่มได้ด้วยพื้นที่ปลอดภัย ให้ทุกคนที่เคยได้รับความรุนแรง ได้ออกมาพูด เพื่อเรียกศักดิ์ศรีของตนคืนมา และการแก้ไขไปสู่สังคมที่ปราศจากความรุนแรงของเราทุกคนร่วมกันค่ะ
ความหวัง
กานต์มีความหวังอย่างเต็มเปี่ยม และอยากชวนทุกคนมาร่วมกันสร้างสังคมปลอดภัยปราศจากความรุนแรงต่อผู้หญิงและทุกคนค่ะ ขอเชิญทุกคนมาช่วยกันระดมความเห็นและลงมือด้วยกัน ที่กานต์คิดออกบางข้อเช่น
• สร้างพื้นที่ปลอดภัย ให้ทุกคนที่เคยได้รับความรุนแรงทางเพศสามารถพูดออกมาได้ เพื่อความยุติธรรมสำหรับทุกคน ซึ่งต้องจัดให้มีการเยียวยาบาดแผลร้ายแรงหรือทรอม่าที่เกิดจากความรุนแรงด้วย
• ทบทวน ปรับปรุง และขยายกลไกการให้บริการ โดยให้ผู้เคยได้รับความรุนแรงมีส่วนร่วม เพื่อให้มีกลไกการร้องเรียนที่ปลอดภัย และให้บริการอย่างอ่อนไหวต่อความรู้สึกและสถานการณ์ของผู้ได้รับความรุนแรง
• สร้างความเข้าใจใหม่ เปลี่ยนปิตาธิปไตยและอำนาจนิยมเป็นประชาธิปไตย เคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของทุกคนเท่ากัน ยกเลิกการโทษเหยื่อ
• เสริมอำนาจให้ผู้หญิง เด็กผู้หญิง กลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ lgbtiqp นอนไบนารี่ และกลุ่มผู้มีอำนาจน้อยหรือกลุ่มชายขอบทุกกลุ่ม
เชิญทุกคนระดมความเห็นและร่วมกันลงมือปฏิบัติ
หากเราร่วมกัน เราสามารถยุติความรุนแรงต่อผู้หญิงและทุกคนได้
ขอให้ความจริง ปลดปล่อย และเยียวยาเราทุกคน
ชวนทุกคนเอาความรักและความหวัง มาสร้างสังคมปลอดภัย ปราศจากความรุนแรงทางเพศและความรุนแรงทุกรูปแบบร่วมกันค่ะ
ขอบคุณทุกคนที่อ่านและรับฟังกานต์นะคะ
กานต์
#ฉันคือผู้หญิงที่รอดจากการถูกข่มขืนที่ทำโดยชายผู้เป็นเหยื่อของระบบอำนาจนิยมปิตาธิปไตย
#25พย_วันยุติความรุนแรงต่อผู้หญิงสากล