วันศุกร์, พฤศจิกายน 25, 2565

เปิดเครือข่ายทุนจีนสีเทาภาคต่อ หลัง “ตู้ห่าว” เจ้าของผับจินหลิงเข้ามอบตัว

นายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือตู้ห่าว นักธุรกิจจีนที่โอนสัญชาติมาเป็นไทย ตามหมายจับคดีจำหน่ายยาเสพติดเชื่อมโยงผับลับชาวจีน "จินหลิง"

ทุนจีน : เปิดเครือข่ายทุนจีนสีเทาภาคต่อ หลัง “ตู้ห่าว” เจ้าของผับจินหลิงเข้ามอบตัว

24 พฤศจิกายน 2022
บีบีซีไทย

คดีจับผับลับชาวจีนที่ชื่อว่า จินหลิง ที่มีนักท่องเที่ยวมั่วสุมยาเสพติดในย่านยานนาวาของกรุงเทพฯ กำลังจะครบ 1 เดือน ผู้ถูกกล่าวหาคนสำคัญ ได้แก่ นายตู้ห่าว นักธุรกิจชาวจีนที่โอนสัญชาติเป็นคนไทย เข้ามอบตัวกับตำรวจแล้วพร้อมปฏิเสธความเกี่ยวข้อง ขณะที่ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แถลงผลปฏิบัติการขยายผลกวาดล้างกลุ่มนายทุนจีนและนอมินีในไทยที่ประกอบธุรกิจผิดกฎหมายรวม 5 กลุ่ม

24 พ.ย. 2565 ตำรวจสถานีตำรวจนครบาลยานนาวา นำตัวนายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือตู้ห่าว นักธุรกิจจีนตามหมายจับคดีจำหน่ายยาเสพติดเชื่อมโยงผับลับชาวจีน "จินหลิง" ฝากขังต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ หลังจากเข้ามอบตัวกับตำรวจ ที่สโมสรตำรวจ ถนนวิภาวดี เมื่อ 23 พ.ย.

ระหว่างคุมตัวขึ้นรถผู้ต้องขัง นายตู้ห่าวตอบคำถามสื่อว่า เขา "ยืนยัน" ในความบริสุทธิ์ของตัวเอง

นายตู้ห่าว คือ คนจีนที่โอนสัญชาติเป็นสัญชาติไทย ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับในฐานความผิดร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษ ร่วมกันจำหน่ายวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทประเภท 2 อันเป็นการมีไว้เพื่อการค้า อันเป็นการกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชน และสมคบกันกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดและสนับสนุนหรือช่วยเหลือผู้กระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด

พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ แถลงความคืบหน้าปฏิบัติการกวาดล้างธุรกิจสีเทาชาวจีนว่า นายตู้ห่าว มีความเชื่อมโยงกับผับจินหลิง โดยมีชื่อเป็นผู้เช่าผับ พบการเข้าออกผับจินหลิงเป็นประจำ รวมทั้งวันที่เปิดปฏิบัติการจับกุมเมื่อ 26 ต.ค. ที่ผ่านมา นอกจากนี้พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังแสดงความเชื่อมั่นในการเอาผิดคดียาเสพติดกับนายตู้ห่าวได้ เพราะคนในผับดังกล่าวรู้ว่านายตู้ห่าวเป็นผู้สั่งการ

"การสืบสวนเรามีความเชื่อมโยงได้ว่า ตู้ห่าว อยู่ในสถานที่นั้นในวันเกิดเหตุ และตู้ห่าวเป็นเจ้าของสถานที่นั้นโดยเป็นคนเช่า แล้วอยู่ในสถานที่นั้นเป็นประจำ อันนี้เป็นข้อมูลในการสืบสวนที่ทำให้เราเชื่อมโยงได้ว่า ทั้งยาเสพติด และคนที่อยู่ในสถานบริการนั้นรู้ว่าตู้ห่าวมีการเข้าออกอยู่ตลอด และมีการสั่งการอยู่ตลอด" พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ กล่าว

พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ แถลงด้วยว่า กลุ่มของนายตู้ห่าว เป็น 1 ใน 5 กลุ่มของนายทุนจีนที่ประกอบธุรกิจสถานบันเทิงในไทยโดยแอบแฝงธุรกิจผิดกฎหมาย ในกรุงเทพฯ และชลบุรี ขณะนี้ได้จับกุมไปแล้ว 3 กลุ่ม โดยทั้ง 5 กลุ่ม มีความสัมพันธ์รู้จักกัน

"ในกรุงเทพฯ มีความเกี่ยวพันกันทั้งหมด... เป็นกลุ่มเดียวกัน ทั้งร่วมกันและแยกกันทำ"



สำหรับกลุ่มนายทุนจีนที่ทำธุรกิจสีเทา จากการแถลง ได้แก่ 1. กลุ่มตู้ห่าว 2. กลุ่มเดวิด 3. กลุ่มหยู่ฉางเฟ่ย 4. กลุ่มโทนี และ 5. กลุ่มหมิง ตอนนี้จับกุมไปแล้ว 3 กลุ่ม คือ ตู้ห่าว เดวิด และหยู่ฉางเฟ่ย โทนีอยู่ระหว่างจับกุมซึ่งยังอยู่ในไทย ส่วนนายหมิงหลบหนีออกนอกประเทศและอยู่ระหว่างการออกหมายจับสากล

สำหรับปฏิบัติการกวาดล้างขยายผลดังกล่าว มีการปูพรมตรวจค้น 5 ครั้ง 75 จุด รวม 20 จังหวัด ดำเนินคดีผู้ต้องหารวม 93 ราย และยึดทรัพย์ไว้ตรวจสอบรวม 1,000 ล้านบาท เจ้าหน้าที่ได้รวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด เพื่อให้ทราบเส้นทางการเงินและนอมินี โดยหลังจากนี้ พนักงานสอบสวนจะนำข้อมูลจากการสืบสวนมาลงในสำนวนเพื่อมัดตัวผู้กระทำผิดทั้งหมด

รอง ผบ.ตร. ระบุด้วยว่า ยังไม่พบความเชื่อมโยงไปยัง "จ้าวเหว่ย" นักธุรกิจจีนผู้ก่อตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษคิงส์โรมัน ซึ่งมีกาสิโน และสถานบันเทิงครบวงจร ในพื้นที่เกาะดอนซาว เมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว ประเทศลาว ฝั่งตรงข้ามกับ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย

เปิดโปรไฟล์ "ตู้ห่าว" สามี พ.ต.อ.หญิง หลานอดีตรัฐมนตรี

พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ แถลงด้วยว่า นายตู้ห่าว สื่อมวลชนทราบดีอยู่ว่าได้แต่งงานกับหลานสาว พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ช่วงปี 2541-2543 และอดีตรองนายกรัฐมนตรีสมัยรัฐบาล น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งหลายสื่อระบุว่า ภรรยาของนายตู้ห่าว มียศ เป็น พ.ต.อ. หญิง

"ในส่วนของตู้ห่าว รู้จักกับตำรวจเยอะ และรู้จักกับอดีตรัฐมนตรี อันนี้ต้องพูดเรื่องจริงกัน ส่วนใครเกี่ยวข้อง ใครร่วมกระทำความผิด ต้องเอาทั้งหมดมากองรวมกัน ถ้าถึงใครก็ต้องว่ากันไปตามกระบวนการทางกฎหมาย แต่เราต้องดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา"

ก่อนหน้านี้ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรระบบบัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรครักประเทศไทย เปิดเผยว่า มีบุคคลที่จะพา นายตู้ห่าว "เข้าไปกราบบุคคล ๆ หนึ่งที่ชอบสะสมนาฬิกา" และพบด้วยว่า มีการบริจาคเงิน 3 ล้านให้พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)

รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า กรณีของนายตู้ห่าว กับเรื่องคนจีนทั้งหมด "ยังไม่มีใครฝากมา" แต่ยอมรับว่า ต้องเดินอย่างรอบคอบ ซึ่งมีการรายงานต่อ ผบ.ตร. เพื่อรายงานต่อไปยังนายกรัฐมนตรี โดยตลอด

"การทำงานแบบนี้ เรากำลังสู้อยู่กับคนรวย กำลังสู้อยู่กับกลุ่มทุนที่มีทุนมหาศาล การจะเอาคนเหล่านี้ให้อยู่หมัดต้องรวบรวมพยานหลักฐานให้รอบคอบชัดเจน รัดกุม และต้องรวดเร็วด้วย"

สำหรับประวัติของ นายตู้ห่าว นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม จากกลุ่ม "สามมิตร" พรรค พปชร. เคยให้สัมภาษณ์ยอมรับว่า ได้บริจาคเงินเข้าพรรค พปชร. จำนวน 3 ล้านบาท โดยมีหลักฐานปรากฏในเอกสารของ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)

เกี่ยวกับประเด็นนี้ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ ตอบคำถามสื่อสั้น ๆ ว่า การตรวจสอบเงินดังกล่าว "ต้องเข้าใจว่าพรรคการเมืองเขารับโดยไม่รู้ว่า เงินนั้นมาจากไหน"
 

นายชูวิทย์ ติดตามคดีที่สโมสรตำรวจ เมื่อ 23 พ.ย.

ค้นคฤหาสน์หรู

วันที่ 23 พ.ย. ชุดปฏิบัติการตำรวจที่สั่งการโดย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ปิดล้อมตรวจค้นกลุ่มทุนจีนสีเทาปูพรม 2 จุด โดยจุดที่สำคัญ คือ การปิดล้อมตรวจค้นบ้านหรูย่านพระราม 5 ซึ่งในทางสืบสวนเชื่อว่าเป็นแหล่งกบดานของ นายตู้ห่าว ซึ่งไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย และอีกจุดเป็นโรงแรมหรูในกรุงเทพฯ

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ แถลงในวันเดียวกันว่า นายตู้ห่าว ยังไม่มีการเคลื่อนย้ายทรัพย์สิน พร้อมปฏิเสธว่า การที่ใช้เวลาราวสองสัปดาห์ ตำรวจไม่ได้ออกหมายจับช้า แต่ต้องสอบสวนพยานหลักฐานให้ชัดเจน "เรื่องการดำเนินการไม่ได้ช้า และผมเองก็เร่งทุกวัน"

"ขณะนี้ ยึดบ้านราคา 200 กว่าล้าน ไว้แล้ว ซึ่งเป็นชื่อภรรยา และพบว่ายังมีทรัพย์สินเป็นที่ดินและโรงแรมด้วย "

ขยายผลการสวมทะเบียนราษฎร์

รอง ผบ.ตร. กล่าวด้วยว่า อีกประเด็นการสอบสวนคือ เรื่องการได้มาซึ่งสัญชาติของนายตู้ห่าว

"ตัวตู้ห่าวเขาไม่เหมือนคนจีนคนอื่น คนจีนคนอื่นไม่มีสัญชาติไทย มีแค่สัญชาติจีนกับกัมพูชา"

พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ ระบุเพิ่มเติมว่า นายตู้ห่าวได้สัญชาติไทย จึงไม่หนีไปไหน แต่คนอื่นมีสองสัญชาติ ทั้งนี้ ขบวนการเหล่านี้ไม่ได้ซับซ้อน เนื่องจากรัฐบาลจีนได้กวาดล้างคนกลุ่มนี้ จึงมีการนำเงินออกจากจีนมาลงทุนในประเทศกัมพูชา เช่น สีหนุวิลล์ ทำเรื่องผิดกฎหมาย เช่น คอลเซ็นเตอร์หลอกลวงการลงทุน พอต่อมารัฐบาลกัมพูชากวาดล้างหนัก จึงหอบเงินมาดำเนินการในประเทศไทย และอาศัยประเทศไทยเป็นแหล่งพักพิง

"เรื่องการสวมบัตรมีแน่ คนที่มีบัตรประชาชนคนไทย ต้องตรวจสอบเป็นรายคน ก็ต้องมีการไล่หาไปว่า ปลัดอำเภอคนไหนออก นายอำเภอคนไหนออก ซึ่งต้องไปดำเนินคดีต่อ"



สแกน 4 สถานบันเทิงพื้นที่ทุนจีนสีเทา


ในการแถลงของ ผบ.ตร. ยังมีรายละเอียดของการเข้าตรวจสอบสถานบันเทิงที่มีนายทุนจีนและนอมินี อยู่เบื้องหลัง สรุปได้ดังนี้

1. ร้านจินหลิง พื้นที่ สน.ยานนาวา

จับกุมดำเนินคดียาเสพติด คนจีน 4 ราย และออกหมายจับเพิ่มเติม 2 ราย คือ นายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือตู้ห่าว และนายหยาง เฉิน หรืออาหยาง สัญชาติจีน

2. ร้านท็อปวัน พื้นที่ สน.สุทธิสาร

เคยมีนักท่องเที่ยวหญิงชาวจีนเสียชีวิตจากการเสพยาเกินขนาด 1 ราย สอบสวนเพิ่มมีการจับกุมผู้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ไปแล้ว 4 ราย ส่วนการเปิดร้านพบว่ามีการใช้ชื่อคนไทยเป็นนอมินี แต่นายทุนจีนดังกล่าวได้แสดงออกโดยชัดเจนว่าตนมีความเป็นเจ้าของ จึงออกหมายจับดำเนินคดีแล้ว 2 ราย

3. ร้านเบบี้เฟซ พื้นที่ สน.คลองตัน

พบสารเสพติดในนักท่องเที่ยวภายในร้านจำนวน 2 ราย จากการสืบสวนเพิ่มเติมพบว่า ร้านดังกล่าวมีเจ้าของเป็นบุคคลสัญชาติจีนซึ่งมีคนไทยเป็นนอมินี จึงได้ทำการขยายผลจนทราบว่า เจ้าของสัญชาติจีนดังกล่าวคือ นายสุ่ย ไท่ เหว่ย หรือเดวิด เป็นเจ้าของ

กรณีนี้มีการจับกุมทั้งคนไทยที่เป็นนอมินี และคนจีน รวมทั้งนิติบุคคล รวม 4 ราย ดำเนินคดีในความผิดฐาน ให้ความช่วยเหลือหรือสนับสนุน หรือร่วมประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว อันเป็นธุรกิจที่กำหนดไว้ในบัญชีท้ายฯ โดยมิได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจดังกล่าว

4. ร้านคลับวัน พัทยา พื้นที่ สภ.เมืองพัทยา ตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี

เข้าตรวจจับในเดือน ต.ค. พบยาเสพติดจำนวนมากภายในร้านดังกล่าว และได้มีการจับกุมผู้ดูแลร้านจำนวน 1 ราย ดำเนินคดีในข้อหาเกี่ยวกับยาเสพติด และเปิดสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต

ร้านดังกล่าวมีบริษัท เดอะ ซิกเนเจอร์ จำกัด เป็นผู้ดำเนินกิจการดังกล่าว ซึ่งมีกรรมการและผู้ถือหุ้นจำนวน 4 ราย เป็นคนไทย

พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ กล่าวว่า คดีดังกล่าวทั้ง 4 คดีนี้ มีพฤติการณ์ใกล้เคียงกันทั้งหมดคือ เป็นสถานบันเทิงที่มีกลุ่มทุนจีนเป็นเจ้าของ โดยใช้คนไทยมาเป็นนอมินีบังหน้า และยังมีเชื่อมโยงกับการกระทำผิดประเภทอื่นๆ เช่น ยาเสพติด บ่อนการพนัน หรือคอลเซ็นเตอร์